2 พฤษภาคม 2024
แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

                เมื่อตอนที่ผมยังเป็นเด็กอายุสัก 10 ขวบ ผมเป็นเด็กวัด กิน เล่น และนอนอยู่ที่วัดกระโดงทอง ผมมีเพื่อนสนิท 2 คน ชื่อเปา กับเป้ เรา 3 คนเจอะเจอดวงวิญญาณ พวกผีมานับครั้งไม่ถ้วน ผมได้ทยอยเขียนให้อ่านกันมาหลายต่อหลายเรื่องแล้ว

                นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งพวกเราได้ประสบพบเจอมา ตอนนั้นเป็นช่วงโรงเรียนปิดเทอมพอดี ราวเดือนมีนาคม ผม ไอ้เป้ ไอ้เปา ได้ชวนกันไปเล่นว่าวที่กลางทุ่งนาหลังหมู่บ้าน ประมาณ 4 โมงเย็น เป็นช่วงแดดร่มลมตก เข้าสู่ฤดูร้อนเต็มตัว มีลมพัดแรง เย็นชื่นใจกว่าสมัยนี้มาก ชาวบ้านเรียกว่าลมว่าว

                พวกเรา 3 คน รวมทั้งเด็กๆ ในหมู่บ้าน ต่างนำว่าวมาเล่นกันเต็มทุ่งนา สารพัดว่าว ไม่ว่าจะว่าวจุฬา ว่าวปักเป้า ว่าวงู และอีกสารพัดว่าว ผู้เขียนเรียกชื่อไม่ถูก ซึ่งปัจจุบันนี้ไม่ค่อยมีคนจะชักว่าวกันแล้ว (อย่าคิดลึกนะครับ ฮ่าๆๆ) เพราะส่วนใหญ่จะเป็นสังคมก้มหน้า อยู่แต่หน้าจอโทรศัพท์ เล่นเฟซ เล่นไลน์ ไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่านี้อีกแล้ว

                จะมีก็แต่ต่างจังหวัดบ้านนอกที่ยังคงเล่นว่าวกันอยู่ประปราย แต่ก็ไม่เยอะเหมือนในอดีต ซึ่งมีผู้คนมายืนชักว่าวกันเต็มทุ่งนา ผม ไอ้เปา ไอ้เป้ ทำว่าวกันเอง โดยตัดต้นกอไผ่ เอามีดมาเหลาให้ไม้ไผ่มันเล็กๆ บางๆ คล้ายคันเบ็ดที่ปัก จากนั้นก็นำเชือกมาผูกเป็นโครง เอากระดาษและกาวมาทาแปะ ใส่ครีบ ใส่หางหน่อย เอาเชือกผูก เป็นอันใช้ได้…

                ว่าวของพวกเราเป็นว่าวธรรมดา ไม่หรูหราเหมือนคนอื่นเขา แต่เราก็เล่นได้ไม่แพ้ว่าวใครหน้าไหนทั้งนั้น ที่สำคัญเราทำจากมือ ไม่ได้ไปซื้อที่ตลาดเหมือนพวกเด็กคนอื่นๆ ที่ยื่นมือแบมือขอตังค์พ่อแม่ไปซื้อว่าวที่ตลาดมาเล่น ตัวหนึ่งสมัยนั้นก็ 50-60 บาทแล้ว

                โชคดีที่บ้านผมมีกอไผ่เยอะ เลยประหยัดเงินไปพอสมควร ผม ไอ้เป้ ไอ้เปา รวมทั้งเด็กๆ ในหมู่บ้าน ตลอดจนผู้ใหญ่อีก 2-3 คน ต่างยืนชักว่าวกันสุดเหวี่ยง สนุก สุดหรรษา เกินคำบรรยายจริงๆ มันฟินมากๆ ครับ เดินบ้างวิ่งบ้างสลับกัน มันจังเว้ย…

                มีของกินมาขายด้วย ทั้งลูกชิ้นปิ้ง ถั่วแระต้ม กล้วยฉาบ ถั่วคั่วอาบัง…ยังเดินมาขายเลยครับ แกเอาถั่วคั่ว สารพัดถั่วใส่ในกระบะที่เป็นช่องๆ และหนัก มาเทินไว้บนหัวที่มีผ้าโพกหัว ถ้าหนักพี่บังแกก็จะเอากระบะถั่วตั้งไว้บนบ่า เข้าท่าจริงๆ

                พวกเราซื้อลูกชิ้นเนื้อกับถั่วคั่วพี่บังกินกัน ลูกชิ้นตอนนั้นไม้ละ 1-2 บาทเอง เมื่อก่อนสมัยก่อนข้าวของถูกมาก ก๋วยเตี๋ยวชามละ 4-5 บาท อาหารจานเดียว อาหารตามสั่งจานละ 8 บาท เดี๋ยวนี้จานละ 35-40 บาทแล้ว ผู้เขียนยังอยากกลับไปเป็นเด็กอีกจัง มีตังค์ติดตัว 10-20 บาท ก็อิ่มสบายท้องไปทั้งวัน เดี๋ยวนี้มีติดตัว 100 บาท ไม่พอกินแล้ว เพราะอะไรๆ ต่างก็แพงทั้งนั้น ตามยุคตามสมัย

                พวกเราซื้อลูกชิ้นเนื้อกับถั่วคั่วพี่บังกินกัน ลูกชิ้นตอนนั้นไม้ละ 1-2 บาทเอง เมื่อก่อนสมัยก่อนข้าวของถูกมาก ก๋วยเตี๋ยวชามละ 4-5 บาท อาหารจานเดียว อาหารตามสั่งจานละ 8 บาท เดี๋ยวนี้จานละ 35-40 บาทแล้ว ผู้เขียนยังอยากกลับไปเป็นเด็กอีกจัง มีตังค์ติดตัว 10-20 บาท ก็อิ่มสบายท้องไปทั้งวัน เดี๋ยวนี้มีติดตัว 100 บาท ไม่พอกินแล้ว เพราะอะไรๆ ต่างก็แพงทั้งนั้น ตามยุคตามสมัย

                พอเริ่มเย็น ผู้คนต่างก็ทยอยกันกลับบ้านทีละคนสองคน จนเหลือผม ไอ้เป้ ไอ้เปา และเด็กข้างบ้านอีก 2 คน จากที่มาเล่นว่าว 20-30 คน ตอนนี้เหลือ 5 คน

                “เฮ้ย…เข้าบ้านกันเหอะ มืดแล้วนะเว้ย…เขากลับกันไปจะหมดแล้ว”

                “ไง…ไอ้เป้ มึงกลัวผีหรือไงวะ”

                “เปล่า…กูหิวข้าวอะ หรือพวกมึงไม่หิว”

                “หิวเหมือนกัน แต่กำลังมันเว้ย…”

                “เฮ้ย…เรา 2 คนขอตัวเข้าบ้านก่อนนะ”

                “เครๆ เชิญตามสบาย พวกเรา 3 คนขอเล่นต่ออีกแป๊บ มันติดลมอะ”

                “เชิญพวกนายสนุกให้เต็มที่ เราหิวข้าวจนแสบท้องแล้ว”

                เด็กข้าวบ้าน 2 คนพากันกลับบ้าน ทีนี้ก็เหลือผม ไอ้เปา ไอ้เป้ แค่ 3 คนเท่านั้น พ่อค้าแม่ค้าที่มาขายของก็กลับไปกันหมด

                “เฮ้ย…เล่นต่อสิวะไอ้เปา ไอ้กบ นั่งทำไม”

                “กูเหนื่อยเว้ย…มึงไม่เหนื่อย ไม่เมื่อยมือบ้างหรือไงวะไอ้เป้ กระตุกอยู่ได้”

                “ไม่ๆ เพลินดีเว้ย…ยิ่งชักยิ่งมัน”

                ผมกับเพื่อนเปานั่งพักเหนื่อยดูเพื่อนเป้เล่นว่าวที่กลางทุ่งนา ตาเหลือบไปเห็นใครไม่รู้ ดูไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเลย

                “เฮ้ย…ใครวะ มาเล่นว่าวตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนไหนวะ”

                “ไม่รู้จักว่ะ คนหมู่บ้านอื่นหรือเปล่าวะกบ”

                “ไม่รู้ว่ะ ไม่เคยเห็นหน้า”

                ผมกับไอ้เปากำลังคุยถึงชายลึกลับคนที่กำลังยืนชักว่าวตัวโก่งอยู่นั้น ไอ้เป้มันเดินจูงว่าวเข้ามาหาผม 2 คน

                “พวกมึงคุยอะไรกันวะ”

                “นู่นไง”

                “ใครวะ ไม่ใช่ญาติกู แล้วแกมาเล่นตอนไหนวะ”

                “พวกกูก็ไม่รู้ เพิ่งจะเห็นเนี่ย”

                “เฮ้ย…รุ่นนี้ยังจะชักว่าวอีกหรือวะ ฮ่าๆๆ”

                เหมือนลุงแกจะได้ยินที่ไอ้เพื่อนเป้มันพูด แกหยุดชักว่าว หันมามองพวกเราตางี้เขียวเลย

                “เฮ้ย…งานเข้าแล้วไอ้เป้ สงสัยแกคงได้ยินที่มึงพูดอะ”

                “ก็พูดค่อยแล้ว แกได้ยินได้ไงวะ”

                “หรือว่าแกหูทิพย์วะ”

                “ไปกันใหญ่แล้วไอ้กบ”

                “หรือว่าแก…”

                “อะไรของมึงวะไอ้เปา”

                “ไอ้หนู เล่นว่าวสนุกมั้ยวะ”

                “สนุกครับลุง”

                “ลุงมาเล่นตอนไหนครับ พวกผมไม่เห็น เพิ่งจะเห็นลุงตอนนี้ครับ”

                “ข้าก็อยู่ที่นาผืนนี้มาหลายปีแล้ว พวกเอ็งไม่รู้จักข้าหรอก”

                “ลุงเป็นเจ้าของนาหรือครับ”

                “ใช่ นาที่พวกหนูกำลังเล่นว่าวอยู่นี่ มันเป็นของลุงเอง”

                “อุ๊ย…พวกผมขออนุญาตมาเล่นว่าวนะครับลุง”

                “ลุงอย่าว่าพวกผมนะครับ”

                “ตามสบาย พวกเอ็งมันก็ลูกหลานของข้าเหมือนกัน แต่มีข้อแม้นะ”

                “อะไรหรือครับลุง”

                “พวกหนูต้องไม่กลัวนะ รับปากลุงสิ”

                “ลุงหมายความว่าอะไรครับ พวกผมงงไปหมดแล้วครับ”

                “กลัวอะไรวะ”

                “ลุงช่วยอธิบายให้ผม 3 คนฟังหน่อยจะได้ไหมครับ ว่าสิ่งที่ลุงต้องการให้พวกผมทำมันคืออะไร”

                “ก็กลัวลุงยังไงล่ะ ฮ่าๆๆ เหอะๆๆ แผล็บๆ”

                “เฮ้ย…ผะ…ผะ…ผี”

                “ลุงแกเป็นผี หนีเว้ย…พวกเรา”

                “ระ…รอ กะ…กูด้วย”

                “เฮ้ย…แล้วว่าวล่ะ”

                “ทิ้งไว้นี่แหละ พรุ่งนี้เช้าค่อยมาเอา มึงยังมีการห่วงว่าวอีกหรือวะไอ้เป้”

                เรา 3 คนวิ่งอ้าวไปบ้านผม ไม่ได้กลับไปนอนที่วัด คืนนั้นทั้งไอ้เปา ไอ้เป้ นอนรวมกันกับผมมุ้งเดียวกัน นอนคลุมโปงภายใต้ผ้าห่มยันเช้า

                ตอนเช้าพวกเราได้เล่าเรื่องลุงคนที่ยืนชักว่าวที่กลางทุ่งนาให้พ่อแม่ผมฟัง ท่านทั้ง 2 บอกกับพวกเราว่า ทุ่งนา…ที่พวกเรา และเด็กๆ คนอื่นๆ มาเล่นว่าวกันเป็นนาของตาปลีก แกตายไป 10 กว่าปีแล้ว แกมาทำนา ฝนตกเลยไปหลบฝนที่โคนต้นไม้ แล้วถูกฟ้าผ่าตาย ดำเป็นตอตะโก

                ปัจจุบัน ผม ไอ้เป้ ไอ้เปา เลิกชักว่าวกันแล้วครับ ฮ่าๆๆ

*โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

เรื่องโดย. ธนัญชัย/เสนา

ภาพโดย. Ai


แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •