27 กรกฎาคม 2024
แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

พระแม่กาลี หรือ กาลิกา เป็นปางหนึ่งของพระอุมาเทวี ในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีกายสีดำสนิท มีลักษณะดุร้าย มี ๑๐ พระกร ถืออาวุธร้ายอยู่ในพระกรทั้งสิบ แลบลิ้นยาวถึงทรวงอก ที่ริมฝีปากมีเลือดไหลหยดเป็นทางยาว เครื่องประดับเป็นหัวกะโหลก มีงูใหญ่ร้อยคาดองค์ดั่งสังวาลย์

พระแม่กาลี หรือ เจ้าแม่กาลี มีอำนาจฤทธิ์ในการปราบปรามสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง มีเทวานุภาพอันแรงกล้า สร้างความวิบัติแก่เหล่าอสูรอย่างรุนแรง เด็ดขาด แฝงเร้นไว้ซึ่งความน่ากลัว ผู้บูชาพระแม่กาลีอย่างถูกต้องและเคร่งครัด พระแม่จะประทานความแข็งแกร่ง ความกล้าหาญ และอำนาจเหนือผู้อื่น

พระแม่กาลี

พระแม่กาลี ยังมีพลังอำนาจในการขจัดคุณไสย ลบล้างไสยเวทย์ด้านมืด หากบุคคลใดถูกกระทำทางไสยศาสตร์ เมื่อผู้นั้นได้สวดบูชาอ้อนวอนต่อพระองค์ท่านแล้ว พระองค์ท่านก็มักให้พร ขจัดสิ่งอาถรรพ์ชั่วร้ายให้มลายหายไป และประทานสิ่งที่เป็นไปได้ยากให้ได้รับอย่างง่ายดาย

ผู้ใดกระทำการสวดบูชา สรรเสริญ และถวายเครื่องสังเวยแด่พระแม่กาลีเป็นประจำ พระองค์ท่านจะประทานความปลอดภัยมาสู่ผู้นั้น ทรงบันดาลให้เกิดความสันติผาสุกแก่ผู้ครองเรือนทั่วไป คุ้มครองผู้บูชาจากภยันตรายและอุบัติเหตุร้ายแรง

พระแม่กาลี ทรงมีบุคลิกภาพที่ยากแก่การเข้าใจ มีความลึกลับที่สุดในบรรดาเทพเทวาทั้งปวง พระนางมีความดุดัน เกรี้ยวกราดอยู่ในที รูปลักษณ์และอุปนิสัยล้วนเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว แต่พระนางก็จะทำลายเฉพาะอสูร ปีศาจ และมนุษย์ที่กระทำการชั่วร้ายเท่านั้น เนื่องจากพระแม่กาลีก็คือเทพ และเทพก็มักปกป้องคุ้มครองผู้กระทำความดีเช่นเดียวกันทุกพระองค์ ฉะนั้น แม้ผู้ที่บูชาพระแม่อย่างเคร่งครัด แต่เป็นคนที่ไม่ดี มีความคิดที่ชั่วร้าย เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น พระแม่ท่านก็จะทำลายบุคคลผู้นั้นเสียโดยไม่ละเว้น ผู้ที่มีจิตใจไม่มั่นคง กำลังประสบหรือผ่านพ้นจากเหตุการณ์ร้ายแรงทำให้จิตใจอ่อนแอ สามารถกระทำการบูชาพระองค์เพื่อขอความเข้มแข็ง และเด็ดขาด

ผู้ที่เจอคุณไสย และถูกเบียดเบียนจากพลังงานชั่วร้ายหรืออำนาจไม่ดีทั้งจากมนุษย์และอมนุษย์ สามารถขอพระเมตตาจากพรหมวิหารธรรมของท่าน ขจัดและทำลายให้พินาศสิ้น ผู้ที่ฝันร้ายเจออวมงคล นิมิตอันเป็นเหตุไม่ดีต่างๆ สามารถกระทำการบูชา ด้วยประทีปสีแดงและดำ ช่วยปัดเป่าให้มลายหายไป ผู้ที่มีโรคร้ายแรงยากแก่การรักษา สามารถกระทำปฏิบัติบูชาอันจะกล่าวภายหลัง เพื่อหาหนทางบรรเทาโรคภัยได้

การบูชาด้วยไฟ

ผู้ที่ผิดหวังในรัก รักเพศเดียวกัน รักซ้อนรักแทรก สามารถกระทำปฏิบัติบูชาและบูชาเทวรูปประจำองค์ท่านได้ เพื่อความสมหวังทั้งปวง นอกจากนั้น ท่านยังเด่นในเรื่องการให้โชคลาภและยศฐาบรรดาศักดิ์ด้วย พระมหาเทวีท่านโปรดปรานการบูชาด้วยประทีปหรืออัคนี (อารตีไฟ) ปูเทวรูปด้วยผ้าแดงหรือสีดำก็ได้ (สามารถใช้ สีเงินหรือสีขาว เพื่อระลึกถึงพรหมวิหารธรรมของพระองค์ได้ด้วย)

ตำนานกล่าวว่า พระอุมาซึ่งอยู่ในปางอัมพิกา พระสิริโฉมงดงามเสด็จสู่สนามรบ เมื่อเหล่าอสูรได้เห็นก็พยายามจะได้นางเป็นชายา แต่นางได้ต่อสู้กับเหล่าอสูรด้วยความพิโรธ ในปางพระแม่กาลี จนอสูรทั้งหลายตายจนเกือบหมด เหลือเพียงมาธูอสูร ที่ทรงสังหารอย่างไรก็ไม่ตาย เพราะเคยได้รับพรจากพระศิวให้มีชีวิตเป็นอมตะ หากเลือดหยดถึงพื้นดินก็จะเกิดเป็นอสูรอีกมากมายไม่สิ้นสุด ร้อนถึงพระศิวะ ทรงประทานวิธีให้พระแม่กาลีดื่มเลือดอสูรทุกครั้งอย่าให้ตกถึงดิน มาธูอสูรจึงถึงแก่ความตาย

หลังจากชนะอสูรมาธู พระนางทรงดีพระทัย กระโดดเต้นเพื่อฉลองชัยชนะ แต่ด้วยตบะอันแรงกล้าทำให้เกิดความเดือดร้อนต่อโลกธาตุทั้งปวง เมื่อพระนางกระทืบพระบาท พระศิวะจะเข้าห้ามปรามก็เกรงความดุร้ายของพระนาง จึงใช้อุบายทรงทอดพระกายลงบนพื้นที่พระนางจะกระทืบพระบาท เมื่อพระกาลีเห็นพระศิวะที่พื้น ด้วยปางหนึ่งที่เป็นพระปารวตี ซึ่งรักและภักดีในพระศิวะยิ่ง ก็ทรงชะงักและแลบลิ้นด้วยความขวยเขิน

รูปเคารพเจ้าแม่กาลีที่ดุร้าย

การบูชาพระแม่กาลี ต้องใช้เลือดบริสุทธิ์ ในอดีตมีการใช้หญิงพรหมจารีไปบูชายัญด้วยเลือดจากลำคอ แต่เมื่ออังกฤษเข้าปกครองอินเดีย ได้สั่งห้ามการฆ่าคนเพื่อบูชายัญ ปัจจุบันนี้การบูชาพระแม่กาลีใช้เลือดแพะแทน

จากการที่พระแม่กาลีเป็นปางหนึ่งของพระอุมาเทวีที่ดุร้าย มีรูปลักษณ์คล้ายปีศาจและใช้เลือดและชีวิตในการบูชายัญ จึงมีความเข้าใจผิดกันว่า พระแม่กาลีเป็นเทพเจ้าแห่งความชั่วร้าย ในสำนวนภาษาไทยจึงมีคำว่า “กาลี” ซึ่งหมายความว่า สิ่งที่ชั่วร้าย เช่น “กาลีบ้านกาลีเมือง” หมายถึง “สิ่งที่ชั่วร้ายต่อบ้านเมือง” เป็นต้น บ้างก็ว่าเจ้าแม่กาลีเป็นเทพเจ้าที่โจรบูชา แต่แท้ที่จริงแล้วถ้าคนไม่ดีบูชาเจ้าแม่กาลี ก็จะมีอันเป็นไปในเร็ววัน

วิธีการบูชาเจ้าแม่กาลีจะต้องถวายน้ำ นมและดอกไม้ ผลไม้ และดอกไม้ที่พระแม่โปรดปรานคือ ดอกชบาแดง ผู้บูชาต้องสวดบทบูชาเจ้าแม่กาลีทั้งเช้าเย็นว่า “โอม ศรี มหากาลิกาไย นะมะห์” โอม เจมาตากาลี โอม สตี เยมา ตา กาลี โอม ศรี มหากาลี มาตา นมัช เลือกบทที่ชอบ และคุ้นชิน หรือ ทำสมาธิถวายปรานแก่องค์พระแม่ เพื่อเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระแม่ เจ้าแม่กาลีที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทยคือที่วัดแขก สีลม ผู้ที่ประสบเคราะห์กรรมโดนรังแก สามารถไปไหว้ท่านเพื่อแก้ไขดวงชะตาได้

พระอุมาเทวี หรือ พระนางปารวตี

พระแม่กาลี คือร่างที่แบ่งภาคมาจากพระแม่อุมาเทวี หรือพระนางปวารตีทรงมีจุดประสงค์เพื่อลงมาปราบอสูรที่ฆ่าไม่ตาย จึงอวตารเป็นหญิงผู้มีผิวกายสีดำสนิท มีความดุร้ายมาก ในพระกรทั้งสิบถืออาวุธครบมือ แลบลิ้นยาวลงมาถึงทรวงอก มีเครื่องประดับเป็นหัวกะโหลกมีงูใหญ่คาดเป็นสังวาลย์ดูน่าเกรงขาม

เมื่อมีมหาเทพ ต้องมีปารวตี เมื่อมีศิวะ ต้องมีศักติ เมื่อมีมหากาล ย่อมต้องมีมหากาลี มหาเทพได้ปลุกความเป็นมหากาลีในกายของปารวตี เพื่อปราบอสูรเหล่าร้าย ในเมื่อมหากาลีเกิดจากความโกรธ จึงไม่อาจหยุดยั้งตัวเองให้คลายโทสะได้ มหาเทพจึงนอนทอดร่างเพื่อให้มหากาลีเหยียบ นั่นเป็นจุดที่ทำให้มหากาลีเกิดความรู้สึกผิดจนคลายความโกรธกลับคืนร่างเดิม

ก่อนกำเนิดเป็นปารวตีและมหากาลี ภพเดิมของปารวตี คือเทวีสตีที่หลงรักมหาเทพ แต่ถูกท้าวทักษาประชาบดีรังเกียจ ทำให้สตีต้องสังเวยชีวิตตนเองในกองไฟ ความเสียใจทำให้มหาเทพเข้าญาณสมาธิไม่สนใจรับรู้ จนนางได้กำเนิดใหม่เป็นปารวตีและตามหามหาเทพที่ยังคงบำเพ็ญสมาธิ ร้อนถึงกามเทพต้องให้ความช่วยเหลือ แต่กลับทำให้มหาเทพโกรธจัดจนเบิกพระเนตรที่สาม เผาผลาญร่างของกามเทพ เมื่อรตีชายากามเทพมาพบ นางเสียใจมากจึงสาปปารวตีไม่ให้สามารถมีบุตรเองได้

พระพิฆเนศ

ปารวตีจึงปั้นรูปเด็กขึ้นมาระหว่างที่มหาเทพไม่อยู่ กลายเป็นเด็กน้อยน่ารักนามว่าวินายัก หรือ พิฆเนศ ระหว่างที่มหาเทพกลับมา ปารวตีให้พิฆเนศเฝ้าเขาไกรลาส พิฆเนศไม่รู้ว่ามหาเทพคือใคร และด้วยความอหังการของพิฆเนศเกิดการต่อสู้กันขึ้น มหาเทพตัดคอพิฆเนศ และเพื่อเป็นการชุบชีวิตพิฆเนศ จึงได้เศียรช้างที่เป็นสาวกมหาเทพและยินยอมมอบศีรษะให้

ปารวตีเห็นเหล่าเทพกินอยู่แบบทิ้งๆ ขว้างๆ ซ้ำยังหยามเหยียดผู้อื่น ทำให้นางผิดหวังและลงจากไกรลาส ไปอยู่หมู่บ้านจัณฑาล จึงเป็นโอกาสให้มัลละและมนีหาทางจับตัวมหากาลี มหาเทพมาตามปารวตีกลับ แต่นางสัมผัสได้ถึงพลังงานสตรีทำให้ไม่พอใจและเกิดความหึงหวง

มหากาลีถูกมัลละให้มนีหลอกล่อมาติดในเวทมนต์ตันตระ ทำให้นางเรียกให้มหากาลมาช่วย แต่นางไม่ให้สังหารอสูรทั้งสอง สุดท้ายจึงหาทางออกด้วยการลงไปเกิดเป็นมนุษย์นามว่า มหันสา และมหาเทพจะต้องแต่งงานกับนางในร่างของมนุษย์ มหาเทพจึงลงมาหามหันสาในร่างของมาตัน แต่มหันสาถูกอสูรทำลายความทรงจำ มหาเทพจึงต้องหาทางคืนความทรงจำให้นาง และได้แต่งงานกันอีกครั้งในร่างของมนุษย์

หลังกลับไปเขาไกรลาส มารดาของมหันสาไปเยี่ยมบุตรสาว (ปารวตี) แต่ถูกพระอินทร์ขับไล่ มหาเทพโกรธจัดเบิกเนตรที่สามจะสังหารพระอินทร์ แต่ปารวตีห้ามไว้ ไฟดวงนี้จึงตกในมหาสมุทร กลายเป็นทารกนามชลันธร ทารกชลันธรบีบบังคับขอพรจากพระพรหม ทำให้แม้แต่ตรีศูลของมหาเทพก็ไม่สามารถสังหารเขาได้

ชลันธรมีรูปโฉมเหมือนมหาเทพ และหลงรักปารวตี เขาเข้ากับฝ่ายอสูรต้องการจะครองตรีโลกและสังหารมหาเทพ ชลันธรใช้แผนแต่งงานกับนางวรินดา เพราะนางได้ขอพรให้สามีของนางพ้นภัย นั่นถือเป็นเกราะป้องกันเขาได้เป็นอย่างดี แต่พระนารายณ์ได้แปลงร่างเป็นชลันธรหลอกสมสู่กับนางวรินดาจนนางฆ่าตัวตาย ก่อนตายนางได้สาปแช่งพระนารายณ์ จนพระนารายณ์จะต้องอวตารเป็นพระรามที่ต้องพลัดพรากจากนางสีดาในกาลภายหน้า  ชลันธรและทัพอสูรบุกขึ้นเขาไกรลาส มหากาลีขอให้มหาเทพเบิกเนตรที่สาม และนางจะเป็นผู้รับพลังทำลายล้างนั้น จึงเกิดเป็นจักรสุทรรศน์สังหารชลันธร

แทตยมาตาโกรธแค้นมหากาลี ที่สังหารเหล่าบุตรอสูรของนาง จึงใช้อันธกะเป็นเครื่องมือ ทำให้ปารวตีใช้พลังของนางทั้งหมดคืนชีพให้กับเหล่าอสูร เมื่ออสูรบุกมาล้างแค้นที่เขาไกรลาส มหาเทพจึงต้องถ่ายทอดพลังให้มหากาลีจนตนเองหมดสติ หนทางแก้ไขคือมหากาลีต้องเหยียบอกมหาเทพอีกครั้ง เมื่อมหาเทพฟื้นคืนสติ จึงสังหารอันธกะ และให้ชื่อใหม่ฤาษีอุศนัศว่า ศุกราจารย์ แม้อสูรที่ฟื้นคืนชีพจะถูกทำลาย และพลังความชั่วร้ายยังไม่จางหาย ทำให้มหาเทพขอให้ปารวตีไปร่วมกันทำพิธีสาธนาโดยมีข้อแม้ว่าห้ามใครรบกวนและห้ามออกมากลางคัน

ปรศุราม (นารายณ์อวตาร) ได้มาที่ไกรลาสเพื่อเตือนเรื่องพลังความชั่วร้าย แต่กลับโมโหพิฆเนศที่ห้ามเข้าพบมหาเทพ จนใช้ขวานทำร้ายพิฆเนศจนงาหักไปข้างหนึ่ง เมื่อมหาเทพทำให้ฟื้นคืนชีพ จึงได้รับนามอีกนามว่าเอกทันต์ เมื่อการสาธนาล้มเหลว มหาเทพจึงต้องหาสถานที่สำหรับชโยติลึงค์ทั้ง 12 แห่ง

ต่อมาอสูรวัค (นนทก) ได้ข่มขู่มหาเทพ เพราะต้องการได้รับพรด้วยการตัดอวัยวะตนเองโยนเข้ากองไฟ พรที่ขอคือหากเขาแตะศีรษะใคร คนผู้นั้นจะต้องถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน เขาจึงได้ชื่ออีกชื่อว่า ภัสมาสูร ร้อนถึงนารายณ์ต้องแปลงร่างเป็นโมหิณี เพื่อหลอกล่อให้เขาเต้นรำและแตะศีรษะตนเอง มธูและไกฏกะสองอสูรบุกพรหมโลกเพื่อขโมยพระเวท

หากมหากาลีและพระนารายณ์ช่วยกันสังหารอสูรทั้งสองจนได้

เรื่องโดย. ทิวากร สุวพานิช

ภาพโดย. shabarmantars.blogspot.com, www.patrika.com, www.ajabgjab.com, www.aajtak.in, www.desktophut.com, Pt. Lokesh Jagirdar/pinterest.com


แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •