ขึ้นชื่อว่า ผี ต้องยอมรับตามตรงว่าบางคนที่บอกว่าไม่กลัวผมไม่เชื่อ เพราะถ้าเขามาให้เห็นตรงหน้า ถ้าไม่วิ่งหรือสลบล้มพับถือว่าสุดยอด…เว้นแต่พวกมีเซนส์ เห็นผีประจำนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง และบางครั้งเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่า คนที่เราพูดคุยด้วยใช่คนอย่างเราหรือเปล่า…
ในยุคที่เศรษฐกิจตกสะเก็ด แถมโรคระบาดอย่างไวรัสโควิด 19 มาเยี่ยมกันทั่วโลก (คงกลัวไม่เท่าเทียมกัน) ผู้คนต้องหลบอยู่ในบ้านเพื่อป้องกันการระบาดของโรค ทุกอาชีพสั่นสะเทือนธุรกิจปิดตัว ตกงานกันเป็นแถวๆ อาชีพที่พอจะอยู่ได้เห็นจะเป็นเกี่ยวกับอาหารการกิน ทำให้อาชีพการส่งอาหารเดลิเวอรีบูมที่สุด ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะเป็นรายได้ที่ดีเลยครับ คำกล่าวที่ว่าพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสนั้นใช้ได้จริงๆ
ผมได้รับออเดอร์จากลูกค้าตอนหนึ่งทุ่ม สั่งอาหารและให้ไปส่งที่โรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่ง ที่ตึกหนึ่งชั้นสี่และบอกหมายเลขห้องมาด้วยพร้อมสรรพ ผมจัดการหาซื้ออาหารตามความต้องการของลูกค้าเรียบร้อย และกำลังเดินทางไปส่ง พอไปถึงที่โรงพยาบาลเกือบสองทุ่มเงียบมาก เป็นธรรมดาของโรงพยาบาลต่างจังหวัด ซึ่งเวลากลางวันผู้คนจะพลุกพล่าน แต่พอตกกลางคืนเงียบเชียบแถมยังมีไฟไม่กี่ดวงที่เปิดไว้ ผมบ่นเบาๆ กับตัวเอง “นึกยังไงมาหิวตอนค่ำๆ มืดๆ แถมยังให้มาส่งที่โรงพยาบาลซะอีก” ยามที่อยู่หน้าประตู เห็นผมเลี้ยวรถเข้ามาเขารีบลุกขึ้นทันที “จะไปไหนครับ” “อ๋อ…ผมมาส่งอาหารให้ลูกค้าครับ…ลูกพี่ ตึกหนึ่งอยู่ตรงไหนครับใช่ตึกหน้านี่ไหม” “มาตึกหนึ่งเหรอ…เออ ตึกหนึ่งอยู่ด้านหลัง เดินตรงเข้าไปจะมีแยกให้ไปทางขวาตัดผ่านสวนไป…ก็จะเห็นตึกหนึ่ง…ไปชั้นไหนล่ะ” “ชั้นสี่ครับ…ห้อง 403” ยามพยักหน้า
พอเข้าไปจอดรถเรียบร้อย ผมก็หิ้วอาหารเดินไปตามทางที่ยามบอก ด้านในพอเวลาไม่มีคนไข้น่ากลัวมากครับ แถมเปิดไฟแค่บางดวงเท่านั้น ผมไม่เจอใครเลย เดินจนกระทั่งผ่านสวนมีตึกตั้งตระหง่านอยู่ตึกหนึ่ง ขนาดในความมืดยังรู้สึกถึงความเก่าแก่ของอาคาร “มืดจังแฮะ…นี่ละมั้งตึกหนึ่ง…” ผมพูดกับตัวเอง แล้วก็รีบสาวเท้ายาวๆ เข้าไปในตึก ชะเง้อมองหาลิฟต์ พอดีพยาบาลคนหนึ่งเดินมาพอดี “มาทำอะไร…มาหาใครคะ” “เอาอาหารมาส่งครับชั้น 4 ขึ้นลิฟต์ตรงไหนครับ” “เลี้ยวมุมนั้นเลยค่ะ ลิฟต์อยู่ตรงนั้น” แล้วเธอก็เดินไปพร้อมกับส่งยิ้มให้ ผมส่งผมก็ยิ้มตอบและรีบเดินไปที่ลิฟต์ทันที
ระหว่างยืนรออยู่หน้าลิฟต์ ก็มีเสียงรถเข็นดังขึ้น ผมชะเง้อมองก็เห็นบุรุษพยาบาลกำลังเข็นรถตรงมาทางที่ผมยืน แล้วผมก็หันมามองดูลิฟต์ที่กำลังลงมา ผมคิดว่าบุรุษพยาบาลคงจะเข้าด้วยเลย ชะเง้อมองอีกทีว่าเขามาถึงไหนแล้ว…แต่ทางเดินกลับว่างเปล่า…ไม่มีใครเลย…อ้าวแล้วเขาหายไปไหน ไม่มีเวลาคิดมากผมรีบเข้าไปในลิฟต์ทันทีและกดไปที่ชั้น 4 พอประตูลิฟต์เปิดออก ผมก้าวขาเดินออกมา สิ่งแรกที่ผมเห็นคือ บุรุษพยาบาลคนนั้นเดินเข็นรถอยู่ข้างหน้าผม …มันมาทางไหนวะเร็วจัง… เขาเข็นรถไปข้างหน้ายังเหลียวหลังกลับมามองผมนิดหนึ่ง ผมเดินหาหมายเลขห้อง พอเจอก็เคาะประตูสองสามครั้งมีเสียงตอบกลับมา “เข้ามาได้ค่ะ…อ๋อ…อาหารมาแล้ว…”
ภายในห้องมีคนป่วยอยู่บนเตียง และคนเฝ้าไข้สองคน เขาพากันดีใจที่เห็นผมมา ผมบอกราคาอาหารและค่าบริการ ซึ่งลูกค้ายังแถมทิปให้อีก “ขอบคุณนะคะ…ดีนะมีบริการอย่างนี้มืดค่ำยังไงถ้าหิวก็ได้กิน” “ครับ เป็นบางคนครับที่รับออเดอร์ช่วงนี้…ผมกลับก่อนนะครับ” “ค่ะขอบคุณอีกครั้งนะ ไปๆ รีบๆ ไป”
ผมเดินอมยิ้มออกมาจากห้อง ลูกค้าให้ทิปหนักเสียด้วย แล้วก็มาจ๊ะเอ๋กับนางพยาบาลที่เดินสวนข้างล่างก่อนจะขึ้นตึก เธอยิ้มให้ซึ่งผมก็ยิ้มตอบและเธอถามกลับมาว่า “เจอแล้วนะคะ..” “ครับ…เออคุณพยาบาลครับ ที่นี่เงียบมากเลยนะครับ” “ค่ะ…กลางคืนก็จะเป็นแบบนี้ คนไข้ก็นอนกันหมดแล้วด้วยค่ะ” “ครับๆ…เจ้าหน้าที่ก็ไม่ค่อยเจอ เห็นแต่คุณพยาบาลคนเดียว…อ้อมีอีกคน” “ก็มีทุกชั้นนะคะทุกหวอดค่ะ …แต่นี่ดิฉันต้องคอยเดินตรวจค่ะ”
ผมกำลังจะคุยต่อ คือหาเพื่อนน่ะครับ ก็พอดีได้ยินเสียงดัง…ติ๊ง ของลิฟต์เป็นสัญญาณว่ามาถึงพอดี “ผมไปก่อนนะครับ” พยาบาลสาวพยักหน้าแล้วเดินไป พอประตูลิฟต์เปิดออกผมตกใจนิดหน่อย ที่เห็นบุรุษพยาบาลคนนั้นยืนเกาะรถเข็นอยู่ในลิฟต์ …หูยยย…ตกใจหมด…เจอคนนี้อีกแหละ… ผมคิดในใจ แล้วก็เดินเข้าไปในลิฟต์โดยหลีกตัวเข้าไปยืนด้านในสุดของลิฟต์ ระหว่างที่ลิฟต์ปิดและค่อยๆ เคลื่อนตัวลง บุรุษพยาบาลหันมามองผมหน่อยหนึ่งเหมือนเขาจะอมยิ้ม ผมคิดว่าเขาก็คงคิดเหมือนกันว่าเจอผมอีกแล้ว…
สังเกตเห็นว่าเขาเป็นคนรูปร่างสูงโปร่ง ขาว หน้าตาดีคนหนึ่ง นี่คงอยู่เวร เลยเดินเข็นรถยาทั่วทั้งโรงพยาบาลแน่ๆ ผมรู้สึกว่าเอ๊ะ แค่ชั้น 4 ทำไมลิฟต์ลงไม่ถึงชั้น 1 เสียที เหมือนมันนานมากจนผมรู้สึกอึดอัด แล้วบรรยากาศในลิฟต์มันบอกไม่ถูก อากาศเย็นขึ้นมาดื้อๆ ผมอยากจะถามว่าลิฟต์ทำไมช้า แต่ไม่เอาดีกว่า แล้วเสียงสัญญาณว่าลิฟต์ถึงชั้นล่างแล้วก็ดังขึ้น แต่ประตูยังไม่ทันเปิดออก…ผมก็ต้องยืนขาแข็งทื่อ ตาเหลือกอยู่ตรงนั้น…บุรุษพยาบาลหันหน้าแบบเอียงๆ มาทางผมแล้วพูดขึ้นมาว่า “…สงสัยอะไรนักหนา…หึหึ…” แล้วเขาก็เข็นรถทะลุประตูลิฟต์ออกไป…ผมทรุดลงนั่ง…สติทั้งหมดที่มีหลุดกระเจิดกระเจิง…ทุกอย่างดับวูบ
รู้สึกตัวอีกที ได้กลิ่นหอมของแอมโมเนียรนอยู่ที่จมูก พอผมลืมตาขึ้นมาก็เห็นนางพยาบาลคนนั้นกำลังเอาสำลีแกว่งอยู่ที่จมูกผม…เธอส่งยิ้มให้ “เป็นไงคะ…รู้สึกตัวแล้ว” “ผม…ผม…” “ใจเย็นๆ ค่ะ คุณอยู่ห้องพยาบาลแล้ว เมื่อกี้คุณคงเป็นลมไป” ผมรีบลุกขึ้นนั่ง แล้วเล่าเรื่องที่ผมเจอผีให้คุณพยาบาลฟัง เธอนิ่งไปนิดก่อนจะพูดขึ้นว่า “งั้น…คุณต้องทำบุญให้พวกเขา…เขามาขอแต่ไม่รู้จะบอกกับคุณยังไง” “เหรอครับ…งั้นผมจะรีบทำให้ไวเลยครับ…ขอบคุณมากนะครับ” “ฉันไปก่อนนะคะ…คุณ อย่าลืมทำบุญให้พวกเขานะคะ…แค่นึกว่าให้เขาก็จะได้รับค่ะ”
พูดจบเธอส่งสำลีให้ผมถือดมต่อ แล้วเธอก็เดินออกจากห้องไป แล้วก็มีพยาบาลอีกคนรูปร่างท้วมๆ มีอายุหน่อยเดินเข้ามาทันที เธอมองผมแล้วพูดว่า “เอ๊ะนั่น คุณเอาอะไรมาดม เอามาจากไหนคะ” “ก็ คุณพยาบาลคนเมื่อกี้เอามาให้ผมดมครับ…” “พยาบาล…พยาบาลไหนคะ” “ก็คนที่เดินสวนกับคุณเมื่อกี้นี้เอง เขาเดินออกไปคุณก็เดินเข้ามา” “ไม่มีค่ะ ไม่มีใครเดินออกไปจากที่นี่เลย แล้วพยาบาลก็มีฉันคนเดียว ที่เจอคุณนอนสลบอยู่ในลิฟต์ เลยเรียกยามมาช่วยยกกับเวรเปลเอามาไว้ที่นี่” “มีครับ ก็เธอเอาไอ้นี่มาให้ผมดม ผมฟื้นมาก็เจอเธอนั่งรมยาให้ผม” พยาบาลคนนี้ก็ยืนยันเสียงแข็ง
สักครู่หนึ่งเธอก็เดินไปหยิบรูปนางพยาบาลที่มีหลายๆ คนให้ผมชี้ว่าคนไหน…ผมมองไปก็ชี้ไปที่พยาบาลคนนั้นทันที “คนนี้ครับ…คนนี้” เธอทำท่าตกใจนิดหน่อยแล้วพูดว่า “เธอเสียไปเกือบปีแล้วค่ะ ถูกรถชนพร้อมกับบุรุษพยาบาลที่เป็นแฟนกันตายทั้งคู่” ผมกลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก เมื่อได้ยินคำพูดต่อไปอีก “แล้วคุณมาที่ตึกนี้ทำไมคะ ตึกนี้ไม่ได้เปิดใช้มานานแล้วกำลังจะซ่อมแซม เปิดแค่ชั้นล่าง ตั้งแต่ชั้นสองขึ้นไปปิดค่ะ ก็ยังสงสัยเห็นลิฟต์เปิดแล้วคุณนอนอยู่ในนั้น” ทุกอย่างพร่างพรูออกมา… ตายล่ะนี่ผมเจอผีกี่ตัวแน่ ผมชักเริ่มไม่แน่ใจว่าพยาบาลที่ผมคุยด้วยเป็นผีหรือคนกันแน่…พยามยามตั้งสติ ผมรีบคว้ากระเป๋าแล้วบอกลา รีบเดินออกมาขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดเอาไว้ด้านหน้า ผมเห็นยามยืนมอง ผมไม่พูดไม่คุยไม่อะไรทั้งนั้น เป็นผีทั้งหมดนี่หรือว่าคน ผมชักสับสนรีบบึ่งรถออกไปทันที
ผมนอนจับไข้อยู่สองสามวัน ก็น่าหรอกโดนขนาดนั้น แล้วพอดีขึ้นผมก็รีบไปทำบุญแล้วนึกถึงที่พยาบาลคนนั้นบอกว่า …ให้ทำบุญให้พวกเขา แสดงว่ามีหลายคน ผมจะบ้าตาย พอคิดขึ้นมาอยากจะลมจับ…แต่น่าแปลกในกระเป๋ามีเงินที่ลูกค้าจ่ายค่าอาหารและทิปเอาไว้
พอทำบุญเสร็จ ผมเลยไปปล่อยนกปล่อยปลา เจอคนนั่งขายลอตเตอรี่ผมเลยเข้าไปดู สะดุดตาที่เลขท้าย…403…คิดในใจเอาวะซวยมาเยอะแล้ว ผมทำบุญให้แล้วขอโชคลาภให้ผมบ้าง ถ้าได้จะทำให้พวกคุณอีก หลังจากวันนั้นอีกเจ็ดแปดวันหวยออกเลขท้าย 403 ตรงๆ ผมถูกห้าคู่ก็ดีใจแหละครับ และไม่ลืมที่จะนำเงินไปทำบุญให้พวกเขาอีก แต่หลังจากนั้นผมก็ถูกอีกเรื่อยๆ ไม่รู้ล่ะ ถ้าถูกผมก็จะทำบุญไปให้ทุกครั้ง…นี่แหละครับออเดอร์หลอนและสะพรึงของผม…
**โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เรื่องโดย. กฤตยา
ภาพโดย. www.jr-art.net, Freepik จาก www.pinterest.com, ghostsofsenatehouse.blogspot.com, houseonhauntedhill.fandom.com