7 ตุลาคม 2024
แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

เรื่องนี้ผู้เขียนขอปูพรมเริ่มต้นกว้างๆ โดยโรงแรมดังกล่าวนี้ตั้งอยู่ในภาคตะวันตก ซึ่งในส่วนของผู้เล่านั้น มีหน้าที่เป็นแคชเชียร์ของโรงแรมดังกล่าว ขอเรียกเธอว่าคุณมด

โดยคุณมดได้เล่าประสบการณ์จากการเป็นพนักงานต้อนรับและเก็บเงินให้กับโรงแรมดังกล่าวเป็นเวลานาน 15 ปี เป็นที่แน่นอนว่าเรื่องเล่าย่อมมีมากมาย ซึ่งคุณมดเธอเริ่มต้นเล่าจากสถานที่ตั้งของโรงแรมดังกล่าวก่อนดังนี้

“โรงแรมนี้ตั้งอยู่บนถนนสายหลักที่จะเข้ากรุงเทพฯ ติดกับโรงแรม เป็นโรงงานขนาดใหญ่ระดับประเทศ มีถนนสายเล็กๆ ตัดเข้าโรงงาน ซึ่งหากพิจารณาให้ดี ถือว่าโรงแรมนี้ปลูกตั้งบนทางสามแพร่ง หากถามว่าโรงงานหรือโรงแรมอันไหนสร้างก่อนกัน ก็ต้องตอบว่าโรงงานได้สร้างก่อนที่โรงแรมจะมาสร้างถึง 5 ปีค่ะ สมัยก่อนที่ดินตรงโรงแรมเป็นป่าสะแก เป็นที่รกร้าง ต่อมาพอมีบ้านคนปลูกสร้างขึ้นเรื่อยๆ ที่ดินจึงกลายเป็นที่มีราคา ฉันเป็นคนละแวกนี้…จึงรู้ที่มาที่ไปของที่ดินมากอยู่สักหน่อย…”

เมื่อผู้เขียนถามถึงที่มาที่ไป นั่นหมายความถึงอดีตของที่ดินว่าเป็นมาอย่างไร กรุณาช่วยลงลึกรายละเอียดให้สักหน่อย…โดยคุณมดนั้นเธอเป็นเพื่อนของผู้เขียนอีกทีค่ะ

“คุณเข้าใจคำว่ารกร้างไหมคะ?” คุณมดได้ย้อนถามผู้เขียน

“คำว่ารกร้างนั้น ไม่ว่าจะมีเหตุอะไร มันจะมาลงตรงที่ป่าสะแกเสียหมด พูดง่ายๆ เอาเมื่อสมัยเกือบ 30 ปีก่อน ครั้งนี้มดยังเป็นสาวรุ่นๆ อายุ 17-18 พ่อแม่พี่น้องถึงกับสั่งเตือน”

ใช้เพื่อเป็นภาพประกอบเท่านั้น

“ค่ำมืดดึกดื่นมีหนังลิเกที่ไหน ถ้าให้ผ่านดงสะแกเอ็งไม่ต้องไป…ไม่ต้องผ่าน เหตุเพราะยิงกันตายก็ตรงนั้น…ฆ่าข่มขืนหรือไม่ฆ่าก็ตรงนั้น เหมือนมันเป็นจุดศูนย์รวมของการตายโหงก็ว่าได้ค่ะ เพียงแต่สมัยก่อน สื่อมันมีแค่หนังสือพิมพ์ ฆ่ากันตาย 2-3 วันถึงได้ลงข่าว ต่อมาได้มีกำนันเจ้าของพื้นที่ ซึ่งกำนันมีที่ดินติดกับที่ดินป่าสะแก กำนันจึงไปขอให้เจ้าของนั้นขายที่ดินให้แกเถอะ แกจะปรับปรุงไถหน้าดินไม่ให้ดูรกร้างน่ากลัวอีกต่อไป

ต่อมากำนันจึงค่อยเริ่มปลูกสร้างโรงแรมนี้ มีขนาดห้อง 30 ห้อง เป็นโรงแรมชั้นเดียวบนเนื้อที่ 10 ไร่ แต่ก็นั่นล่ะค่ะ เมื่อคนผ่านไปผ่านมาและเห็นว่าโรงแรมนี้ออกใหญ่โตกว้างขวางก็จริง แต่เมื่อขับรถเข้าไปวนดูจริงๆ จะพบว่าทั้งสี่มุมของโรงแรมจะตั้งศาลเพียงตาไว้ทั้งสี่มุมเลย จากปกติตามโรงแรมที่เราไปเข้าพัก บริเวณปากทางเข้าจะเป็นศาลพระพรหม ถัดไปจะเป็นศาลพระภูมิและศาลตายาย ที่เห็นๆ ก็จะมีอยู่เท่านี้”

ส่วนศาลเพียงตาที่แขกเหรื่อมาเห็นนั้น ฉันมาสังเกตดู ถ้าใครทักว่า “เฮ้ย ตรงนั้นก็ศาล ตรงนี้ก็ศาล จะให้ไหว้ตรงไหนดี”

นั่นล่ะ คืนนั้นขอรับรองว่าคุณต้องนอนอย่างไม่มีความสุข แม้เมาจัดๆ ขนาดไหนก็ต้องโดนลากย้ายที่นอนให้ได้รู้ถึงความเฮี้ยนกันทีเดียว”

เมื่อถามกลับไปว่า…ตัวของคุณมดเคยเจอะเจอที่ว่าหนักสุดบ้างหรือไม่ มากน้อยแค่ไหน?

“ขอเล่าจากเบาไปหาหนักก็แล้วกัน เพราะว่าอยู่ที่นี่มานาน เริ่มแรกเลย ช่วงดึกๆ หากเรานั่งเข้ากะคนเดียว เหมือนจะได้ยินเสียงคนคุยกัน เสียงคนทะเลาะกัน เสียงผู้หญิงร้องไห้ หรือแม้กระทั่งได้ยินเสียงปืนรัวๆ ปังๆๆ แล้วคนร้องโอ๊ย? ทีแรกก็คิดว่าใครมันเปิดวิทยุ เพราะพนักงานที่นี่ห้ามดูโทรทัศน์ คือให้นั่งรอรับรถแขกเข้าพักก็ให้นั่งรออยู่ตรงเคาน์เตอร์จริงๆ ถ้าเมื่อยนักก็ออกเดินยืดเส้นยืดสาย ซึ่งช่วงที่โรงแรมเปิดใหม่ๆ ดิฉันได้ยินเสียงต่างๆ นี้จริงค่ะ…ขอยืนยันได้

ใช้เพื่อเป็นภาพประกอบเท่านั้น

ต่อมาเมื่อเรื่องนี้รู้ถึงอากำนันที่เป็นเจ้าของ ปีนั้นเลยจำได้ว่าปี พ.ศ.2548 ทางอากำนันถึงกับทำบุญครั้งใหญ่ให้โรงแรม ทำใหญ่กว่าวันที่เปิดโรงแรมเสียอีก เหตุผลก็คือ ถ้าขืนปล่อยไว้อย่างนี้ วิญญาณดวงเก่าที่เคยเอาชีวิตมาทิ้งตรงป่าสะแกนี้ เขาคงมารบกวนมนุษย์อย่างไม่จบไม่สิ้นแน่ๆ แต่ก็นั่นอีกล่ะค่ะ”

คุณมดถอนหายใจเฮือกใหญ่

“พวกเขาหายเงียบไปไม่กี่เดือน มารอบนี้ได้เปลี่ยนมาก่อเรื่องใหม่ นั่นคือการหาตัวตายตัวแทนค่ะ เพราะหลังจากทำบุญรอบใหญ่เป็นต้นมา พูดง่ายๆ ว่าผีไม่มารบกวนแขกในโรงแรม…แต่เปลี่ยนเป็นรถชนตายแทบทุกอาทิตย์ ทุกเดือนที่จุดสามแยกหน้าโรงเรียนเป็นว่าเล่น มีอุบัติเหตุทุกรูปแบบ มอเตอร์ไซค์บวกกับมอเตอร์ไซค์…รถเทลเลอร์เหยียบรถมอเตอร์ไซค์ เพราะไม่เห็นทั้งรถทั้งคน อีกไหนจะรถกระบะเหินข้ามเกาะมาบวกกันเอง สารพัดที่จะมีอันเป็นไปค่ะ! อย่างชาวบ้านแถบนี้เขาก็มีความคิดนะคะ คือเมื่อมีคนตายเพราะอุบัติเหตุทั่วบริเวณนี้ เอาจุดโฟกัสที่โรงแรมออกไปซ้ายขวาอย่างละ 2-300 เมตร เขาจะรวบรวมเงินกันนิมนต์พระมาสวดที่ศาลาริมทางที่หน้าโรงแรมอุทิศให้ทันทีเลยค่ะ

จนมาทุกวันนี้ อุบัติเหตุค่อยลดลงเบาขึ้นหน่อย แต่ก็ยังมีการตายอยู่บ้าง อย่างเมื่ออาทิตย์ก่อนก็มีคนมานอนตายที่ศาลาดังกล่าว เขากินเหล้าหนักติดเหล้า แต่พอทางรัฐบาลขอความร่วมมือให้ร้านค้าหยุดขายเหล้า แกคงลงแดงตาย พูดแล้วยังสงสาร เพราะเคยให้สตางค์แกบ่อยๆ

หากลุงคนนี้ถือว่าแกไม่นอนตายเปล่านะคะ เพราะมักมีคนเห็นแกอยู่กลางถนนเพื่อโบกรถให้เข้าโรงแรมค่ะ…เหมือนเรียกลูกค้าให้ เพราะช่วงที่โควิดระบาดนี้ถือว่าเงียบมาก แทบไม่มีลูกค้าเข้าพัก” คุณมดพูดด้วยน้ำเสียงเครียดๆ

“มันผิดกับช่วงปีกลายค่ะ ที่คนเข้ามาดูงานในโรงงานนี้ แต่ละปีต้องจองห้องล่วงหน้ากันเป็นเดือนๆ”

ต่อมาได้ถามถึงแขกที่มาเข้าพัก ส่วนใหญ่เจอะเจอเรื่องราวเป็นอย่างไร

อย่างพวกเด็กวัยรุ่นที่มักเจอดีก็คงไม่พ้นการท้าทายศาลตายาย หรือที่ศาลเพียงตานี่ล่ะค่ะ ว่าจะมีจริงหรือ เฮี้ยนจริงรึเปล่า ส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นกลุ่มคนเมา ครั้นพอขับรถออกพ้นประตูโรงแรมก็ชนเปรี้ยงประสานงาเข้าให้ รายที่ไม่ตายได้กลับมาขอขมาลาโทษกับเจ้าที่ของโรงแรมพร้อมเล่าว่า

เมื่อขับรถพ้นประตูโรงแรมเท่านั้น ก็เหมือนโลกทั้งโลกมันดับมืดไปหมดค่ะ…มาฟื้นอีกทีก็ที่โรงพยาบาล รายนี้ยังดีที่ขับรถเก๋งของยุโรปเป็นลูกคนรวย

แต่ก็มีบางรายนะคะที่โดนเคาะห้อง เคาะถี่ยิบ แต่เมื่อมองลอดดูทางช่องตาแมวกลับไม่เห็นใคร เป็นอยู่อย่างนี้หลายรอบ จนต้องโทรศัพท์มาที่เคาน์เตอร์ ซึ่งพอเรารับ ถามแขก “มีอะไรให้รับใช้คะ” ต่อมาเป็นเสียงผู้หญิงดังแทรกร้องไห้เข้ามาให้ได้ยิน คือฉันได้ยินแขกก็ได้ยินร้องบอก

ใช้เพื่อเป็นภาพประกอบเท่านั้น

“พี่…ช่วยหนูด้วย ช่วยบอกพ่อแม่ด้วย หนูตายแล้ว”

เท่านั้นล่ะ แขกขอย้ายห้องทันทีค่ะ ขอไปอยู่ห้องแรกๆ ปากทางประตูเข้าไฟสว่างเป็นดีที่สุด

ส่วนแขกรายนี้ ตกรุ่งเช้าพอเช็กเอาต์ออก เขายังบอกว่าจะต้องไปทำบุญให้ผู้หญิงคนนี้ สาเหตุเพราะถึงแม้ว่าจะย้ายห้องแล้ว แต่เธอก็ยังติดตามไปเข้าฝัน ไปแสดงให้เห็นว่าเธอถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมแค่ไหน

ต่อมาในความฝัน…แขกผู้ชายคนนี้ได้ถามกลับไปว่า… “ไม่มีใครทำบุญให้เธอบ้างเลยหรือ”

เธอตอบว่า “มี แต่ยังรับบุญไม่ได้ เพราะถูกคนฆ่าสะกดเอาไว้ หากตอนที่มีคนใจดีมาเซ่นไหว้ของกลางแจ้ง เธอก็แย่งชิงไม่ทันพวกเขาอีก…เพราะเขาสะกดให้อยู่ในที่ที่จำกัด” คุณมดถอนหายใจอีกครั้ง

“ในส่วนของแขกรายนี้ หลังจากวันนั้นเขาหายไปเกือบสองเดือน แล้วกลับมาพักอีกครั้ง ได้เจอดิฉันเข้ากะพอดี จึงได้คุยกัน ซึ่งเขาเล่าให้ฟังว่า

หลังจากที่ไปทำบุญถวายเครื่องสังฆทานชุดใหญ่พร้อมผ้าไตรจีวร อุทิศเจาะจงให้ผู้หญิงคนนี้ เพราะภายในความฝัน เธอเอาผ้าขี้ริ้วปิดในส่วนสงวนไว้ เล่าว่าเธอได้ถูกผู้ชายนำมาข่มขืน และฆ่าเผายางตาย ณ ที่ตรงนี้ ขอให้เมตตาหาเครื่องนุ่งห่มให้เธอด้วยเถอะ เมื่อผู้ชายคนนี้นำเรื่องไปปรึกษาพระเป็นการสำทับ พระท่านถึงกับเอ่ยปาก คุณโยมได้ช่วยเหลือดวงวิญญาณนี้มาถูกทางแล้ว ผ้าไตรจีวรพระเท่านั้นที่จะทำให้เธอเปลี่ยนภพ เปลี่ยนภูมิไปเกิดให้ได้ ซึ่งตัวเขาทำไปก็เพราะความสงสาร หากเป็นลูกสาวหรือน้องสาวเขาโดนกระทำอย่างนี้บ้างล่ะ

หลังจากวันนั้นเพียงแค่สองเดือน หลังจากการทำบุญ เขารู้สึกได้ว่าตัวเองนั้นโชคดีมาตลอดทั้งด้านการงาน การเงิน แถมมีอะไรก็เหมือนจะรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าสัก 1-2 วัน มาจนทุกวันนี้ผู้ชายคนนี้กลายเป็นคนที่เข้าวัด ใฝ่ทางธรรมไปเลยค่ะ”

คุณมดพูดเอ่ย พลางยกมือพนมกล่าวอนุโมทนาในบุญกุศล…ต่อมาคุณมดได้เล่าว่าในช่วงที่เกิดโรคโควิด-19 ระบาดอยู่นี้…ทางโรงแรมที่เธอทำงานไม่ปิดก็เหมือนปิดทำการ เนื่องจากไม่มีแขกมาพักอย่างที่แขกมากเต็มที่ เฉลี่ยวันละ 4-5 ห้องเท่านั้น

เมื่อมีเวลาว่าง คุณมดเธอจึงมักจะเดินสำรวจไปรอบๆ บริเวณโรงแรม เสมือนได้ออกกำลังกายไปในตัว แต่ทว่า

“ช่วงที่กำลังเดินๆ อยู่นี้ เหมือนมีคนมาเป่าลมใส่หูวู้ๆ บ้าง คล้ายเย้าแหย่เราเล่น” คุณมดพูดไปพลาง…อมยิ้มไป

“ที่หนักหน่อยเห็นจะเป็นช่วงคืนวันพระที่ผ่านมา คือเลยเที่ยงคืนไปแล้ว…ดิฉันมักแอบงีบหลับ ตอนแรกเป็นเสียงคนคุยกัน พอได้ยินข้างๆ หูก่อน ตามด้วยเสียงคนเถียงกัน เสียงขว้างปาแก้วแตก เอาอีกแล้ว…เสียงเดิมๆ จึงเผลอปากถามออกไป “ไม่ไปผุดไปเกิดบ้างเลยหรือ จะมาเฝ้าอยู่แต่อะไรที่ตรงนี้!”

สักพักได้ยินเสียงแว่วมาตามลม แต่ปะติดปะต่อได้ชัดเจน

“กูยังไม่ไป มีอะไรไหม”

“สงสัยคงอยากเจอดี”

สลับเสียงกันพูดให้ได้ยิน หากความที่ดิฉันชาชิน ไม่ค่อยกลัวจึงพูดสวนออกไปว่า…ขอนอนสักนิดไม่ได้หรือ ทำไมต้องรบกวนกันด้วย

ใช้เพื่อเป็นภาพประกอบเท่านั้น

เขาตอบมาว่า…

“ก็ที่ของกู มึงนั่นล่ะที่มาเบียดเบียน”

ดั่งที่เล่าไว้ ที่ดินตรงนี้มันตายซ้ำตายซ้อน เป็นการตายโหงทุกราย ทุกๆ ปีเจ้าของจะทำบุญเลี้ยงพระให้ แต่แปลกที่ผีไม่ค่อยยอมจะไปไหนกัน

ในส่วนของเจ้าของที่เคยเป็นกำนัน…เดี๋ยวนี้แกไม่ได้เป็นแล้วค่ะ…ต้องลาออกจากกำนัน เหตุเพราะเป็นมะเร็งอยู่ในช่วงรักษาตัว นานๆ แกถึงจะโทรศัพท์มาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบลูกน้องสักครั้ง ทั้งที่เสียงก็ไม่ค่อยมี แต่แกก็ยังห่วงใยพวกเรา”

พูดคุยถึงตรงนี้ คุณมดทอดสายตายาวไกล

“ถ้าเป็นดิฉันนะคะ หากมีเงินเป็นล้านๆ อย่างอากำนันในสมัยนั้น ดิฉันจะเก็บเงินไว้ทำอย่างอื่น ค้าขายอะไรก็ได้ แต่นี่เอาเงินมาทุ่มเป็น 10 ล้าน กว่าจะทยอยได้ทุนคืน แถมนั่งๆ นอนๆ อยู่กับบ้าน โรคภัยไข้เจ็บถามหาอีก เฮ้อ!”

คุณมดทอดถอนลมหายใจอีกครั้ง

“ที่ดินตรงไหนแรงๆ มีอาถรรพ์ ถ้าเจ้าของบุญไม่ถึง ก็อย่าหวังว่าจะพลิกชีวิตให้ร่ำรวยได้ ส่วนมากที่ดิฉันเห็นตรงที่ดินแรงๆ เขามักสร้างเป็นสถานที่ส่วนราชการ หรือไม่ก็วัดวาอารามอย่างนั้น สร้างไปเถิดค่ะ แต่ที่มาสร้างโรงแรม…เรื่องราวต่างๆ นานาจึงเกิดขึ้นตามมาได้…สารพัด หากต่อไปโรงแรมถึงขั้นที่ต้องปิดตัวลง ดิฉันคงขอพักยาว คงไม่คิดหางานใหม่ เพราะอายุก็เยอะแล้วคือเกือบจะ 50 แล้ว”

คุณมดกล่าวทิ้งท้ายไว้ด้วยน้ำเสียงปลงตก…

*โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

เรื่องโดย. กฤตยา

ภาพโดย. www.ghostcitytours.com, www.gangbeauty.com, www.abc.net.au, www.your-photography.com


แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

เรื่องที่เกี่ยวข้อง