30 เมษายน 2024
แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

            เราจะพูดถึงพิธีกรรมความเชื่อที่ต้องบอกก่อนว่าน่าพรั่นพรึงมากทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องราวที่เกี่ยวกับวันของปีศาจ แต่สำหรับคนในยุคปัจจุบัน วันดังกล่าวคือวันรื่นเริง วันพบปะ และสร้างไอเดีย การมีส่วนร่วมในครอบครัว สังคม และประเพณี นั่นคือวันฮาโลวีน แต่…ในอดีต วันนี้คือวันที่ชั่วร้าย วันแห่งความตาย วันต้องห้าม

          ตำนานวันต้องห้าม

            เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะมันเป็นเทศกาล Samhain เป็นพิธีกรรมของชาวเซลติกส์ที่น่ากลัว จึงขอย้อนกลับไปสมัยโรมัน เมื่ออาณาจักรเซลติกส์ถูกโจมตีโดยชนเผ่าแฟรงค์ พวกเขาถูกกลืนภาษาโดยโรมัน จนต้องหนีและพยายามรักษารากเหง้าของภาษาวัฒนธรรมดั้งเดิม

            เมื่อ 3,000 ปีก่อน พวกเซลติกส์ได้ปรากฏตัวในลัทธิของดรูอิด ชนชั้นดรูอิดมีภูมิต้านทานอันศักดิ์สิทธิ์ ดรูอิดปกครองสังคมเซลติกส์ในสหราชอาณาจักร เซลติกส์ได้เผยตัวขึ้นในยุคเหล็กประมาณ 600 ปีก่อนพระคริสต์

            พวกเขาเป็นกลุ่มที่ไม่ได้แยกแยะว่าตนเองเป็นคนเดียว ข้อมูลทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเซลติกส์ได้รับการบันทึกเป็นครั้งแรกโดยชาวโรมันผู้รุกราน Misty Albion เมื่อ 2,000 ปีก่อน

            ชาวโรมันกล่าวหาว่าพวกเคลต์เป็นคนป่าเถื่อน ในขณะที่ชาวโรมันบอกว่าตนเองเป็นคนรู้แจ้ง แต่ทั้งสองเป็นศัตรูกัน ดังนั้นคำพูดของอีกฝ่ายย่อมจะเชื่อได้ยาก ดังที่โรมันบันทึกไว้

            พวกเคลต์เป็นนักรบที่ยอดเยี่ยม ชาวเคลต์ไม่มีศูนย์กลางทางการเมืองเพียงแห่งเดียว พวกเขาไม่มีกษัตริย์ และแต่ละกลุ่มของเคลต์เป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาเพียงหัวหน้ากลุ่มเท่านั้น

            คนเหล่านี้สร้างอนุสาวรีย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกโบราณ 3,000 ปีก่อนการปรากฏตัวของกรุงโรม พวกเขาสร้างป้อมปราการหิน หลุมฝังศพขนาดใหญ่ สร้างอนุสาวรีย์โบราณที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุโรปเช่น สโตนเฮนจ์

            เผ่าพุกามของเคลต์ไม่มีภาษาเขียน ในบันทึกได้กล่าวถึงพิธีกรรมโบราณไว้หลากหลาย อ่านแล้วจะขนหัวลุกกันทีเดียว เช่นนั้นเรามาดูกันว่าพิธีกรรมชวนสยองนั้นมีอะไรบ้าง เริ่มกันที่…

            1. พิธีกรรม Samhain

            ในบริเวณที่ราบลุ่มในไอร์แลนด์ พบศพหลายศพในสภาพที่เก็บรักษาเอาไว้อย่างดี มีการพอกผิวหนังให้ศพอยู่ในสภาพสมบูรณ์

            นักโบราณคดีเชื่อว่ามันเป็นศพของบรรดาชนชั้นปกครองหรือแม้แต่กษัตริย์ที่ถูกสังเวยชีวิตในเทศกาล Samhain ด้วยความเชื่อที่ว่า ถ้าปีไหนผู้คนต้องเจอกับภัยพิบัติ เช่น โรคระบาด ภัยแล้ง จนถึงขั้นที่ทำให้ผู้คนต้องอดอยาก กษัตริย์หรือผู้นำจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

            ทั้งนี้ได้มีความเชื่อของวัน Samhain คือ ช่วงเวลาที่ประตูโลกวิญญาณจะเปิดออก และหลายๆ คนจะพยายามพาพวกเขากลับมา บางแห่งจะมีการนำอาหารมาวางไว้หน้าประตูนอกบ้านเพื่อให้วิญญาณคนตาย รวมไปถึงการเปิดประตูรับวิญญาณให้เข้ามาพักในบ้านได้ด้วย

            ส่วนบางตำนานของชาวไอริชเชื่อว่า เมื่อประตูโลกวิญญาณเปิดออก ปีศาจ ‘ไอลีน’ จะปรากฏตัวขึ้นเพื่อเผาผลาญบ้านเมือง

            ดังนั้นวันนี้ก็คือวันปล่อยผีนั่นเอง จึงทำให้ในช่วงวันงานเทศกาล Samhain ผู้คนจะเรียกวิญญาณออกมาเพื่อทำนายอนาคตว่า พวกเขาจะโชคดีหรือโชคร้าย

            พวกเขาจะมีวิธีเชิญวิญญาณด้วยการกระทำแปลกๆ ถ้าใครแอบฟัง คนนั้นจะต้องมีวิธีป้องกันไม่ให้วิญญาณเข้าทำร้ายตัวเองอีกด้วย โดยการอมน้ำให้เต็มปาก และถือถุงเกลือเอาไว้ในมือทั้งสองข้าง เกลือคือสิ่งขับไล่ปีศาจและความชั่วร้ายได้

          2. นางฟ้าซาตาน

            วันเทศกาลของพิธีกรรมนี้ไม่ได้เปิดเฉพาะประตูยมโลกเท่านั้น แม้แต่ประตูสวรรค์ก็เปิดออกด้วยเช่นกัน เหล่านางฟ้าจะออกมาจากที่พำนัก พวกเธอจะออกมาท่องเที่ยวยังโลกมนุษย์

            แต่…เราอย่าได้คิดเชียวว่า เมื่อพวกเธอเป็นนางฟ้า คงมีแต่ความเมตตาและใจดี สวยงดงามมากๆ แน่ มันไม่ได้เป็นดังที่จิตนาการแน่นอน เพราะพวกเธอคือนางฟ้าปีศาจ หรือนางฟ้าซาตาน

            พวกนางเป็นสมุนของราชาแห่งความตาย เหล่าปีศาจซาตานจะขี่เมฆฝนแห่แหนกันมาพรั่งพร้อมเป็นกองทัพ โดยมากับกองทัพปีศาจสุนัขเพื่อมาตามล่าหาวิญญาณดวงใหม่

            ดังนั้นในช่วงวันเทศกาลนี้เอง ผู้คนจะต้องอยู่ห่างจากพวกเนินนางฟ้า (Fairy Fort) ที่เป็นบ้านของพวกเธอ เพราะเกรงว่าจะถูกลากไปลงนรกนั่นเองนางฟ้าพวกนี้จึงเป็นที่รังเกียจและหวาดกลัวพอๆ กับปีศาจตนอื่นๆ ในวันฮาโลวีน

            วันปล่อยผีของชาวเซลติกส์จึงเต็มไปด้วยความน่าสยองขวัญ อาจเพราะโลกในยุคนั้นกับยุคนี้ต่างกัน ผู้คนจึงพบปะกับปีศาจและถูกทำร้ายจนถึงแก่ความตายได้ง่ายกว่าในยุคนี้?

            3. สัตว์ประหลาดแห่งถ้ำแมว

            เมื่อครู่ได้กล่าวถึงเนินนางฟ้าหรือเนินมรณะที่ไม่ควรเข้าใกล้กันไปแล้ว เขามีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเนินนี้เพิ่มเติมอีกว่า แท้จริงแล้วเนินนี้ก็คือถ้ำ Oweynagat หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าถ้ำแมว

            ตามตำนานเล่าว่า หลังจากที่ราชินีองค์หนึ่งสิ้นพระชนม์ ตามธรรมเนียมบรรดาสาวใช้นางกำนัลของเธอจะถูกบังคับให้เข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในถ้ำแคบๆ แห่งนี้ หรือให้ตายเป็นข้ารับใช้ยันโลกหน้านั่นเอง

            ทำให้ตั้งแต่นั้นมา ถ้ำนี้ได้กลายเป็นที่กล่าวขวัญถึงความน่ากลัวมากกว่าดี ต่อมาถึงในยุคกลาง ได้มีบันทึกที่อ้างว่า มีสัตว์ที่มีรูปร่างแปลกประหลาดพิสดารคลานกันออกมาจากถ้ำแห่งนี้เป็นจำนวนมากมาย และมันออกมาพร้อมกับวิญญาณหญิงสาว พวกนางได้ปรากฏตัวออกมาจากถ้ำนี้ด้วย

            ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวและสัตว์ประหลาดในเนินนางฟ้านั้น ล้วนผุดโผล่ขึ้นมาจากนรก พวกมันคงไม่ได้มาเที่ยวเฉยๆ เพราะมันจะนำเอาสัตว์เลี้ยงของคนกลับไปด้วยถึง 9 ตัว เอาไปทำอาหารจัดเลี้ยงในนรกกระมัง?

            4. พิธีกรรมการกระโดดข้ามกองไฟ

            ในเมืองมูเรย์ของประเทศสกอตแลนด์ เด็กๆ และผู้ชายจะเดินไปเคาะประตูต่างๆ และกล่าวขอสิ่งนี้ “ถ่านสำหรับเผาแม่มด”

            ซึ่งพวกเขาจะนำถ่านเหล่านั้นมาจุดไฟ และให้เด็กคนหนึ่งนอนลงให้ใกล้ที่สุด จากนั้นก็ปล่อยให้ควันปกคลุมตัวจนทั่ว และให้เพื่อนๆ กระโดดข้ามตัวเองไปพร้อมๆ ควัน

            ในเวลส์ก็มีพิธีกรรมประหลาดนี้ แต่ต้องมีจิตนาการร่วมในขณะประกอบพิธีด้วย นั่นก็คือ ผู้คนจะต้องกระโดดข้ามกองไฟ และทำเป็นวิ่งหนีสัตว์ประหลาด เรียกว่าต้องจิตนาการว่าได้วิ่งหนี “Black Sow” คือสัตว์ประหลาด พวกมันจะไล่จับคนที่วิ่งช้าที่สุด

            แต่พิธีกรรมที่เก่าแก่กว่านั้นจะมีการจับหนึ่งในนักวิ่งที่ถูกอ้างว่าเป็นตัวชั่วร้ายแห่งปีโยนลงไปบนกองไฟ เพื่อเป็นการบูชายัญในวันแห่งความตายนี้

            5. ฆ่าบูชายัญตามบรรพบุรุษ

            ชาวเซลติกส์ก็คือชาวไอริช ชาวเคสต์และเวลล์ ก็เป็นกลุ่มสายพันธุ์ หรือวงศ์วานเดียวกัน มีการสืบรับวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิม สืบต่อจากบรรพบุรุษมาไม่ใช่น้อย สมัยนั้นยังไม่มีศาสนา ผู้คนจึงเชื่อในเรื่องของภูต ผี ปีศาจ เชื่อในเทพเจ้า พระเจ้า ฯลฯ

            ในตำนานของชาวไอริช พูดถึงความต้องการของเทพเจ้า Cromm Crauch ในช่วงเทศกาล Samhain ไว้ว่าในตำนานบทหนึ่งกล่าวว่า ผู้คนจะต้องยกสิ่งที่พวกเขาเป็นเจ้าของ 2 ใน 3 ส่วนให้กับเทพเจ้า

            โดยเริ่มตั้งแต่ฤดูหนาว รวมถึงข้าวโพด นม และลูกๆ ของพวกเขาด้วย โดยพวกเขาจะฆ่าลูกคนโตที่โชคร้าย และเทเลือดของลูกคนนั้นลงไปรอบๆ รูปปั้นเทพอีกด้วย

            6. แต่งหน้าผีแฟนซี

            การแต่งกายแฟนซีถือเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล Samhain เช่นกัน แต่การแต่งกายของพวกเขาคือการแต่งเป็นคนตายจริงๆ พวกเขาจะวาดหน้า ทาสีดำ นำฟางมาทำเป็นเสื้อผ้าเพราะเชื่อว่าพวกเขาจะกลมกลืนไปกับดวงวิญญาณ แถมบางคนก็จะนำหนังสัตว์สดๆ ที่เพิ่งเชือดมาตกแต่งร่างกายอีกด้วย นี่ยังไม่รวมเครื่องประดับที่เป็นกะโหลก กระดูกต่างๆ ที่ทำให้ชวนสยองแบบสุดๆ

            โชคดีที่พิธีกรรมดั้งเดิมที่สุดสยองนี้ได้ถูกปฏิเสธและเลือนหายไปแล้ว

เรื่องโดย กรุเก่า

ภาพโดย. Ai


แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •