8 กันยายน 2024
แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

                วันหยุดนักขัตฤกษ์ที่ผ่านมา เพื่อนผมที่เป็นนายหน้าขายที่ดินมาหาที่บ้าน เขาบอกว่ามีเรื่องแปลกๆ อยากจะมาปรึกษาสักหน่อย ท่าทางเสียงที่เขาคุยโทรศัพท์กับผมนั้นดูกลุ้มใจอย่างมาก

                ทันทีที่เขามาหาผมก็ละล่ำละลักเล่าเรื่องพิลึกพิลั่นที่เขาเจอมาให้ผมฟัง…ผมนั้นปกติได้ฟังเรื่องแปลกเหล่านี้หลายครั้งหลายหนแล้ว

                ดังนั้น เรื่องนี้จึงไม่น่าแปลกสำหรับผมสักเท่าไหร่นัก

                เพื่อนผมบอกว่า วันก่อนมีคนมาติดต่อเขา หลังจากที่เขาไม่อยู่เสียหลายวัน ลูกค้ารายนี้อยากซื้อที่แถวบางกรวย นนทบุรี…เขาไปเจอที่ที่ถูกใจเข้า

                เขาหยุดนิดนึงก่อนจะเล่าต่อว่า ทางนั้นก็รีบติดต่อมาทางเพื่อนผมเลย แต่วันที่เขาไปดูที่ดูทางก็มีชาวบ้านแถวนั้นมาเตือนลูกค้าว่า ถ้าจะซื้อที่ที่นี่ ยังไงคิดดูให้ดีเสียก่อน

                ลุกค้าก็ถามว่าทำไม มีอะไรหรือ?

                ชาวบ้านก็บอกว่า ที่ที่ลูกค้าสนใจเคยเป็นที่อาถรรพ์มาก่อน ที่แห่งนี้แต่เดิมเป็นฮวงซุ้ย เป็นสุสานของคนจีนรุ่นเก่าๆ ต่อมาเจ้าของที่เกิดไปตกลงกับใคร ท่าไหนก็ไม่รู้ ปรากฏว่ามีคนมาปรับฮวงซุ้ยเสียใหม่ จัดแจงขุดศพ ขุดกระดูกขึ้นมาเผาจนราบเรียบ แล้วก็จัดแจงรื้อสุสานที่ว่านี้ออก ปักป้ายขายทันที

                “แรกๆ ก็ไม่มีใครซื้อ” เพื่อนผมว่า

                “ทำไมล่ะ หรือว่า…” ผมพูดค้างเอาไว้แค่นั้น เพื่อนผมก็เข้าใจได้ดี เขาบอกว่า

                “นั่นแหละ อย่างที่เอ็งเข้าใจนั่นแหละ ผีดุเหลือเกิน มีคนมาติดต่อซื้อที่มากมาย เมื่อตกลงซื้อขายกันแล้ว คนที่มาซื้อมักประสบเคราะห์กรรมต่างๆ นานาสารพัด บาดเจ็บหัวร้างข้างแตก หนักกว่านั้นก็แขนหักขาเดาะ บางคนซวยมากๆ ถึงตายก็มี”

                ซึ่งเรื่องพวกนี้ล้วนมาจากการซื้อขายที่ดินตรงนี้ทั้งนั้นเลย เพื่อนว่าชาวบ้านเขาว่าอย่างนี้

                แต่แล้วก็มีอยู่คนหนึ่ง คนนี้ก่อนจะซื้อที่ก็ทำไม่กลัว มาถึงก็จัดแจงทำพิธี เกณฑ์คนเกณฑ์อะไรมาทำพิธีเยอะแยะ เรียกว่า บวงสรวง ว่างั้นเถอะ

                คราวนี้กลับไม่มีปัญหาอะไร ทุกคนจึงคิดว่าล้างอาถรรพ์ฮวงซุ้ยเก่าได้แล้ว

                “…แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิ” เพื่อนผมว่า พลางหันมาจ้องหน้าผม

                “ทำไม คราวนี้มีอะไรรึ”

                “…คราวนี้แย่ยิ่งกว่าเดิมน่ะสิ” เพื่อนผมว่า พลางเล่าต่อ “ไอ้ที่ทีแรกไม่มีเรื่องไม่มีราวก็เห็นว่าดี ทุกอย่างล้างอาถรรพ์ให้หายไปได้แล้ว แต่พอมาระยะหลังๆ หลังจากผ่านตรงนั้นมาได้ห้าหกเดือน คนซื้อที่กำลังสร้างบ้านใหม่ วันหนึ่งขณะทำการก่อสร้างก็ปรากฏว่าคนงานคนหนึ่งตกนั่งร้านลงมาคอหักตาย”

                ทุกคนตกใจ ไม่คิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก แต่พอเกิดขึ้นมาทีหนึ่งแล้ว คราวนี้ก็เกิดตามมาไม่ได้หยุดหย่อน และเรื่องพวกนี้ก็ดูหนักหนาสาหัสขึ้นทุกที

                คนงานตกนั่งร้านได้ไม่ถึงเดือน คนขับรถแทรกเตอร์ก็เผอเรอ ปล่อยให้รถวิ่งไปทับคนงานตายได้อีก มีเรื่องมีราวคนงานเจ็บ คนงานตายได้ไม่เว้นแต่ละวัน

                หนักหนาสาหัสที่สุดเห็นจะเป็นเจ้าของที่ เจ้าของบ้านถูกรถยนต์ชนตาย ซึ่งพอเจ้าของตายปั๊บ อะไรๆ ทุกอย่างที่กำลังคืบหน้า กำลังทำพิธีและกำลังก่อสร้างอยู่ก็หยุดชะงักไปเฉยๆ

                คราวนี้มีเรื่องญาติพี่น้องทะเลาะกันเพื่อจะฮุบที่ฮวงซุ้ยนี้อีก

                แต่เรื่องก็รุนแรงมาถึงขั้นพี่น้องยิงกันตาย…เรื่องทำท่าจะบานปลายออกไปทุกที ญาติๆ ก็ไม่ยอมเลิกรา สุดท้ายตายไปอีกสองคน ญาติๆ กันเองทั้งนั้น

                สุดท้ายพอมีคนตาย มีคนฉิบหาย ที่แห่งนี้ก็ไม่มีใครเอา ปล่อยรกร้างเอาไว้อย่างนั้นตั้งแต่นั้นมา รวมทั้งบ้านทรงไทยหลังหนึ่งด้วย

                ว่ากันว่า บ้านหลังนั้นก่อนที่เจ้าของจะตายได้มาอยู่ดูแลพักหนึ่ง พอตายก็ไม่มีใครมานั่งสนใจอีก แล้วบ้านหลังนั้นก็ถูกปล่อยทิ้งร้างเอาไว้เหมือนกัน…จนเริ่มหักและผุพังไม่นานมานี้เอง

                ชาวบ้านและคนแถวๆ นั้นไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่ง ว่ากันว่ามีคนจรจัดเข้าไปนอนและแอบค้างอยู่หลายวัน แกเข้าไปอยู่โดยไม่มีใครรู้…

                จนวันหนึ่งมีคนมาพบแกเป็นศพอยู่ แต่ไม่มีใครรู้ว่าแกตายเพราะอะไร

                ระยะหลังๆ คนแถวนี้เล่าลือกันว่าได้ยินเสียงคนร้องไห้ดังออกมาบ้าง บางครั้งก็เป็นเสียงคนทะเลาะกัน…บางทีก็เห็นแสงไฟ เห็นเงาคนเดินอยู่ในบ้านร้างนั้น

                ชาวบ้านต่างกลัวไปตามๆ กัน และเรื่องเล่าลือว่าผีดุ ผีเฮี้ยนก็เป็นที่โจษจันไปทั่ว

                แล้วไม่นาน ทุกอย่างก็เริ่มเงียบไป ไม่มีใครพบหรือเห็นแม้กระทั่งได้ยินอะไรอีกเลย ทุกอย่างราวกับว่าเหตุการณ์ร้ายๆ ได้ผ่านไปแล้ว

                จนกระทั่งลูกค้าของเพื่อนตัดสินใจมาซื้อที่ที่นี่อีก นั่นแหละ ทุกอย่างถึงได้เริ่มกลับมาเหมือนเดิม

                เริ่มตั้งแต่มีคนเห็นแสงไฟในบ้าน มีเสียงคนเดิน มีเสียงคนคุยกันยามดึก ได้ยินแม้แต่เสียงคนทะเลาะตบตีกันด้วยซ้ำ บางทีก็มีเสียงคนร้องไห้

                ซึ่งทุกอย่างเหล่านี้กลับมาอีกแล้ว ดังนั้น พอเพื่อนผมพาลูกค้ามาดูที่ ชาวบ้านเขาก็เลยมาเตือนให้ระวังๆ กันไว้ ที่นี่ถึงดูแล้วจะสวย แต่ทว่าภายในบ้านไม่ใช่สถานที่ที่น่าอภิรมย์นัก

                มีคนบอกกันว่าห้ามสร้างบ้านทับสุสาน หลุมศพ หรือฮวงซุ้ยเด็ดขาด เพราะคนที่ตายไปแล้วเขาถือว่าคนเป็นบังอาจมาดูถูกเขา

                เรื่องนี้เพื่อนผมบอกว่า เขาเองได้ฟังจากปากซินแสจีนคนหนึ่งที่แกอยู่แถวๆ นั้น แกชำนาญในเรื่องนั่งทางใน ดูดวงดูหมออะไรพวกนี้ แกมักจะเตือนคนแถวนั้นอยู่เสมอเรื่องบ้านร้าง

                แกบอกว่าผีที่นี่ดุมาก เขาโกรธตั้งแต่แรกที่ไปรื้อที่ รื้อสุสานฮวงซุ้ยของพวกเขา แล้วสร้างบ้านทับลงไป

                คนที่เขาตายไปแล้วนั้น…เขาถือว่าการทำอะไรแบบนี้เป็นการขาดความเคารพ และขาดความเกรงใจอย่างรุนแรง ดังนั้น เรื่องที่เกิดตามมาอยู่เรื่อยๆ จึงหนักขึ้นทุกที

                เรื่องนี้เพื่อนผมมาปรึกษาผมว่าจะเอาอย่างไรดี…ผมก็ย้อนถามเขาไปว่า ถ้าเขาขายที่ดินตรงนั้นได้ เขาจะรวยขึ้นมากไหม หรือถ้าขายไม่ได้ จะมีผลกระทบกับชีวิตเขาแค่ไหน

                เขาว่า…ไม่มาก แทบจะไม่มีผลกระทบอะไรกับชีวิตเขาเลย

                พอผมได้ฟังอย่างนี้ก็บอกเขาไปว่า ผมขอเตือนเขาในฐานะเพื่อน ถ้ามันไม่มีผลได้ผลเสียอะไรขนาดนั้นก็อย่าไปยุ่งเลย ที่ที่มีประวัติไม่ค่อยดีแบบนี้ อย่าไปยุ่งเลยจะดีที่สุด

                บางครั้งการที่ชาวบ้านเขาเตือน เขาก็คงได้พบหรือได้ประสบมาแล้วจริงๆ เขาถึงได้เตือน ฉะนั้น ถ้าลูกค้าไม่ติดใจอะไรมาก ก็ขอให้แนะนำที่อื่นๆ ที่ดีกว่านี้ให้เขาไปดีกว่า

                เพราะเรื่องแบบนี้ บางครั้งเราควรดูอยู่เฉยๆ อย่าเข้าไปยุ่ง หรือเข้าไปพัวพันกับเรื่องแบบนี้ เพราะดีไม่ดี เราเองอาจจะติดร่างแห…กลายเป็นหนึ่งในเรื่องราวของความอาฆาตแค้นของคนและผีพวกนี้ไปด้วย…ซึ่งพอผมพูดจบเพื่อนผมเขาก็เห็นดีเห็นงามไปกับความคิดของผมด้วยทันทีเหมือนกัน

*โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

เรื่องและภาพประกอบโดย จุติ จันทร์คณา

ภาพปกโดย. Ai


แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •