![](https://renlub.com/wp-content/uploads/2021/11/ประตูกาลเวลา1-1-min.jpg)
ประตูกาลเวลาที่ว่านี้อยู่ที่วัดพระงาม ที่แต่เดิมชื่อวัด ชะราม ซึ่งมีผังวัดแบบอยุธยาตอนต้น กล่าวคือตัววัดหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีน้ำล้อมรอบเพื่อบอกเขตวัด การขุดคูคลองใช้น้ำล้อมรอบนี้ได้อิทธิพลมาจากขอมซึ่งผ่านมาทางศิลปะลพบุรี เนื่องจากทางวัดจัดสถานที่ตามความเชื่อแบบขอมที่รับมาจากอินเดีย เชื่อว่าเจดีย์ ปรางค์ หรือปราสาท มีธาตุดิน จำเป็นต้องมีคูน้ำหรือสระน้ำเพื่อสร้างสมดุลให้กับสถานที่
![](https://renlub.com/wp-content/uploads/2021/11/2-ซุ้มประตูที่ว่า-min.jpg)
ในส่วนของเจดีย์ที่ผู้เขียนกล่าว คือเจดีย์นี้ดัดแปลงมาจากวิหาร เพราะฐานล่างสุดเป็นสี่เหลี่ยม มีการบูรณะด้วยการพอกปูนทับ ส่วนของโบสถ์วัดพระงามเป็นโบสถ์ยกพื้นมีเสารอบฐาน และครั้งที่กรมศิลปากรเข้ามาขุดค้นนั้น…เห็นว่าได้พบเศษซากของโบสถ์เดิม ที่สำคัญพบหน้าตักของพระประธาน สันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธรูปสำริดปางสมาธิ เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องกษัตริย์ แต่เหลือเพียงหน้าตัก จึงไม่ทราบว่าทรงเครื่องใหญ่ หรือเครื่องน้อย
ที่สำคัญอีกอย่างที่ผู้เขียนไม่ได้กล่าวไว้คือเรื่องของใบเสมา…ใบเสมาฐานอิฐที่เห็นในวัด สำหรับฐานที่ล้อมรอบโบสถ์และอยู่ใกล้โบสถ์มากที่สุดคือฐานใบเสมา ส่วนฐานที่อยู่รอบนอกไม่ใช่ฐานใบเสมา แต่เป็นฐานเจดีย์ราย ดังที่ได้กล่าวแล้ว
เสมาที่เห็นอยู่นี้เรียกว่าเสมานั่งแท่น นิยมสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ใบเสมาที่วางอยู่บนฐานรอบโบสถ์แม้ชำรุดทรุดโทรม แต่ก็เห็นว่าเป็นใบเสมาหินชนวนเรียบ มีการปิดทองคำเปลว มีความหนาและไม่สูงมาก จึงเป็นไปได้ว่าเสมาดังกล่าวสร้างขึ้นก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เพราะในสมัยอู่ทอง ก็มีการสลักลวดลายลงบนเสมาและใช้หินทรายเป็นหินชนวนแล้ว
สิ่งเหล่านี้ทำให้พอสันนิษฐานคร่าวๆ ได้ถึงประวัติความเป็นมาของวัดพระงาม ว่ามีมาแต่สมัยอยุธยา แต่ได้รับการบูรณะใหม่ใหญ่ๆ สองคราว คือสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลางและตอนปลาย
ปัจจุบันวัดพระงามอยู่ในความดูแลของกรมศิลปากร และเนื่องในอำเภอบางปะหันมีวัดพระงามสองวัด คือวัดพระงามคลองสระบัวแห่งนี้ กับวัดพระงามเลียบคลองบางเดื่อ…ซึ่งวัดหลังมีพระจำพรรษาอยู่ ดังนั้น ผู้คนจึงเรียกเป็นวัดพระงามร้าง หรือไม่ก็วัดพระงามประตูกาลเวลา ส่วนอีกวัดเรียกวัดพระงามเฉยๆ
![](https://renlub.com/wp-content/uploads/2021/11/1-ซุ้มประตูที่ปกคลุมด้วยรากไม้-min-532x532.jpg)
เรื่องราวของประตูกาลเวลานั้น คือส่วนที่เป็นซุ้มประตูเข้าวัด ซึ่งจุดนี้เองเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวถ้าไม่ได้แวะถ่ายรูป ก็จะว่ากันว่ามาไม่ถึงวัดพระงาม เพราะว่าซุ้มประตูแห่งนี้มีรากของต้นโพธิ์ขึ้นปกคลุมและดูครึ้มไปหมด ลักษณะคล้ายโบสถ์ของวัดที่จังหวัดนนทบุรี อย่างโบสถ์วัดโพธิ์บางโอ หรือวัดเพลง ซึ่งมีลักษณะอย่างเดียวกัน คือมีต้นไม้จำพวกต้นโพธิ์ต้นไทรขึ้นปกคลุมไปหมด
ต้นโพธิ์ที่ขึ้นปกคลุมซุ้มประตูวัดพระงามแห่งนี้คาดว่าขึ้นมานานมากแล้ว เพราะลำต้นใหญ่และปกคลุมทั้งช่วยพยุงประตูไม่ให้ทรุดพังลงมา หากไม่มีต้นโพธิ์ต้นนี้พยุงประตูนี้ไว้ ประตูนี้คงราบเรียบหักพังหายไปอย่างประตูอื่นๆ อย่างแน่นอน ส่วนที่สำคัญก็คือ หากมองลอดจากประตูนี้จะมองเข้าไปเห็นพระเจดีย์ประธานพอดิบพอดี ดังนั้นจึงมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาที่วัดพระงามเพื่อที่จะมาชมประตูแห่งนี้
ผู้เขียนได้พูดคุยและซักถามนักท่องเที่ยววัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่มาในวันเดียวกับที่ผู้เขียนไปถ่ายทำ ได้ความว่าพวกเค้าอ่านพบมาจากเว็บไซต์และตามรอยมาที่วัดนี้ ผู้เขียนสังเกตว่าตลอดเวลาการถ่ายทำนานนับกว่าสี่ถึงห้าชั่วโมงของผู้เขียนนั้น พวกเขาก็ยังเดินดูเดินชมและนั่งคุยกันตลอดเวลา ไม่เหมือนนักท่องเที่ยวรายอื่นที่มาแล้วก็ไปในเวลาไม่นานนัก
ผู้เขียนเลยถามพวกเขาดูว่าทำไมถึงอยู่นานแบบนี้ กำลังรออะไรกันรึเปล่า? เขาเลยให้คำตอบว่าพวกเขากำลังรอเวลาที่ดีที่สุดที่จะถ่ายซุ้มประตูนี้ก็คือ เวลาในราว 18.00 น. ถึง 18.30 น. ที่ต้องรอ เพราะเวลานี้แสงจากพระอาทิตย์จะสาดส่องช่องประตูเข้ามาให้บรรยากาศสวยงาม เหมาะแก่การบันทึกภาพเป็นอย่างยิ่ง
![](https://renlub.com/wp-content/uploads/2021/11/3-มองไปเห็นเจดีย์พอดี-min.jpg)
ครั้นถามชาวบ้าน หรือผู้ที่อาศัยอยู่ละแวกนั้น ได้ความว่าซุ้มประตูนี้จะสวยมากในช่วงเย็น ราวเวลา 17.30 น. ถึง 18.30 น. ซึ่งเป็นช่วงที่แสงอาทิตย์จะทำมุมส่องลงมายังตำแหน่งนี้ แต่ถ้ามาในช่วงเดือนพฤศจิกายน จะเป็นช่วงที่แสงตกลงมากลางประตูพอดี จะสวยกว่านี้มาก อีกท่านหนึ่งบอกว่า “ป้าออกมาใส่บาตรแต่ตอนเช้าตรู่ เวลา 6.00 น. ก็นับเป็นอีกช่วงหนึ่งที่น่าสนใจและสวยงามมาก เพราะในช่วงเช้า นอกจากแสงเรืองรองของพระอาทิตย์ยามเช้าแล้วยังมีหมอกบางเบา เพิ่มความน่าสนใจขึ้นมาอีก ท่านที่สนใจมาชมก็หาเวลามาชมทั้งสองเวลาดังกล่าว แต่ผู้เขียนเองในวันนั้น เนื่องจากมีคิวถ่ายทำที่วัดแห่งอื่นๆ อีก เลยไม่มีเวลารอจนพระอาทิตย์ตกดิน กะว่าจะใช้เวลาสักวันไปถ่ายก็พอดีเกิดโรคโควิด-19 เข้าเสียก่อน ก็จำต้องงดมาจนถึงเวลานี้
นอกจากนี้ เรื่องที่ผู้เขียนได้ยินได้ฟังมาคือเรื่องเมืองลับแล และเรื่องคนลับแล ที่มีผู้คนเคยพบว่ามาปรากฏที่วัดพระงามแห่งนี้ เรื่องนี้คุณยายพุดซ้อนเล่าไว้ให้ฟังว่า
สมัยที่ยายยังวัยรุ่น ช่วงนั้นราวปี 2482 ยายเพิ่ง 13 ได้ล่ะมั้ง ไปช่วยแม่ขายของที่ร้านก็ผ่านวัดพระงามที่เวลานั้นรกเรื้อไปหมด ยังไม่มีใครมาบูรณะจริงจัง กรมศิลปากรมาขึ้นทะเบียนแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ทำการบูรณะอะไรจริงจัง เพราะยังมีวัดอีกจำนวนมากที่ยังต้องรีบซ่อมแซมก่อนวัดพระงาม ดังนั้นทางการจึงมาเพียงขึ้นทะเบียน
![](https://renlub.com/wp-content/uploads/2021/11/4-พริกกระเทียม-min.jpg)
เช้าวันนั้น ยายออกจากบ้านแต่เช้า ช่วยแม่ยายขายของทั้งวันแล้วกลับมาช่วงพลบค่ำ วันนั้นแถวนี้เงียบไม่มีคนเลย เดินๆ มาก็พบผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากซุ้มต้นไม้แถวนี้ หน้าตาท่าทางเขาเหมือนไม่ใช่คนแถวนี้ พอยายเดินไปเขาก็เรียกยายและถามว่าหนูจ๋า ฉันถามหน่อย ฉันจะหาซื้อของพวกนี้ได้ที่ไหน…แล้วเขาก็ยื่นกระดาษให้ยายดู ลายมือเค้าเขียนเป็นระเบียบสวยมาก แต่ก็ดูแปลกตาชอบกล ในนั้นเป็นรายการจำพวก หอม กระเทียม พริกแห้ง กะปิ น้ำปลา อะไรพวกนี้ น่าแปลกที่มาถาม เค้าไม่เคยไปตลาดหรืออย่างไร…ยายก็บอกไปว่าของพวกนี้มีที่ตลาด
เค้าว่าเอาอย่างนี้ ฉันไปไหนไม่ถูกหรอก ฉันอยากจะจ้างหนูให้ซื้อของให้ฉันแทน เอาโพยนี้ไปแล้วซื้อของมาตามโพยนี้ ฉันจะให้ค่าแรงด้วย ผู้หญิงคนนี้หยิบถุงเงินออกมาจากเข็มขัด เธอนุ่งผ้าแบบโจงกระเบน มีห่มผ้าแถบแบบคนเก่า แต่นี่เธอยังสาวและสวยมาก มีเครื่องประดับเพชรทองเยอะแยะ เค้าเอาทองและแหวนเพชรส่งให้ยายกับกระดาษ
ยายเงอะงะจะเอายังไงดี แต่ก็รับปากเค้า เค้าว่าถ้าหนูมาให้เรียก ฉันจะรออยู่แถวนี้ ยายถามว่าเค้าชื่ออะไร เธอบอกว่าชื่อแก้ว…ยายไปหาแม่ยายที่ร้าน และบอกเรื่องทั้งหมด ทีแรกแม่ยายไม่เชื่อ แต่พอยายเอากระดาษและทองกับสร้อยออกมา แม่ยายรับไปดูก็บอกว่าของพวกนี้เก่ามาก และมีค่า…บางทีอาจจะเป็นเศรษฐีตกยาก แม่ยายจัดของให้ แล้วก็ไปกับยายด้วย
![](https://renlub.com/wp-content/uploads/2021/11/5-สร้อยทองโบราณ-min.jpg)
พอไปถึงยายก็เรียกคุณแก้วๆ เธอก็ออกมา ยายก็เอาของไปให้ และส่งเครื่องทองกับสร้อยคืน พร้อมบอกว่าคุณแม่ของยายท่านมาด้วย ท่านไม่เอาสตางค์…แม่แก้วมองแม่และยายงงๆ แต่ก็ส่งเครื่องทองให้ พร้อมกับบอกว่า…รับไปเถิดจ้ะ ฉันไม่อยากได้ของใครเปล่าๆ มันจะลำบากใจกัน แม่ยายบอกของนี้ราคาไม่ถึงสร้อยเส้นนี้…แต่ก็จำต้องรับไว้ แล้วแม่แก้วก็เรียกคนใช้ออกมาให้ช่วยขนของพวกนั้นเข้าไปหลังวัดร้าง แม่ยายถามว่าเธออยู่ที่ไหน แม่แก้วว่า…แถวนี้แหละจ้ะ”
แล้วก็พากันเดินเข้าไปตรงที่ประตูรกๆ นั่น ยายกับแม่ยืนรอพักใหญ่ก็เห็นเงียบ พอเข้าไปดู ทุกคนก็หายไปหมดแล้ว รวมทั้งแม่แก้วนั่นด้วย แล้วยายก็ไม่พบใครอีกเลยมาจนวันนี้ ส่วนทองกับสร้อยนั้นแม่ของยายเอาไปขายได้เงินมาเยอะแยะเลยทีเดียว ทางร้านบอกว่าเป็นของเก่ามีราคามาก…ยายเลยเชื่อว่า แม่แก้วน่าจะเป็นคนลับแลออกมาหาซื้อของนั่นแหละ
*โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
*ภาพที่ปรากฏใช้เป็นเพียงภาพประกอบเรื่องเท่านั้น
/
เรื่องโดย. นุช จันทร์คณา
ภาพโดย. นุช จันทร์คณา, www.jewelflix.com, www.holidify.com