“กาฝาก” ชื่อภาษาอังกฤษ parasites เป็นพืชใบเลี้ยงคู่ในวงศ์ Loranthaceae อันดับ Santalales สกุล Loranthaceae ชื่อไทยว่า “กาฝากของส้มโอ” ชื่อท้องถิ่น เดี้ยงแปงซ่าง (เมี่ยน) มักอาศัยเกาะขึ้นกับพืชอื่นและแย่งอาหารจากพืชที่เกาะอยู่ บางชนิดก็แย่งอาหารจากพวกกาฝากด้วยกัน
พืชกาฝากต้องพึ่งพาต้นไม้อื่นในการดำรงชีวิต เพราะมันไม่สามารถเกาะอยู่บนต้นไม้อื่นเฉยๆ แบบกล้วยไม้ ว่านไก่แดง หรือนมตำเรีย ซึ่งเป็นพืชอิงอาศัย (epiphyte) แต่มันจะต้องแทงรากเข้าไปในท่อลำเลียงน้ำ และแร่ธาตุของต้นไม้อื่นเพื่อแย่งเอามาเป็นอาหารของมัน เพราะกาฝากเป็นพืชเบียน (parasite) บนคาคบไม้ จึงแตกต่างจากกล้วยไม้และพืชอิงอาศัยอื่นๆ
กาฝากเป็นพืชที่มีเนื้อไม้แข็ง มีใบเขียวชอุ่ม ผลัดใบตามฤดูกาล ลักษณะของลำต้น กาฝากเป็นไม้พุ่ม มีกิ่งก้านสาขามากมาย มีใบเป็นใบเดี่ยว ติดเรียงแบบตรงกันข้าม (opposite) ขอบใบเรียบ เนื้อใบเหนียวหนา
บางชนิดมีใบกว้าง แต่บางชนิดมีใบแคบ พวกกาฝากจะมีรากเรียกว่า “รากเบียน” (haustoria) แทงทะลุเปลือกไม้เข้าไปถึงขั้นเยื่อ สร้างความเจริญเติบโต (Cambium) ของพืชที่เกาะอาศัยอยู่
กาฝากเป็นพืชในวงศ์ลอแรนทาซิอี (Loranthaceae) มีหลายสกุล หลายชนิด พบขึ้นทั่วไปตามต้นไม้ต่างๆ มักเรียกชื่อตามต้นไม้ที่เกาะเบียนอยู่ เช่น กาฝากมะม่วง กาฝากก่อตาหมู เป็นต้น
ดอกกาฝากมีทั้งดอกเดี่ยวและดอกช่อที่ติดกันเป็นกลุ่ม (dichasium) ขึ้นอยู่กับชนิดของกาฝาก เมื่อนำดอกกาฝากมาพิจารณาจะเห็นว่า ดอกกาฝากมีกลีบเรียงเป็น 2 วงชั้น กลีบใน (petal) มี 2 – 3 กลีบ กลีบนอก (sepal) มี 2 – 3 กลีบเช่นกัน
ผลของกาฝากมักมีสีขาว เปลือกเหนียวแข็ง ภายในมีเมล็ดเพียงเมล็ดเดียว ซึ่งมีเมือกเหนียวๆ ห่อหุ้มไว้ เมือกเหนียวๆ นี้เองที่ทำให้เมล็ดกาฝากเกาะติดอยู่บนกิ่งไม้ได้นานและเหนียวแน่น จนกว่าจะงอกเป็นต้นกาฝากเล็กๆ มีรากเจาะดูด แทงเข้าไปในท่อลำเลียงน้ำและแร่ธาตุของต้นไม้ได้
เมล็ดกาฝากไม่สามารถแพร่พันธุ์ได้เอง ถ้าหากผลสุกจนแก่จัด จะร่วงหล่นลงสู่พื้น ถึงจะร่วงหล่นลงบนกิ่งไม้บ้าง แต่ผลนั้นยังมีเนื้อหุ้มเมล็ดอยู่ จึงไม่มีวันที่เมล็ดกาฝากจะไปติดอยู่ตามกิ่งไม้ได้เลย นอกจากจะอาศัยนกเท่านั้น เพราะนกจะกินผลกาฝากเข้าไปเป็นอาหาร แล้วถ่ายเมล็ดกาฝากออกมาพร้อมกับมูลของมัน
นกที่ช่วยแพร่พันธุ์ให้กับต้นกาฝาก คือ นกกาฝาก (Flowerpecker) เนื่องจากเมล็ดกาฝากมียางเหนียวๆ หุ้มอยู่ จึงติดอยู่ที่ปากของนก ทำให้นกเกิดความรำคาญ ต้องเอาปากไปเช็ดกับกิ่งไม้ที่มันเกาะ จนเมล็ดกาฝากติดอยู่กับกิ่งไม้ แล้วงอกงามเป็นต้นกาฝาก เกาะกินต้นไม้นั้นในเวลาต่อมา
ในขณะที่นกสอดจะงอยปากเข้าไปดูดกินน้ำหวานในกรวยดอกกาฝาก ละอองเกสรตัวผู้จะติดปากและขนบริเวณหน้าผากของนก เมื่อนกสอดจะงอยปากเข้าไปดูดกินน้ำหวานในดอกกาฝากดอกอื่น ละอองเกสรตัวผู้จึงผสมกับเกสรตัวเมียในดอกกาฝากดอกนั้น ทำให้กาฝากต้นนั้นติดผลได้
ในทางชีววิทยาถือว่าเป็นการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ระหว่างนกกับต้นกาฝากแบบชั่วคราว เมื่อนกกินเมล็ดพันธุ์พืชต่างๆ แล้ว นกมักไปถ่ายมูลไว้ตามต้นไม้ ทำให้เมล็ดพันธุ์พืชดังกล่าวเจริญเติบโตขึ้นมาได้ด้วยการดูดกินน้ำเลี้ยงของต้นไม้ที่มันอาศัยอยู่เป็นอาหาร
กาฝากเป็นไม้เลื้อยที่มีเนื้อแข็ง ซึ่งเป็นเรื่องน่าประหลาดว่า เพราะเหตุใดกาฝากที่เจริญเติบโตขึ้นมาถึงกลายเป็นไม้เลื้อยไปได้ทั้งที่นกต่างได้กินเมล็ดพืชผลไม้แล้วถ่ายออกมา แทนที่กาฝากจะมีลักษณะเดียวกันกับพืช หรือผลไม้ที่นกได้กินเข้าไป เป็นที่น่าแปลกประหลาดมหัศจรรย์ยิ่ง
บูรพาจารย์ท่านว่ากาฝากเป็นของทนสิทธิ์ ที่ดีวิเศษชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะกาฝากที่เกิดกับไม้ที่มีอาถรรพ์ทางมหาเสน่ห์ หรือไม้มงคลต่างๆ เช่น
กาฝากกาหลง กาฝากรักซ้อน = มหาเสน่ห์
กาฝากมะยม กาฝากมะรุม กาฝากมะขาม = เมตตา มหานิยม
กาฝากขนุน กาฝากมะดัน กาฝากยอ กาฝากคูณ กาฝากไม้พะยูง = โชคลาภ ค้าขายรุ่งเรือง แคล้วคลาด เกื้อหนุนให้เป็นใหญ่เป็นโต
อานุภาพกาฝากคือ มหาเมตตา มหานิยม มหาเสน่ห์ รวมถึงโชคลาภค้าขาย แคล้วคลาดกันภัย กาฝากไม้มงคล 9 ชนิด เสน่ห์ โชคลาภ ร่ำรวย เมตตาค้าขายดีนักแล กาฝากไม้มงคลประกอบด้วย 1.กาฝากรักซ้อน 2.กาฝากมะรุม 3.กาฝากมะยม 4.กาฝากมะขาม 5.กาฝากกาหลง 6.กาฝากขนุน 7.กาฝากยอ 8.กาฝากพะยูง 9.กาฝากคูณ
กาฝากที่เกิดบนต้นไม้ทั่วไปนั้นหาได้ง่าย หากแต่กาฝากที่เกิดบนไม้มงคลเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง โบราณว่าไม้มงคลที่เกิดกาฝากเกาะนั้นจะมีนางไม้หรือรุกขเทวดาอยู่ จึงเป็นที่เชื่อถือกันในหมู่พ่อค้าวาณิชและคหบดีเศรษฐีแต่โบราณ ถึงอิทธิคุณของกาฝากไม้มงคลที่ช่วยนำพาโชคลาภนานัปการ ค้าง่ายขายดีกำไรงามนัก เป็นที่นิยมแก่บุคคลทั้งหลาย
จะเข้าหาผู้ใดเขาก็เกิดความใหลหลง สงสารเกื้อหนุนเรามิได้ขาด มิได้สิ้นหนทางจนตกต่ำเลย เป็นเสน่ห์เมตตาแก่เรา อีกทั้งเป็นที่คร้ามเกรงแก่บริวาร แลผู้ใต้บังคับบัญชา เป็นที่ยกย่องสง่างาม ยิ่งรวมกันถึงเก้าชนิด ก็จะยิ่งทวีความศักดิ์สิทธิ์ โบราณยังนิยมนำไปเป็นมวลสารในการสร้างพระอีกด้วย
กาฝากมะยม ท่านว่าจับต้นมะยมยากมากมีเป็นแหล่งๆ ไป โดยทั่วไปชาวบ้านในสมัยเก่าหรือสมัยนี้ยังมีความเชื่อเรื่องการปลูกต้นไม้ที่มีชื่อเป็นมงคลไว้หน้าบ้าน เพื่อความเป็นสิริมงคลกับตนเองและครอบครัวเจ้าของบ้าน แม้กระทั่งสถานประกอบการ ห้างร้านธุรกิจต่างๆ ก็มักจะมีความเชื่อเรื่องนี้แฝงอยู่ลึกๆ เช่นกัน
ถ้าต้นไม้ต้นใดชื่อเป็นมงคล และกาฝากจับด้วยแล้วยิ่งดี โดยเฉพาะกาฝากมะยม กายสิทธิ์ประเภททนสิทธ์จำพวกหนึ่งด้วยแล้ว พุทธานุภาพไม่ต้องพูดถึง ยิ่งถ้าเป็นกิ่งมะยมที่มีกาฝากจับอยู่ทางทิศตะวันตก ไม่ต้องห่วงเรื่องเมตตามหานิยม
สรรพคุณเรื่องนี้พ่อค้าแม่ขาย ผู้ประกอบอาชีพที่ใช้การนำเสนอ การขายตรงต่างๆ ร้านค้าต่างมักมีกาฝากมะยมแขวนอยู่หน้าร้าน เพื่อขอบารมีท่านเรื่องการค้าขาย ให้ขายของดี ขายคล่องขายไว หรือแม้แต่เรื่องการเสี่ยงโชคก็สุดแล้วแต่จะใช้
จะใช้ติดตัวก็จะบังเกิดสง่าราศี มีเมตตา มหาเสน่ห์ เป็นที่รักใคร่ใหลหลง หากค้าขายก็ขายง่ายกำไรงาม เจริญรุ่งเรือง จะใช้ติดร้านรวงหรือใส่ในสุ่มไซแขวนประตูร้านก็จะเกิดเป็นที่น่าเข้าน่าซื้อ เกิดความใหลหลง มีโชคลาภในการค้าการขาย ค้าง่ายขายดีกำไรงาม
กาฝากไม้ขนุน ที่ผู้เขียนนำมาใช้บูชา ปลุกเสกโดยท่านครูบาอาจารย์ ท่านปลุกเสกให้ ท่านว่าจะช่วยให้มีผู้คนเกื้อหนุน มีโชค เป็นความเชื่อส่วนบุคคลครับ
กาฝากมะรุม ดีเด่นทางเรียกลูกค้า ค้าขายดี มีเงินทอง หายากมาก ดีทางมงคลเจริญรุ่งเรือง ทำอะไรสำเร็จสมปรารถนา เมตตาเป็นมหาเสน่ห์ เอาไว้ที่ร้านค้าก็ค้าขายดี มีคนรักชอบหลง มีพุทธคุณในตัว ดังชื่อของต้นไม้นั้น
กาฝากรัก เป็นกาฝากที่เกิดตามกิ่งไม้รัก ที่ใช้ยางลงรักปิดทอง ชอบขึ้นริมลำคลอง ยางเป็นพิษ นกไม่กล้าจับเกาะ กาฝากรักจึงหายาก นำมาทำเป็นลูกประคำร้อยติดกับสร้อยคอ ผู้ชายนิยมทำเป็นอวัยวะเพศชายแขวนสะเอว
โบราณเชื่อว่ากาฝากที่เกาะไม้มงคลมีอิทธิคุณทางด้านค้าขายร่ำรวย เป็นมหานิยม ใครบูชาหน้าร้านค้าขายจะมีแต่คนนิยมชมชอบติดอกติดใจ เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง
วิธีบูชา บูชาหน้าร้าน จะค้าขายร่ำรวยเงินทอง หรือนำไปแกะเป็นปลัดขิก ค้าขายดีนักแล หรือนำไปทำเป็นเครื่องรางทางด้านเมตตา ค้าขาย รวยกันทั่ว
“กาฝาก” ชื่อนี้เป็นชื่อที่ใครๆ ฟังดูแล้วเป็นที่น่ารังเกียจ แต่ความจริงแล้วกลับเป็นของมงคล เป็นทนสิทธิ์ที่มีคุณในทุกๆ ด้าน นับเป็นเครื่องรางของขลังจากธรรมชาติอีกชนิดหนึ่ง เป็นของมงคลตามความเชื่อของคนไทยที่สืบเนื่องกันมาจากอดีตสู่ปัจจุบัน ซึ่งผู้เขียนเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่ากาฝากจะยังคงอยู่คู่กับความเชื่อของสังคมไทยไปตราบนานเท่านาน
กาฝาก ยังเป็นชื่อที่ใช้เรียกพวกที่ชอบเป็นภาระของสังคม พวกที่ชอบสร้างปัญหาให้ผู้คน คนพวกนี้มักจะถูกเรียกว่า “กาฝาก” คนพวกนี้จะไม่มีคุณค่ากับใครเลยนอกจากจะสร้างปัญหาความเดือดร้อนเท่านั้น ซึ่งผิดกับพวกพืชที่ถูกเรียกว่า “กาฝาก”
เพราะพืชพวกนี้ นอกจากแทบจะหาโทษไม่ได้แล้ว กลับยังมีคุณนานัปการ ไม่ว่าจะใช้ทำยา หรือนำมาเป็นเครื่องรางของขลังก็ล้วนแต่ให้คุณประโยชน์ไปเสียทั้งสิ้น
หันมาทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่สังคมกันดีกว่าครับ ดีกว่าทำตัวเกะกะระราน สร้างความรำคาญใจให้กับชาวบ้าน อย่าทำให้ตัวเองต้องได้ชื่อว่าเป็นกาฝากทางสังคมกันเลยครับ
กาฝากพืชทนสิทธิ์ที่มีคุณค่า คู่ควรให้เรานำมาบูชา
เรื่องโดย. พันธ์ พรพรหม
ภาพโดย. พันธ์ พรพรหม, Ai