29 เมษายน 2024
แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

            ในวัฒนธรรมทุกชาติทุกภาษา มักมีเรื่องแปลกๆ เหนือธรรมชาติมาเล่าเป็นตำนานสืบต่อกันมานับพันปี เราเคยรู้เรื่องเกี่ยวกับคนสมมติในนิยายซึ่งไม่มีตัวตนจริงมาแล้ว เช่น ปลาอานนท์ที่หนุนโลก พญานาคของไทย หรือพญาเล่งอ๋องของจีน ม้าบินปีคาซัสของฝรั่ง เป็นต้น

            คนสมมติก็เป็นทำนองเดียวกัน ได้แก่ คนที่น่ากลัวในนิยายหรือตำนาน ซึ่งเล่าสืบกันเป็นทอดๆ มาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ ไม่ว่าในตำนานของชาติใดมักมีคนสมมติอยู่ด้วยทั้งนั้น แสดงว่าจินตนาการของคนย่อมเพริดไปไกล ไม่ว่าเป็นยุคโบราณหรือยุคสมัยหลังลงมา คนสมมติเป็นสิ่งซึ่งแสดงออกถึงจินตนาการเกี่ยวกับสิ่งน่าหวาดเสียวสยองขวัญอันไม่มีขอบเขตของคนเรา

            คนสมมติในตำนานกรีกได้แก่กอร์กอน ซึ่งเป็นอสุรกายน่าเกลียดน่ากลัว มีผมเป็นงู มีด้วยกันสามพี่น้อง คงกระพันฆ่าไม่ตาย ยกเว้นตัวน้องสุดท้องที่ชื่อเมดูซ่าที่อาจฆ่าให้ตายได้ หากผู้ใดมองตานางจะกลายเป็นหิน

            ตำนานกล่าวว่า เดิมทีกอร์กอนทั้งสามเป็นเทพธิดารูปงามและอ่อนโยน มีความบริสุทธิ์เป็นพรหมจารี แต่ขณะที่เมดูซ่ากำลังบูชาเทพีอาธีน่าในวิหาร ได้ถูกโพไซดอนซึ่งหลงรักและพยายามใช้กำลังขืนใจ เรื่องรู้ถึงเทพีอาธีน่าจึงทรงฉวยโอกาสใส่ความว่าลบหลู่นางโดยการสมสู่ในวิหารของนาง เนื่องด้วยความเดิม อาธีน่ากับเมดูซ่ามีแม่คนเดียวกัน และอาธีน่าต้องการทำลายเมดูซ่าให้สิ้นซาก จึงสาปให้เมดูซ่ามีหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว และสาปให้ผมที่สวยงามดุจเส้นไหมทองของนางกลายเป็นงูเลื้อยยั้วเยี้ยเต็มหัว

            จากหญิงพรหมจารีที่งดงามกลายเป็นปีศาจที่น่าขยะแขยง เมดูซ่าทั้งโศกเศร้า อับอาย และน้อยใจในความไม่ยุติธรรมทั้งที่เธอมิได้ทำผิด นางตั้งใจรักษาพรหมจารีแต่ก็มิเคยได้รับผลความดีตอบแทนตรงนั้นเลย นางมีแต่ความอับอายและความแค้น จนเมดูซ่าต้องการทำลายทุกชีวิตที่ขวางหน้า

            จากความเกลียดชังที่ปะทุขึ้น ทุกคนที่มองหน้านางก็จะกลายเป็นหินไปหมด นางได้เป็นอสุรกายที่ร้ายกาจที่สุดในตำนานกรีก วีรบุรุษเพอร์ซีอุสเป็นผู้สังหารเมดูซ่าโดยใช้ดาบที่เทพีอาธีน่าประทานให้ตัดหัวของเมดูซ่า จากนั้นเมดูซ่าก็จบชะตากรรมชีวิตอันโหดร้ายที่ไร้ซึ่งความยุติธรรมของนางในที่สุด นับเป็นอสุรกายที่มีความเป็นมาอันน่าสงสารและน่าเห็นใจมากที่สุด

            หากอยากนึกว่าคนสมมตินั้นเป็นอย่างไร ก็ลองนึกถึงภาพของคนสมมติของเขมร ในเรื่องงูเก็งกองที่บนหัวมีงูยั้วเยี้ยเต็มไปหมด นั่นคือคนสมมติในเวอร์ชั่นเขมร ทว่าเรื่องคนสมมติใช่ว่าจะมีแต่ในจินตนาการของเขมร มันมีอยู่ทุกหนทุกแห่งรอบโลก โดยเฉพาะในกรีกที่มีคนสมมติอยู่มาก ที่เล่าขานสืบต่อกันมานับพันปีแล้ว

            คนสมมติที่โดดเด่นดังที่สุดที่ชาวโลกรู้จักกันแพร่หลายได้แก่เรื่องของนางกอร์กอน ซึ่งเป็นสุดยอดของคนสมมติที่น่าสยองขวัญโดยแท้ นางทรงไว้ซึ่งความน่าเกลียดน่ากลัวถึงขนาดใครได้เห็นหน้าเข้าแล้วจะต้องตกใจกลัวจนกลายเป็นหินไปทันที เรื่องของนางกอร์กอนเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกจนเกิดศัพท์ในภาษาอังกฤษคำหนึ่งว่า “Gorgonize” ซึ่งแปลว่า “แข็งเป็นหิน” ขึ้นมา

             นิยายกรีกโบราณเล่าถึงนางกอร์กอนไว้อย่างพิสดารพันลึก กวีเอกของกรีกสมัยดึกดำบรรพ์เช่น โอวิด และอพอลโลโดรัส ได้นำมาเขียนเป็นโคลงไว้ยืดยาว พูดถึงวีรกรรมของวีรบุรุษเพอร์ซีอุส ผู้สามารถสังหารนางกอร์กอนคนหนึ่งลงได้ พร้อมกันนั้นก็พูดถึงนางกอร์กอนว่าเป็นสามใบเถา คือมีอยู่ด้วยกันสามคนพี่น้อง เป็นหญิงทั้งหมด สองคนผู้พี่เป็นคนกึ่งเทพอันเป็นอมตะไม่มีวันตาย ยกเว้นน้องนุชสุดท้องคนเดียวที่ชื่อ “เมดูซ่า” ซึ่งน่ากลัวกว่าและร้ายกาจกว่าเพื่อนเท่านั้นที่เกิดแก่เจ็บตายได้เหมือนคนธรรมดา

            นางกอร์กอนมีกำเนิดมาได้อย่างไรไม่มีกวีผู้ใดกล่าวถึง ที่เล่าไว้เหมือนๆ กันก็คือสามพี่น้อง มีอิทธิฤทธิ์อำนาจมากมาย ไม่มีใครต่อสู้ได้เลย กอร์กอนน่าจะถือเพศพรหมจรรย์ เพราะเป็นหญิงรับใช้ในวิหารอาธีน่า แต่ด้วยความงามทำให้เหล่ากอร์กอนโดยเฉพาะเมดูซ่า ผู้ซึ่งมีผมสวยงามเป็นพิเศษกว่าพี่ทั้งสองนาง จนมีชายหนุ่มมาติดพันมากมาย แต่นางก็ไม่ปันใจให้ชายใด จนวันหนึ่งโพไซดอนจ้าวสมุทรผ่านมาพบเข้าและใช้กำลังข่มขืนนาง! แต่ไม่เฉพาะเมดูซ่าเท่านั้น พี่อีกสองนางของเมดูซ่าก็น่าจะตกเป็นภรรยาลับโพไซดอนเช่นกัน!

            เราคาดว่าหลังจากได้เป็นภรรยาโพไซดอนแล้ว เมดูซ่าได้พยายามเทียบชั้นกับเทพีอาธีน่าอย่างเงียบๆ (เพราะน่าจะเคยถูกจิกหัวใช้มานาน!) โดยการแอบนินทากับเหล่าพี่น้องพวกกราเอียว่า “ผมของเทพีอาธีน่าจะงามเท่าผมเราไหมหนอ?” แต่พวกกราเอีย (ซึ่งน่าจะเป็นนางพยากรณ์ในตำหนักอาธีน่า) คงเอาไปพูดต่อจนรู้ถึงหูอาธีน่า นางจึงกล่าวหาว่าเมดูซ่าก้าวร้าวอย่างให้อภัยไม่ได้ และใช้ข้ออ้างนี้สาปกอร์กอนทั้งหมด (รวมถึงกลุ่มกราเอียด้วย!)

            กลุ่มกอร์กอนถูกสาปให้ผมพันกันยุ่งเหยิง เพราะความเครียดจนกลายเป็นรูปงู (ผมขยับได้คล้ายนางพญาผมขาว) และด้วยความงามของใบหน้า อาธีน่าจึงสาปให้ใครก็ตามที่กล้าสบตาพวกนาง (ด้วยความเสน่หา?) ขอให้มันผู้นั้นกลายเป็นหิน! ซึ่งใกล้เคียงกับตำนานการกลายสภาพเป็นเสาเกลือ (Pillar of Salt)

            อันรูปร่างของนางกอร์กอนนั้น กวีพรรณนาไว้ว่าน่าเกลียดน่ากลัวที่สุด เป็นส่วนผสมของคนกับสัตว์ถึง 3 ชนิด คือ สัตว์น้ำ ได้แก่ปลา สัตว์ปีกได้แก่นก และสัตว์เลื้อยคลานคืองู นางมีร่างกายปกคลุมด้วยเกล็ดปลาแข็งแกร่งสีทอง มีปีกใหญ่เหมือนนกอินทรีและมีผมเป็นงูทั้งศีรษะ ส่วนที่น่าเกลียดที่สุดก็คือดวงหน้าของนางนั่นเอง…เป็นดวงหน้าที่ไม่มีใครสามารถทนมองดูได้ เพียงเหลือบเห็นนิดเดียวก็ทำให้ผู้ดูกลายเป็นหินไปทันที

            ลองหลับตานึกสมมติเอาในใจว่า นางกอร์กอนพวกนี้จะน่าเกลียดน่ากลัวขนาดไหน ทั้งสามพี่น้องอาศัยอยู่บนเกาะลี้ลับแห่งหนึ่งกลางมหาสมุทรกว้าง คอยปฏิบัติการอันไม่สุนทรกับบรรดาคนเดินเรือและมนุษย์อื่นๆ ที่หลงเข้าไปในเกาะของนาง

             เมื่อพูดถึงนางกอร์กอนก็ต้องกล่าวถึงวีรบุรุษเพอร์ซีอุสควบคู่กัน เพอร์ซีอุสได้รับคำสั่งจากเจ้าเมืองใจโหดให้ไปฆ่านางกอร์กอนและเอาหัวมาให้ดู เพอร์ซีอุสนั้นไม่สามารถแม้จะเดินทางไปยังเกาะนางกอร์กอนได้ ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากเทพตามธรรมเนียมนิยายกรีกทั่วไปที่เทพมักเข้ามายุ่งเกี่ยวกับมนุษย์เสมอ โดยความช่วยเหลือของเทพ 2 องค์ คือ เฮอร์เมสกับอาธีน่า ทำให้สามารถเสาะหาของวิเศษมาคุ้มครองตัวไว้จากอำนาจของนางกอร์กอน ของวิเศษที่ว่านี้คือรองเท้าวิเศษ กระเป๋าวิเศษ และหมวกวิเศษ

             ทว่ากว่าจะหาของวิเศษมาต่อกรกับนางกอร์กอนได้ ก็เล่นเอาเพอร์ซีอุสย่ำแย่เพราะของวิเศษทั้งหลายอยู่ในแดนของคนสมมติอีกพวกหนึ่ง ซึ่งไม่มีมนุษย์ธรรมดาล่วงรู้ว่าอยู่ที่ไหน นอกจากคนสมมติด้วยกันเท่านั้น พูดง่ายๆ ก็คือเรื่องนี้เต็มไปด้วยคนสมมติแปลกๆ ที่ติดต่อกันอยู่เฉพาะในพวกเดียวกันเอง เป็นอีกโลกหนึ่งต่างหาก

            ของวิเศษที่เพอร์ซีอุสต้องการอยู่ในแดนของคนสมมติผู้มีความสุข หรือจะเรียกว่า “ผาสุกชน” ก็คงไม่ผิดนัก เมืองของคนผู้มีความสุขที่เรียกว่าพวก Hyperborean เหล่านี้ไม่มีใครรู้จัก นอกจากสตรีมืดแห่งแดนสนธยา ซึ่งเป็นคนสมมติอีกพวกหนึ่ง มีรูปร่างน่าเกลียดพอๆ กับนางกอร์กอนนั่นแหละ เพียงแต่ไม่มีฤทธิ์อำนาจเท่านั้น แต่ดูจะประหลาดกว่านางกอร์กอนเสียอีก ตรงที่บรรดาสตรีมืดซึ่งมีอยู่ด้วยกันสามพี่น้องมีดวงตาอยู่เพียงดวงเดียว และมีเบ้าตาอยู่หนึ่งเบ้าบนหน้าผากแต่ละคน

            เวลาคนไหนจะดูอะไรต้องผลัดกันใช้ดวงตาคนละเวลา และช่วงเวลาที่คนหนึ่งถอดดวงตาออกส่งให้อีกคนหนึ่ง จะเป็นช่วงที่ทั้ง 3 คนมองไม่เห็นอะไรเลย เพอร์ซีอุสฉวยโอกาสนี้แย่งเอาดวงตามา แล้วขู่บังคับให้บอกที่อยู่ของพวกผาสุกชน สตรีมืดสามพี่น้องกลัวเสียนัยน์ตาจึงยอมบอกโดยดี

            เพอร์ซีอุสเดินทางไปยังถิ่นคนสมมติกลุ่มนั้น และสามารถขอของวิเศษมาได้ครบทุกอย่าง คือ รองเท้าวิเศษสวมแล้วเหาะได้ กระเป๋าวิเศษที่ใส่ของแล้วขยายตัวออกห่อหุ้มของนั้นจนมิดไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่แค่ไหน กับสิ่งที่สำคัญที่สุดคือหมวกวิเศษ ซึ่งสวมแล้วทำให้ล่องหนหายตัวได้ทันที

            เมื่อได้ของวิเศษมาครบแล้วก็ออกเดินทางไปล่านางกอร์กอน โดยมีจุดหมายเฉพาะนางเมดูซ่าคนเดียว เพราะนางไม่ใช่กึ่งคนกึ่งเทพอย่างพี่สาวทั้งสอง สามารถฆ่าให้ตายได้ เพอร์ซีอุสจึงรีบออกเดินทางโดยมีเฮอร์เมสกับอาธีน่า เทพผู้อารีตามไปช่วยด้วย

             ปัญหามีอยู่ว่า ทำอย่างไรจึงจะฆ่านางกอร์กอนเมดูซ่าได้ ในเมื่อทุกคนที่มองดูนางจะต้องกลายเป็นหินไปหมดไม่มีข้อยกเว้นเลย?

             วิธีแก้ มีเทพคอยช่วยอยู่แล้วตั้ง 2 องค์ เฮอร์เมสให้ดาบวิเศษซึ่งสามารถฟันทะลุเกล็ดอันแข็งแกร่งที่ปกคลุมร่างนางเมดูซ่าได้ ส่วนอาธีน่าก็ให้โล่ทองเหลืองขัดเป็นเงาวับ ใช้สำหรับส่องดูนางกอร์กอนแทนกระจก ด้วยวิธีนี้เพอร์ซีอุสจึงไม่จำเป็นต้องมองดูหน้าคนสมมติผู้แสนจะน่ากลัวเลย

             แล้วเหตุการณ์ก็เป็นไปตามความคาด คือเพอร์ซีอุสสามารถเอาชนะเหนือนางเมดูซ่าได้อย่างง่ายดายด้วยของวิเศษที่มีอยู่ เมื่อตัดศีรษะนางได้แล้วก็เอาใส่ในกระเป๋าวิเศษ ซึ่งห่อหุ้มศีรษะได้มิดชิดพอดี หมวกวิเศษช่วยให้หายตัวพ้นจากการตามล่าล้างแค้นของนางกอร์กอนผู้พี่ที่ยังเหลืออยู่ เพอร์ซีอุสจึงนำศีรษะนางกอร์กอนเมดูซ่ากลับบ้านเมืองโดยปลอดภัย นำเข้าไปถวายเจ้าเมืองซึ่งกำลังอยู่ในงานเลี้ยงสำเริงสำราญอยู่ ศีรษะของนางกอร์กอนทั้งๆ ที่ตายแล้วก็ยังออกฤทธิ์ทำให้ทุกคนในงานเลี้ยงที่มองดูศีรษะนั้นกลายเป็นหินไปหมดโดยฉับพลัน

             ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวของนางกอร์กอนที่จินตกวีกรีกโอวิดเขียนไว้ แต่ยังมีกวีนิรนามบางคนที่ให้ข้อมูลและที่มาของนางกอร์กอนผิดแผกออกไปอย่างสิ้นเชิง นั่นคือ กล่าวกันว่านางกอร์กอนเมดูซ่า (มีอยู่คนเดียวไม่ใช่พี่น้องสามใบเถา) เคยเป็นเทพธิดาอยู่ในสรวงสวรรค์มาก่อน นางมีความงามอันเลื่องลือไปไกล จนซูสผู้เป็นเทพบิดรของกรีกชักสนใจ เฮร่า มเหสีขี้หึงของซูสจึงสาปให้นางเมดูซ่ามีความน่าเกลียดน่ากลัวขึ้นมา นั่นคือให้ผมดกดำยาวงามของนางกลายเป็นงูไปหมดทั้งศีรษะ และไล่ลงจากสวรรค์ให้มาอยู่บนเกาะว้าเหว่แห่งหนึ่งในดินแดนมนุษย์

            ความงามอันน่าพิศวงของหน้าตานาง ระคนกับความน่ากลัวน่าขยะแขยงของบรรดางูบนศีรษะ รวมกันเข้าเป็นความแตกต่างตรงข้ามที่กระทบความรู้สึกของผู้พบเห็นอย่างแรง ทำให้ช็อกและเป็นสาเหตุให้กลายเป็นหินไป

             ถ้าจะเลือกเชื่อ ก็อยากเชื่อนิยายเรื่องหลังนี้มากกว่า เพราะความงามสุดขีดกับความน่าเกลียดสุดขีด เมื่อแยกกันอยู่อาจไม่เป็นไร แต่เมื่อมารวมอยู่ในตัวคนคนเดียวกัน ความแตกต่างตรงข้ามของมันอาจทำให้ผู้พบเห็นปั่นป่วนจนช็อกได้ทีเดียว

             ชื่อเสียงและเรื่องราวของนางกอร์กอนแพร่หลายเป็นที่รู้จักทั่วโลก มีผู้นำเอาไปเขียนเป็น นวนิยาย และสร้างเป็นภาพยนตร์หลายครั้งหลายคราว เมื่อหลายปีก่อนได้มีภาพยนตร์มาฉายที่ไทยเรื่องหนึ่ง มีชื่อในภาษาไทยว่า “ปีศาจสาวสองพันปี” แต่ชื่อภาษาอังกฤษสั้นๆ ว่า The Gorgon เท่านั้น เป็นเรื่องที่เดินตามเค้าโครงตำนานซึ่งกวีนิรนามเขียนไว้ คือกล่าวถึงวิญญาณของกอร์กอนเมดูซ่าซึ่งเคยเป็นเทพธิดาโฉมงามอยู่บนสวรรค์ เมื่อถูกเพอร์ซีอุสสังหาร วิญญาณของนางก็ยังอยู่  แต่เป็นวิญญาณที่อาฆาตแค้น คอยสิงสู่ในร่างมนุษย์ผู้หญิง ทำให้ใครที่พบเห็นกลายเป็นหินไปมากมาย

            สำหรับคนไทยเรา ชื่อเสียงของนางกอร์กอนอาจไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายเท่าคนสมมติอื่นๆ แต่ในฐานะที่นางเป็นคนสมมติที่น่ากลัวที่สุดในสายตาของกวีกรีก จึงนำมาเล่าสู่กันฟังสนุกๆ หากท่านได้อ่านแล้วนึกไม่ออกว่านางกอร์กอนหน้าตาเป็นอย่างไร ก็ดูเอาได้จากรูปประกอบเรื่องนี้

งานประติมากรรมของลูเซียโน การ์บาตี
ศิลปินชาวอาร์เจนตินา-อิตาลี

            แต่นั่นแหละ ถึงจิตรกรและประติมากรจะพยายามเขียนรูป ปั้นรูปให้ดูน่ากลัวอย่างไร ก็คงทำให้เหมือนได้ยาก เพราะถ้าทำให้น่าเกลียดน่ากลัวสมดังที่กวีรจนาไว้ ตัวผู้เขียนและผู้ปั้นเองนั่นแหละที่จะกลายเป็นหินไปก่อนใครๆ ทั้งนั้น

            หากจะพูดถึงหญิงสาวผู้มีผมเป็นงูแล้ว เชื่อว่าทุกคนจะนึกถึงเมดูซ่า (Medusa) แต่ความจริงแล้วตามตำนานกรีกมีหญิงสาวผู้มีผมเป็นงูอยู่ทั้งหมด 3 คนด้วยกัน นั่นก็คือ…

            สเธโน (Stheno) พี่สาวคนโตของสามพี่น้องกอร์กอน เป็นอสุรกายสาวที่มีผมเป็นงูพิษ มีเขี้ยวเล็บ แต่เธอไม่มีความสามารถในการทำให้คนกลายร่างเป็นหินเช่นเดียวกับเมดูซ่า เธอมีความเป็นอมตะ นอกจากนี้ยังฆ่าคนตายมากกว่าน้องสาวของเธอทั้งสองคนรวมกัน จนได้ฉายาว่า สเธโนผู้ทรงพลัง

            ยูริอาลี (Euryale) อสุรกายสาวที่มีผมเป็นงูพิษ มีเขี้ยวเล็บเช่นเดียวกัน มีความเป็นอมตะแต่ไม่มีความสามารถในการทำให้คนกลายร่างเป็นหิน ในสามพี่น้องกอร์กอนเธอเป็นที่รู้จักในด้านของความคล่องแคล่วว่องไว จนได้ฉายาว่า ยูริอาลีผู้โลดโผน

            เมดูซ่า (Medusa) อสุรกายผู้มีผมเป็นงู และเมื่อมีคนมองมาที่ตา คนผู้นั้นจะกลายเป็นหิน เมดูซ่าไม่มีความเป็นอมตะเหมือนพี่สาวทั้งสองของเธอ ชาวกรีกโบราณเชื่อกันว่าเส้นผมที่เป็นงูของเมดูซ่านี้สามารถป้องกันการปองร้ายของเหล่าปีศาจได้เป็นอย่างดี

เรื่องโดย. ทิวากร สุวพานิช

ภาพโดย. www.ubuy.co.th, onedio.com, discover.hubpages.com, qz.com, thatmuse.com, www.grunge.com, wallpaperaccess.com, Ai


แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •