1 พฤษภาคม 2024
แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

            “ก็อตชิล่า” สัตว์ประหลาดที่คนทั่วโลกชื่นชม และน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักมัน!!!

                แต่…ก็มีอีกจำนวนมากที่ไม่ทราบที่มาของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ ทำไมญี่ปุ่นจึงสร้างก็อตซิลล่าขึ้นมา? สร้างเพราะปมในใจเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่อเมริกาทิ้งปรมาณูที่นางาซากิและฮิโรชิม่าใช่หรือไม่?

                ไม่มีใครทราบความในใจ แม้ว่าผู้สร้างก็อตซิลล่าตัวแรกในปี ค.ศ.1954 จะบอกว่ามันคือสัตว์จำศีลอยู่ใต้ท้องทะเลญี่ปุ่น แล้วถูกปลุกจากการทดลองยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ มันก็เลยลุกขึ้นจากก้นทะเลออกอาละวาดทำลายบ้านเมืองพังพินาศ

                บ้างก็บอกว่าก็อตซิลล่าถูกรังสีเมื่อครั้งถูกนิวเคลียร์ ทำให้มันกลายพันธุ์มีร่างกายใหญ่โต ไม่ใช่แค่ก็อตซิลล่าจะเปลี่ยนแปลง ยังมีเพื่อนคู่แค้นอีกหลายตัวที่ได้รับผลกระทบทางร่างกายด้วยเช่นกัน ส่วนจิตใจไม่ต้องกล่าว เพราะเมื่อร่างเปลี่ยน จิตก็ต้องเปลี่ยน กลายเป็นก้าวร้าวและไร้เหตุผล

                บ้างก็ว่า คือความหวาดกลัว เกลียดชังสงครามโลก เขาจึงสร้างก็อตซิลล่าขึ้นมาเป็นตัวแทนแห่งธรรมชาติ มีศัตรูตัวร้ายนอกโลกคือมังกรสามหัวตัวสีทอง (หรือเปรียบได้กับพวกฝรั่งผมทอง) ที่ก็อตซิลล่าต้องมาปราบ

                จะว่าไปก็อตซิลล่าถ้าเป็นคนก็ประเภทไบโพล่า ที่มีอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ภาษาไทยก็ประเภทคุ้มดีคุ้มร้าย หรือผีเข้าผีออก หรือจะว่าไม่จริง?

                แต่ถ้าผู้สร้างบอกว่าก็อตซิลล่าคือตัวแทนแห่งธรรมชาติ เรียกว่ารักษ์ธรรมชาติ ขุนเขา สายลม และสายธารเป็นจิตใจ เมื่อแกตื่นขึ้นมาคงช็อกที่โลกใสๆ ของแกมีแต่ตึกรามบ้านช่อง และรถไฟฟ้าวิ่ง อากาศก็เหม็นหายใจติดขัด ขุนเขาป่าไม้ที่เขียวชอุ่ม สัตว์น้อยใหญ่หายไปไหน?

                เหล่านี้เป็นเพราะผลพวงพิษร้ายจากการยิงนิวเคลียร์ถล่ม หลังสงครามยุติ (ญี่ปุ่นยกธงขาว ค.ศ.1945 คนสร้างก็อตซิลล่าฉายปี 1954 ส่วนการสร้างตัวตนไม่ได้บอกว่าเริ่มขึ้นในปีใดกัน?)

                ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ก็อตซิลล่าโมโห บุกทุบทำลายบ้านเมืองดังที่เห็น คือโกรธไง โกรธที่มนุษย์ทำไมต้องทำร้ายและทำลายธรรมชาติด้วย แกไม่สนใจหรอกว่าผลร้ายที่เกิดนี้มาจากระเบิดนิวเคลียร์

                แกสนแค่ว่า จะไล่ทำร้ายผู้กระทำ ก็คือมนุษย์ให้สิ้น พอมีพวกสัตว์ประหลาดโผล่มาแกก็ฆ่าๆๆ ไม่ได้คิดช่วยคนสักเท่าไร ถามว่าพี่แกผิดไหม? แน่นอนย่อมไม่ผิด!!

                เพราะพี่ก็อตแกคิดว่าโลกนี้คือโลกของแก นี่คือเจตนาของผู้สร้างก็อตซิลล่าตัวแรก แต่ตัวต่อๆ มาก็อาจเพี้ยน และหรูหราอลังการตามยุคสมัย มีการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดตัวอื่นที่มาจากนอกโลก และร่วมมือกับสัตว์เทพเพื่อปกป้องอาณาเขตของตน จนพี่ก็อตแกได้ใจชาวเกาะและชาวโลกอย่างท่วมท้น

                แล้วท่านผู้อ่านเชื่อหรือไม่ว่า พี่ก็อตแกดังถึงกับอวยให้เป็นสัตว์แห่งเทพเจ้ากันด้วย ซึ่งเขาก็ไม่ได้อวยจนเว่อร์หรือออกนอกหน้าอะไรหรอกนะ เพราะมีสัตว์เทพสายพันธุ์พี่ก็อตอยู่จริงๆ??

            ก็อตซิลล่าเทพผู้พิทักษ์ญี่ปุ่น

                ก็อตซิลล่าอยู่คู่กับลูกหลานชาวญี่ปุ่นมานานกว่า 66 ปี หรือถ้านับแต่กำเนิดจริงก็อาจมีอายุเป็น100 ปีเลยก็ได้ มันเริ่มมีมาตั้งแต่ยุคโชวะ จนถึงยุคปัจจุบันคือยุคเรย์วะ

                แต่ในแบบฉบับของญี่ปุ่นในยุคเฮเซย์จะมีจุดกำเนิดมาจากไดโนเสาร์ที่โดนนิวเคลียร์แล้วกลายเป็นก็อตซิลล่า (ซึ่งจุดกำเนิดของก็อตซิลล่าของญี่ปุ่นจะมีเพิ่มเติมในภาค ก็อตซิลล่าปะทะคิงกิโดร่า)

                อย่างที่เกริ่นไปแล้ว ว่าเจ้าก็อตแกเป็นสัตว์โบราณที่กำลังจำศีลอยู่ใต้ทะเล และถูกปลุกขึ้นจากการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ แถมยังเข้าใจว่าเป็นศัตรูตัวร้ายที่เคยต่อสู้กับแก๊งอุลตร้าแมนอีกด้วย ซึ่งมันไม่ใช่ เขามีหนังสืออ้างอิง คือหนังสือก็อตซิลล่าของโตโฮออกมาอีกด้วย

                มีนักวิชาการญี่ปุ่นบางท่านได้ตีความสัตว์ประหลาดบนฐานคิดจากตำนาน ที่กล่าวถึงกำเนิดประเทศญี่ปุ่น โดยมองว่า นัยยะของสัตว์ประหลาดยักษ์ที่มนุษย์สร้างขึ้นมานี้เปรียบเสมือนกับบุตรของเทพที่ชอบทำลายล้าง คือ “คากุทสึชิ” เทพองค์สุดท้ายที่กำเนิดจากเทพบิดร อิซานางิ กับเทพมารดร อิซานามิ ผู้ถือครองอำนาจทำลายล้างแห่งไฟที่เป็นเหมือนบุคลาธิษฐานของภูเขาไฟบนแผ่นดินญี่ปุ่น

                เมื่อเวลาผ่านมาถึงยุคใหม่ เทพแห่งการทำลายล้างจึงคลี่คลายเปลี่ยนจากเทพร้ายให้มาเป็นสัตว์ประหลาดยักษ์นามก็อตซิลล่า ที่ยังคงความหมายถึงพลังอำนาจของธรรมชาติที่แสดงออกผ่านภัยพิบัติต่างๆ อาทิ ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว อุทกภัย วาตภัย เป็นต้น

                เรามาดูก็อตซิลล่าของมนุษย์ที่สร้างจากความคับแค้นนี้ต่ออีกสักนิด ก่อนจะไปดูเทพตัวจริง

                ก็อตซิลล่าเปรียบได้กับผู้อาวุโสที่ชาวโลกต้องให้เกียรติและความเคารพ ด้วยวัยวุฒิอันเป็นอมตะ และคุณวุฒิความสามารถที่ไม่มีใครหาญทำลาย หักล้างลงได้ง่ายๆ จึงทำให้เป็นซูเปอร์ไอดอลของคนในหลายแขนงสาขาทั่วโลก รวมทั้งในโลกภาพยนตร์ ฮอลลีวู้ด ประเทศอเมริกาถึงกับลงทุนซื้อลิขสิทธิ์เอาไปสร้างทำหนังฟอร์มยักษ์ เรื่อง Godzillaในปี 1998 และ Godzilla ในปี 2014 (ภาค king of the monsters)

                แต่ทำออกมาก็ไม่ดังเปรี้ยงปร้างเหมือนต้นตำรับเดิม ถูกวิจารณ์ยับ เพราะก็อตซิลล่าของอเมริกาเหมือนไดโนเสาร์ยักษ์ผสมทีเร็กซ์ ตอนจบอุตส่าห์ทิ้งไข่ไว้ให้ฟักเป็นตัวหวังจะเกิดภาค 2 ต่อ จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สร้าง เพราะคนดูไม่นิยม ยอดฉายไม่ดี ไม่สะใจเหมือนพี่ก็อตเมืองปลาดิบ

                6 ปีต่อมาจึงเอาก็อตซิลล่านิวยอร์กปะทะกับก็อตซิลล่าตัวจริง ให้รู้ว่าระหว่างญี่ปุ่นกับอเมริกาใครจะแน่กว่ากัน?

                ด้วยรูปร่างใหญ่ยักษ์ ทรงพลังมหาศาล จึงมีคนนำชื่อไปตั้งเป็นฉายาให้กับนักมวยไทยชาวเยอรมันที่มีชื่อว่า ยาห์ยา กูเลย์ นอกจากสายนี้ยังมีการนำไปตั้งเป็นชื่อสกุลของไดโนเสาร์กินเนื้อที่มีความยาว 5.5 เมตร ที่รัฐนิวเม็กซิโกว่า Gojirasaurus ซึ่งมาจากคำว่า โกจิร่า ออกสำเนียงภาษาญี่ปุ่น โดยผู้ค้นพบคือ เคนเนธ คาร์เพนเธอร์ นักบรรพชีวินวิทยาก็เป็นติ่งของก็อตซิลล่าด้วยนั่นเอง

                ตำนานเทพก็อตซิลล่าจริงหรือหลอก?

                ในตำนานมีชื่อเรียกว่า โฮเนนโย หรือสัตว์ที่อยู่ในน้ำ เล่าว่าเจ้าโฮเนนโยในตำนานท้องถิ่นนั้น มักพบเห็นว่าอยู่ในท้องแม่มัน มันเจริญเติบโตรวดเร็ว มีขนาดความสูงไม่ต่ำกว่า 2 เมตร ไม่ใช่ปลาแน่ๆ แถมคล้ายพังพอน ตามตัวมีเกล็ดเหมือนงู มีขาใหญ่ลักษณะเหมือนเต่า และนัยน์ตาใสราวกระจกแก้ว มีเขาและมีครีบด้านหลัง ตามตัวจะมีตะไคร่ มอสเขียวเกาะราวกับสัตว์ตัวนี้อยู่ก้นแม่น้ำตลอดเวลา

                โฮเนนโย เป็นสัตว์แปลกประหลาด ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์ และอยู่ห่างไกลคนเข้าไว้ จึงดำดิ่งลงไปยังแม่น้ำ ทำให้เรื่องราวของมันไม่ค่อยมีใครรู้สักเท่าไรว่ามันคือใครมาจากไหน มีวิถีการดำรงพงศ์พันธุ์อย่างไร

                ตามตำนานเล่าว่า การจะพบเห็นโฮเนนโยได้ ก็แค่ตอนที่ลากอวนเหวี่ยงแหไปถูกและจับขึ้นมาได้เท่านั้นเอง ชาวบ้านเชื่อว่า การปรากฏตัวของโฮเนนโยคือลางดีของโชคชะตาใหม่ที่ดีๆ สู่ผู้พบเห็น

                เรื่องการได้พบเห็นโฮเนนโยนี้เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ หรืออาจพูดถึงส่งต่อกันจากปู่ย่าตายาย ทว่ามาโด่งดังเอาเมื่อราวปี พ.ศ.2409 ประมาณ 159 ปี หรือเจ้าโฮเนนโยอาจอยู่มานานกว่าที่คนรู้

                การพบครั้งนั้นเกิดที่แม่น้ำโยโดะ เมืองโอซาก้า ทำให้ข่าวได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ สื่อพิมพ์ทุกชนิด บอกว่ามันยาวราว 2-3 เมตร มีน้ำหนักประมาณ 70 กิโลกรัม ตามรายงานในยุคนั้นจะบันทึกเมื่อมีการค้นพบปลาแปลกๆ ที่มีรูปร่างหน้าตาประหลาด

                หลังจากเผยแพร่ข่าวนี้ออกไปไม่นาน กิจการหนังสือก็ดีขึ้นๆ เขาจึงคิดว่านี่คือเรื่องมงคล เปลี่ยนชะตาให้หนังสือพิมพ์รุ่งเรือง เขาจึงขนานนามว่า โฮเนนโย

                แม้ว่าในบันทึกจะบอกรูปร่างลักษณะออกมา คล้ายกับว่าเป็นปลา แต่ตรงข้ามกับภาพวาดที่คล้ายสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ หรือซาลาแมนเดอร์ยักษ์ญี่ปุ่น (Andrias japonicus) ที่สามารถเติบโตได้สูงถึง 1.5 เมตร และอาศัยอยู่ในแม่น้ำ

                มีการสันนิษฐานว่าจากการพบมันในแม่น้ำโยโดะ อาจเป็นซาลาแมนเดอร์ยักษ์ที่พเนจรจากภูเขาหรือล่องมาตามสายน้ำ ผ่านทะเลเข้ามา

                แล้วมันก็ยังได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะภาพที่วาดเมื่อเกือบสองร้อยปีก่อนนั้นอยู่ในสมัยเอโดะ และมีรูปร่างคล้ายกับก็อตซิลล่าในยุคโชวะ แล้วมันก็ปรากฏตัวในจอสี่เหลี่ยมโลกภาพยนตร์ หลังจากหนังสือพิมพ์ของโฮเนนโยเปิดเผย เรียกว่าถูกรู้จักในโลกมายามานานแล้ว

เรื่องโดย. กรุเก่า

ภาพโดย. Ai


แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •