26 เมษายน 2024
แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

                บ้านผมเป็นร้านขายของ ก็พวกของชำ ของใช้จิปาถะนั่นแหละครับ สมัยก่อนร้านผมหรือบ้านผมนี้ขายดีมากๆ เพราะเราเป็นร้านที่มาเปิดใหม่…เรียกว่าสมัยนั้นในละแวกนี้ไม่มีใครสู้เราได้เลยทีเดียว

                แต่เมื่อเวลาผ่านไป อะไรๆ ก็เสื่อมโทรม เรื่องแบบนี้ก็รวมมาถึงร้านของผมด้วย เหตุหนึ่งที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเวลานี้ได้มีร้านสะดวกซื้อที่เปิดทำการ 24 ชั่วโมงมาเปิดอยู่ติดกับร้านของผม..และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้อะไรๆ เหล่านี้เปลี่ยนไป ลูกค้าที่เป็นเด็กๆ เรื่อยไปจนวัยรุ่น ทุกคนหันหน้าไปเข้าร้านสะดวกซื้อที่ติดอยู่กับร้านของผมแทบทั้งสิ้น…ดังนั้น กลุ่มลูกค้าที่ยังคงแวะเวียนมาซื้อของที่ร้านผมก็เลยเหลือแค่กลุ่มผู้ใหญ่ เรื่อยไปจนผู้สูงอายุ และส่วนใหญ่ในจำนวนนี้ ที่เค้ามาซื้อของที่ร้านผมก็เพราะ…ร้านผมซื้อเงินเชื่อได้นั่นเอง

                ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดก็เพื่อจะให้เห็นความเป็นมาเป็นไปของผู้คนละแวกนี้ และแถวๆ นี้เองก็มีความเปลี่ยนแปลงอีกหนึ่งอย่างก็คือ ในซอยเยื้องๆ ร้านของผมไปหน่อยนึงจะมีซอยที่เงียบๆ อยู่…หรืออย่างน้อยๆ เมื่อก่อนนี้ซอยนี้ก็เคยเงียบมาก่อนล่ะ…

                จนมาเมื่อไม่นานมานี้เองที่มีกลุ่มพวกนักค้าของเก่าซึ่งเรียกแบบนี้จะดูดี แต่ถ้าให้เรียกกันภาษาชาวบ้านจริงๆ แล้วก็คือพวกซาเล้ง…พวกนี้มาทำการติดต่อซื้อขายกันตั้งแต่บ่ายๆ เรื่อยไปจนเย็นค่ำ จากซอยที่เคยเงียบก็กลายเป็นซอยที่พลุกพล่าน ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างมาตกลงซื้อขายกันในซอยนั้น ไหนจะต้องมาขนของซื้อของกันอีกล่ะ เสียงเอะอะโวยวายมีไม่เว้นแต่ละวันทีเดียว…

                ใครจะเชื่อ พวกที่มารับซื้อของเก่าหรือซื้อของที่ชาวบ้านเค้าไม่ใช้ หรือทิ้งๆ แล้วแบบนี้ วันหนึ่งๆ จะมีของที่มาตกลงราคาซื้อขายกันในมูลค่าไม่ต่ำกว่าสองสามหมื่นบาท…นั่นคือราคา และตัวเงินในหนึ่งวันนะครับ ถ้าเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน เป็นปี เงินหมุนเวียนของการค้าขายของเก่าแบบนี้จะมากมายขนาดไหน เดี๋ยวนี้ใครว่า พวกซาเล้งขายของเก่าเป็นคนจน ผมคนหนึ่งขอปฏิเสธครับ…เพราะเท่าที่ผมเห็นและเคยเข้าไปพูดคุยวิสาสะด้วยนั้น แต่ละคนขับรถทั้งนั้นเลย รถกระบะป้ายแดงมีให้เห็นเสมอๆ อย่างรายหนึ่ง…ผมเรียกแกว่า พี่แก่น

                พี่แก่นเป็นชาวอีสาน เป็นคนจังหวัดกาฬสินธุ์ แกเป็นคนรับซื้อรายใหญ่ของที่นี่ และเป็นผู้ผูกขาดการค้าขายของกลุ่มการค้าที่นี่เลยทีเดียว ทุกคนมักจะเกรงใจแก ไม่ใช่จากอาวุโส แต่เนื่องจากแกเป็นผู้รับซื้อรายใหญ่ ใครเอาของมาขายเท่าไหร่ๆ แกรับซื้อหมด แล้วใครจะซื้อของหรือจะมารับของไปแก้ไข ดัดแปลงก่อนจะนำไปขายก็ต้องมาซื้อต่อที่แกอีกทีหนึ่ง

                บางคนไม่พอใจก็มาต่อว่าแก เพราะแกเล่นตัดหน้ารับซื้อหมดคนเดียว แกก็ไม่ได้ว่าอะไร บอกว่าถ้า คุณจะไปซื้อกับพวกเค้าก็ได้…แต่คนที่เค้าเอาของมาขายก็ไม่ยอมขายให้ เพราะแกเอาของมาทุกวัน พี่แก่นก็รับซื้อหมดทุกอย่าง เกิดเค้าไปขายให้คนอื่น แล้วพี่แก่นไม่ยอมรับซื้อจากเค้าอีกเลย…แบบนี้เค้าก็ตายอยู่ดี เพราะขี้หมูขี้หมา อย่างน้อยๆ วันหนึ่งๆ เค้าก็ได้จากพี่แก่นสองสามพันและได้ทุกวันนั่นเอง ขายใครไม่ได้ก็ยังมีพี่แก่นรับซื้อ…ถ้าไม่มีพี่แก่น พวกเค้าแย่แน่ๆ

                ดังนั้น คนที่มาทำการซื้อขายของพวกนี้จึงตั้งเป็นกฎกันขึ้นมา และเวลาจะซื้อขายก็…ใครมาก่อนได้ก่อนตามระบบคิว ไม่เห็นจะมีตีกัน…ถ้าจะมีตีกันหรือทะเลาะแย่งของกันจริงๆ แล้วล่ะก็ มักจะเป็นคนที่มาใหม่ หรือคนที่ไม่รู้กฎกติกาของที่นี่

                ผมนั้นเคยเข้าไปดูพวกเค้าซื้อขายและต่อรองราคาหลายต่อหลายครั้ง และการที่ผมเข้าไปให้พวกเค้าเห็นหน้าบ่อยๆ นี้ก็ทำให้หลายๆ คนในที่นั้นรู้จักผมและสนิทกันมากขึ้น โดยเฉพาะพี่แก่น ผมเคยพูดเล่น พูดคุยกับแกบ่อยๆ และก็จากการพูดคุยกันเล่นๆ นี้เอง ทำให้ผมได้รู้เรื่องประหลาดๆ จากแก วันนั้นเผอิญผมถามแกว่า “เออนี่แน่ะ พี่แก่น เวลาพี่ไปรับซื้อของเก่า ของแปลกๆ อะไรพวกนี้ เคยเจออะไรดีๆ บ้างมั้ย?”

                “ไอ้อะไรดีๆ ของคุณ มันแบบไหน แบบราคาดี หรือผีหลอกล่ะ…?” แกถามทีเล่นทีจริง ผมบอกแกว่าอย่างหลัง แกก็หัวเราะก๊าก บอกว่ามีซิๆ แล้วแกก็เล่าเรื่องที่แปลกๆ ของแกให้ผมฟังว่า “คุณเชื่อมั้ย ไอ้เวลาที่ผมจะไปรับซื้อหรือหาของอะไรพวกนี้น่ะ ผมไม่ได้ดูมั่วซั่ว หรือเห็นว่าสภาพดีก็ซี้ซั้วรับมาเลยนะ…ผมต้องดูให้แน่ใจก่อนถึงจะตกปากรับคำซื้อ เพราะครั้งหนึ่ง สมัยที่ผมเพิ่งเริ่มอาชีพนี้ใหม่ๆ ผมเคยไปรับซื้อของจากบ้านหลังหนึ่งแถวๆ ธนบุรี บ้านนี้รวยมาก แต่อยู่ดีๆ ก็เกิดขายบ้านทิ้งไปซะอย่างนั้นแหละ…

                ทีแรกผมก็ไม่รู้ว่ามีอะไร เพราะวันหนึ่งคนในบ้านเค้าก็ขนของในบ้านออกมาขาย เค้าขายหมดเลยนะ โต๊ะ ตู้ ตั่ง เตียง อะไรต่อมิอะไร…ทีนี้ในบรรดานั้นก็มีตู้อยู่ใบหนึ่งที่ผมเกิดไปถูกใจเข้า ผมเห็นปั๊บก็รู้เลยว่านี่แหละของเก่าจริงๆ เก่าแบบนี้ราคาดีแน่ๆ ดีไม่ดีขายได้เหยียบแสนเลยล่ะ ผมก็เลยรับซื้อตู้ใบนั้นมาในราคาไม่ถึงหมื่นเท่านั้น ดีใจนะ…ผมว่าคราวนี้ผมฟันกำไรเหนาะๆ แน่ เอากลับมาบ้านก็ฝันหวานเลยนะ…แล้วคืนนั้นเองมันก็เกิดเรื่องขึ้น” แกว่า

                “คืนนั้นผมนอนไม่หลับ เป็นอะไรไม่รู้ กระวนกระวายไปหมดเลย ก็นอนเล่นรอแฟนผมกลับมา แฟนผมเค้าทำงานโรงงาน ขณะที่กำลังรอๆ อยู่ผมก็เกิดได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ ดังมาจากห้องเก็บของ” แกบอกว่าห้องเก็บของก็คือห้องที่แกใช้เก็บของที่ซื้อมาได้ ก่อนจะจำหน่ายหรือขายออกไปนั่นน่ะ

                “เสียงที่ว่า มันดังมาจากข้างล่าง ผมสงสัยก็ลงไปดู กลัวว่าหมาแมวมันจะมาไล่กัดกันจนข้าวของผม แตกหักฉิบหายหมด…ก็เลยเดินลงไปดู ผมมาถึงห้องเก็บของก็เปิดประตูเข้าไปดู น่าแปลกที่มันไม่มีอะไรผิดปกติสักอย่างเลย ผมดูจนทั่วก็ไม่มี เลยจะกลับออกมา พอคล้อยหลังเสียงก็ดังขึ้นมาอีกแล้ว คราวนี้ดังเหมือนมีอะไรถล่มลงมาสักอย่าง เสียงดังกราวใหญ่เลย…ผมตกใจมาก หันไปเปิดประตูเพราะกลัวว่าโต๊ะตู้มันจะพังลงมา เดี๋ยวของฉิบหายหมด แต่ก็ไม่มีอะไรอีก ผมชักรู้สึกยังไงๆ ซะแล้วสิ…แต่คราวนี้ พอผมหันหลังเท่านั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาว่า…”

                …มึงมาเอาของของกูไปทำไม…

                “ผมตกใจสะดุ้งเฮือกเลยนะ สงสัยว่าเสียงมันมาจากไหน มองหันซ้ายหันขวาเลยนะ คิดว่าใครมาเล่นตลกเข้าแล้ว…แต่ก็ไม่มีใครอีก ผมยืนงงๆ กำลังงงได้ที่ ประตูไอ้ตู้ใบที่ผมเพิ่งไปซื้อมา และกะจะเก็งเอากำไรก็เกิดเปิดออกเองช้าๆ คราวนี้ผมสะดุ้งของจริงเลย เพราะตู้ใบนี้หลังจากที่ผมไปซื้อ ผมก็เช็กดูอย่างละเอียดและมันก็ไม่น่าจะมีอะไรอยู่ในนั้นได้ แต่ทว่าตอนนี้ผมกลับเห็นว่ามีใครคนหนึ่งกำลังปีนออกมาจากตู้

                ตู้มันก็ใบไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย และมันก็มีที่ไม่มากพอที่คนจะเข้าไปหลบหรือซ่อนอยู่ได้ หรือถึงต่อให้หลบได้ อย่างน้อยๆ ตอนขนตู้ใบนี้เข้ามาผมก็ต้องเห็นมันก่อน แต่ผมจำได้ว่า…ตอนขนตู้เข้ามา ผมไม่เห็นอะไรเลย คราวนี้ผมถอยกรูดเลยทีเดียว กลัวก็กลัว แปลกใจก็แปลกใจ เพราะมึนงงมากที่เค้าเข้าไปอยู่ในที่แคบๆ แบบนั้นได้ยังไง เค้าปีนออกมาช้าๆ ผมเองก็ถอยหลังกลับไปเรื่อยๆ ด้วยความกลัว…ใจนึงผมก็ว่าผี อีกใจก็ว่าหัวขโมยแน่ๆ ที่กำลังหลอกผมอยู่ตอนนี้

                แต่พอเค้าหันมามองดูผมเท่านั้นแหละ ผมแทบช็อกเลยทีเดียว เพราะหน้าเค้าตลอดจนเนื้อตัวมันเน่าเละไปหมดแล้ว…เค้าหันมาชี้หน้า ถามผมว่า…”

                มึงเอาของกูมาทำไม…ใครใช้ให้มึงเอาของกูมา หา?

                “เท่านั้นแหละ ผมไม่เห็นอยากจะอยู่หรือรู้เรื่องต่อไปแล้ว ผมเปิดแน่บออกมานอกบ้านพลางแหกปากร้องให้คนช่วยดังลั่นไปหมดเลย ผมหันไปมองก็เห็นเค้าวิ่งตามหลังผมออกมาด้วย คราวนี้ผมตกใจจนสลบไปเลย ผมมาฟื้นอีกทีก็ที่โรงพยาบาล เผอิญมีเพื่อนๆ มาเยี่ยม ผมก็เลยบอกขายตู้ใบนั้นแก่พวกเค้าทันที เค้าเองก็ดีใจหาย รีบรับซื้อต่อไปจากผม…คราวนั้นผมบอกราคาต่ำมากๆ จนใครเห็นเข้าก็อยากได้ทันที แต่ผมกลับมาฉุกคิดว่า มันจะต้องมีเรื่องมีราว หรือมีอะไรบางอย่างซึ่งเคยเกิดขึ้นในบ้านหลังนั้นมาก่อนแน่ๆ และมันต้องเป็นเรื่องที่รุนแรงเอาการอยู่ เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว ทางเจ้าของเค้าก็คงไม่ประกาศขายบ้าน และนำข้าวของทุกอย่างออกขายทิ้งไปจนหมด

                แต่แล้ว…วันหนึ่งผมก็มารู้ทีหลังว่าคนในบ้านหลังนั้นเคยยิงกันตายเพราะแย่งสมบัติและจะถือครองบ้าน พอฆ่ากันตายแล้วก็เกิดเฮี้ยนเพราะไม่มีใครทำบุญไปให้…สุดท้ายก็มาสิงสู่อยู่ที่ตู้ใบที่ผมได้มา”

                แกบอกว่า…แกเคยเชื่อว่าผีไม่มีจริง และแกคนหนึ่งล่ะที่ค้านหัวชนฝาเลย แต่ก็มาเพราะ “ผี” นี่เองที่ทำให้แกต้องชวดเงินแสนจากการขายตู้ใบนั้นไป…แกบอกว่าเรื่องนี้แกไม่มีวันลืม และแกยังจำเรื่องนี้ได้มาจนทุกวันนี้ทีเดียว

*โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

*ภาพที่ปรากฏในเรื่องใช้เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น

/

เรื่องโดย. จุติ จันทร์คณา

ภาพโดย.www.harpgallery.com, www.greatwestway.co.uk, wallpapercrafter.com, bookstr.com ผีอ้าปาก, www.wallpaperflare.com, eurlog.blog, the walking dead series


แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •