7 ตุลาคม 2024
แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

ฉันมีโอกาสไปร่วมงานบวชพระที่ อ.บางแพ จ.ราชบุรี โดยเจ้าภาพที่เป็นเพื่อนกับฉันได้จัดงานบุญบวชหลานชาย ทั้งนี้ประเพณีงานบวชของคนย่านนั้น เมื่อปลงผมเป็นพ่อนาคแล้ว ก่อนจะเดินทางจากวัดที่ปลงผมกลับถึงบ้านงานจะต้องมีพิธีกรรมอีกอย่างคือ ระหว่างเส้นทางเดินกลับจากวัดถึงบ้าน จะระยะทางกี่กิโลเมตรก็ตามแต่ ตัวของพ่อนาคต้องไหว้ขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่นั้นๆ ไปตลอดทาง เช่น ศาลเจ้า ศาลปู่ตา หรือศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ที่คนในละแวกนั้นนับถือ

สำหรับงานนี้ ระยะทางจากวัดสู่บ้านพ่อนาคมีระยะทาง 4 กิโลเมตร มีการแวะพักเพื่อทำการสักการบูชาอยู่หลายจุด ซึ่งจุดสุดท้ายก่อนถึงบ้านงาน ตัวของน้อยเพื่อนฉันได้ให้พ่อนาคแวะจุดธูปเทียนบอกกล่าวต่อศาลเพียงตาเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของคุณน้อยนัก

น้อยเล่าว่า ศาลเพียงตาแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า ศาลแม่ชบา ตัวของคุณน้อยเธอเองได้เป็นเพื่อนสนิทกับแม่ชบาในครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่อีกต่างหาก ซึ่งเมื่อฟังเรื่องราวคำบอกเล่าน่าสนใจ จึงถือโอกาสเล่าสู่กันฟัง ดังนี้

ภาพประกอบเรื่อง มิใช่สถานที่จริง

“ก่อนที่จะมาเป็นศาลแม่ชบาที่ขึ้นชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์มากของคนในละแวกนี้ ยิ่งหนุ่มบ้านใดถึงวันบวชแล้วหากไม่ไปบอกกล่าวการจัดงานจะต้องมีเหตุร้ายหรือมีอุปสรรคขัดข้อง ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง ล่วง 40 ปีก่อน ตอนนั้นแม่ชบาเธอเป็นเพื่อนของเพื่อนฉัน เรามีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันคือ 20 ปีต้นๆ คราวนี้เรื่องมีอยู่ว่าเพื่อนของฉันที่เป็นเพื่อนกับชบาด้วย เธอชื่อพร ที่ชบาได้เดินทางมาจากนครปฐมเพราะต้องมาร่วมงานบุญงานบวชของน้องชายพร ซึ่งพรได้แอบจับคู่น้องชายตัวเองไว้กับชบาอยู่ห่างๆ ทั้งนี้รูปร่างหน้าตาของชบาถือว่าเป็นที่รูปร่างหน้าตาดี ในโรงงานที่ชบาทำงานอยู่มีคนแอบชอบเธอเยอะ แต่ดูไปแล้วคงไม่ถูกใจ อยากใช้ชีวิตโสดๆ สวยๆ ไปก่อน”

อ้อ พูดถึงเรื่องความสวยแล้ว ถือว่าชบาเป็นคนที่หน้าตาดี โดยเฉพาะเส้นผมของเธอจะยาวตรงถึงก้น รับกับรูปร่างที่สูงโปร่งของเธอ และคงไม่ต้องแปลกใจที่ทีมงานนางรำสาวหน้านาคในงานนั้นจะมีชบาที่โดดเด่นกว่าใคร

คุณน้อยเล่าต่อไปด้วยสีหน้าที่เริ่มมิสู้ดีนัก

“หากคืนวันสุกดิบหรือคืนทำขวัญนาคนั้น เมื่อพิธีกรรมแล้วเสร็จ ในช่วงเย็นก็จะมีงานเลี้ยง มีวงดนตรีชาโดว์เล่นให้แขกเหรื่อเต้นอย่างสนุกสนาน ฉันจำได้ว่า แม่ชบาเธอได้แต่นั่งอยู่กับที่ ไม่ยอมออกไปเต้นหรือดื่มสังสรรค์กับใคร เหมือนเธอไว้ตัว แม้ใครมาพูดด้วย โดยเฉพาะหนุ่มๆ กลับแสร้งไม่ได้ยิน เธอเก็บอาการลูกผู้หญิงได้ดีมาก คือเป็นกุลสตรี ไม่เหมือนกับทีมของฉันที่มีอาการเหมือนม้าดีดกะโหลก ดิ้นได้ทุกเพลงจนงานเลิก

ตกรุ่งเช้า ฉันเห็นชบานั่งถักเปีย นั่งให้คนอื่นถักและมีดอกจำปีแซมระหว่างเปีย เรียกว่าเดินไปทางไหน หอมฟุ้งที่ตรงนั้นต่อมาเป็นทางแม่ของพรที่เป็นคนจัดขบวนแห่นาคเข้าวัด จัดว่าใครคนไหนถืออะไร และคนที่เดินอุ้มหมอนนั่นก็ไม่พ้นแม่ชบาคนสวย เมื่อจัดขบวนแล้วเสร็จ ต่อมามีการยิงปืนขึ้นฟ้า ก็เป็นพวกเจ้าภาพนี่ล่ะที่ยิง ยิงกันคนละนัดสองนัด หลายคนก็หลายนัด เพราะสมัยก่อนปี พ.ศ.2522 นั้นยังไม่มีกฎหมายเรื่องห้ามไม่ให้ยิงปืนขึ้นฟ้า ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรเลยก็ตาม และอยู่ๆ แม่ชบาที่ยืนอุ้มหมอน ร่างค่อยๆ ทรุดลงๆ เลือดท่วมตัวแดงฉานเดี๋ยวนั้น หากเมื่ออุ้มร่างขึ้นรถ เธอมือตีนอ่อนแล้ว และพูดประโยคสุดท้าย ยิงกูทำไม ก่อนที่เลือดจะทะลักออกจากปาก ที่ฉันพูดได้และจดจำไม่ลืมคือชบาได้ตายในอกฉัน ตอนนั้นเรายืนติดกัน ฉันเป็นคนแรกที่เข้าประคองร่างเธอไว้!”

“ตกลงเวลานั้น พระได้บวชหรือไม่”

“ได้บวชสิ แต่กว่าจะเคลียร์เรื่องราวจบได้ก็นานอักโข เพราะดวงวิญญาณของชบาที่ตายตรงนั้นใช่ว่าจะสงบง่ายๆ ฉันจำได้ว่าเมื่อทางโรงพยาบาลนำร่างของชบาไปส่งที่วัด จ.นครปฐม ตรงที่ที่ชบาขาดใจ ไม่มีพระมาเชิญดวงวิญญาณ และปัจจุบันที่ตรงนี้ก็เป็นศาลของแม่ชบาเขานี่ล่ะ แต่กว่าเรื่องราวจะยุติลงที่ตรงนี้นะเธอเอ๊ย แค่ตัวฉันนั้นโดนไปหลายรอบ”

“โดนหลอกรึ”

“ก็ใช่สิ…เพราะยามใกล้ตาย ใกล้ขาดใจ เธออยู่ในอ้อมกอดฉัน คราวนี้เมื่อตายแล้ว วันที่ 1 2 3 4 5 เธอมาอยู่กับฉันตลอด ที่รู้ว่าชบาอยู่กับฉันคือฉันได้ยินเสียงร้องไห้ที่ข้างๆ หู ตามด้วยคำพูด ‘ยิงกูทำไม’ ส่วนที่มาให้รับรู้อีกคือกลิ่นของดอกจำปี ซึ่งเธอจำที่เราเล่าได้ไหม? ก่อนตายชบาได้ให้คนถักเปีย แซมด้วยดอกจำปีจนหอมฟุ้ง

สำหรับเรื่องของคดีความ ที่เรื่องราวยังไม่ยุติลงง่ายๆ มีคนเห็นดวงวิญญาณของชบานั่งหันหลังให้ทุกคืนที่รืมถนน ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ เป็นเพราะว่าตอนนั้นยังจับตัวคนยิง คนทำปืนลั่นไม่ได้ เพราะวันนั้นคนนี้ก็ปัง คนนั้นก็ปัง จนกระทั่งแม่ของชบาได้เดินทางมาสถานีตำรวจ มาติดตามคดี และได้บนบานศาลกล่าวกับเจ้าที่ที่โรงพัก ต่อมาไม่ถึง 7 วันมีเด็กหนุ่มอายุราว 20 ปีต้นๆ แต่เป็นคนหมู่บ้านอื่น ได้มาขอมอบตัวกับตำรวจว่าเขาเป็นคนที่ตั้งใจยิงชบา ที่ตั้งใจยิงคือข้อหาหมั่นไส้ ที่คืนนั้นได้โค้งขอชบาให้ออกไปเต้นก็หลายรอบ แต่หน้าแตกกลับมาทุกที จึงผูกใจเจ็บเรื่อยมา

อะไรไม่ว่า…เมื่อชบาตาย มาจนถึงวันนี้หนึ่งเดือนผ่านไป เสียงพูดที่ดังข้างหูเขาคือ ยิงกูทำไม หนำซ้ำยังได้ยินเสียงแกรกๆ ที่รอบตัวบ้าน ซึ่งระยะหลังๆ นี้เป็นเสียงขานชื่อเขาเลยว่าไอ้ดำ ไอ้ดำ กูจะเอามึงไปอยู่ด้วย เรียกว่าเขาอยู่ไม่ได้ร้อนรนจนอยู่บ้านไม่ติด สุดท้ายจึงได้มามอบตัวกับตำรวจเสียเอง กลับมาในส่วนของฉัน ขอเล่าต่อไปนะ”

คุณน้อยบอก

“ตอนนั้นฉันไม่เป็นอันทำงาน เพราะมีฉันก็เหมือนมีชบาอยู่ใกล้ๆ ที่รู้เพราะมีคนทัก คือเข้าใกล้ตัวฉันเมื่อไหร่เป็นต้องหอมกลิ่นของดอกจำปีเมื่อนั้น แม้กระทั่งตอนที่เข้าวัดไปทำบุญ คนเขานั่งสวดมนต์ นั่งฟังพระเทศน์บนศาลา แต่ฉันต้องมานั่งที่บันได ที่นั่งเพราะอยากนั่ง เหมือนมีอะไรมาดลใจ แต่รู้ได้เลยว่าชบาเธอไม่อยากขึ้นศาลา คราวต่อมาเมื่อเธออยู่กับฉันนานๆ อาการฉันเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง พูดจาคนเดียว รู้จักคนในครอบครัวชบา อยากจะไปหาแทบทุกอาทิตย์ แต่กับพ่อแม่พี่น้องฉันทำตัวห่างเหินเหมือนคนไม่รู้จัก ต่อมาแม่ได้ไปดูร่างทรง เขาทักว่าผีกินอีน้อยไปครึ่งตัวแล้ว รีบเอามันไปบวชชี ให้อยู่ในเขตของวัด ไม่อย่างนั้นไม่พ้น 1 เดือนต่อจากนี้เป็นแน่ คนตายต้องเอาไปอยู่เป็นเพื่อนด้วย”

ซึ่งคุณน้อยได้เล่าต่อไป

“ตอนนั้นชีวิตเราอย่างไรก็ได้ ใครให้ทำอะไรก็ทำ เพราะจิตใจมันล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กึ่งๆ คนบ้าดีๆ นี่เอง หากอย่างไรฉันได้โกนหัวบวชชีถึงสามพรรษา และตลอดสามพรรษาสามปีนี้ วิญญาณของแม่ชบาคงวนเวียนอยู่กับร่างฉัน มาปรากฏให้เห็นบ่อย แม้จะได้รับบุญที่ฉันสวดมนต์อุทิศให้เช้า-ค่ำ แต่วิญญาณยังคงไปสู่สุคติไม่ได้ เหตุเพราะจิตสุดท้ายก่อนขาดใจ เธอตั้งใจมาร่วมงานบุญ มาสร้างกรรมดี แต่ทำไมเธอถึงต้องมาจบชีวิตเอาง่ายๆ ด้วยความหมั่นไส้ของผู้ชายคนหนึ่งที่เธอไม่เล่นหูเล่นตาด้วย”

คุณน้อยเล่าไปด้วยสายตาทอดยาวไกล ย้อนถึงความทรงจำให้กลับมา

“ต่อมาคนในตำบลได้ช่วยกันคิดอ่าน ในเมื่อชบายังไม่ถึงที่ตาย แต่ถูกกรรมเก่ามาตัดรอน คนเป็นควรสร้างศาลเพียงตาหาที่อยู่ให้เธอใหม่ นั่นล่ะ ศาลแม่ชบาจึงถูกสร้างขึ้น ต่อมาเมื่อลูกหลานบ้านไหนใครบวชพระ ต้องแห่นาคมาบอกกล่าวให้ดวงวิญญาณได้ร่วมบุญ งานเลี้ยง งานบุญทุกอย่างจะราบรื่น ผ่านไปด้วยดี”

คุณน้อยกล่าวสรุป หากทั้งนี้ผู้เขียนอดถามไถ่ไม่ได้…

“ถ้าหากงานบวชใดละเลย ลืมแม่ชบานั้นเล่า จะเป็นอย่างไร?”

“จะเป็นไงนั้นหรือ? นางก็จะมานั่งเฝ้าอยู่ข้างงาน แต่เป็นในลักษณะผู้หญิงผมยาวถักเปีย มีดอกจำปีติดไว้ทุกช่อเปีย ได้กลิ่นหอมฟุ้งจนทั่วงาน แต่แกจะนั่งหันหลังให้นะ ไม่ให้เห็นหน้าค่าตา ส่วนหมาแถวนั้นก็ระดมกันทั้งเห่าทั้งหอน จนสุดท้ายเป็นที่รู้กันว่าต้องไปไหว้ที่ศาลเพียงตาแล้วล่ะ จุดธูป 1 ดอกบอกกล่าว ข้าวปลานาเกลือในงานมีอะไร แบ่งของเซ่นไหว้ใส่กระทงอย่างละนิดอย่างละหน่อย แล้วแกจะไม่มารบกวนใคร แถมจะดูแลงานให้ราบรื่นเสียอีก ที่ต้องให้พ่อนาคสักการะที่ศาล เพราะตลอดเวลาฉันและปู่ของพ่อนาคได้รู้ที่มาที่ไปของแม่ชบาเป็นอย่างดี”

ปู่ของพ่อนาคงานบวชในวันนี้ก็คือ พ่อนาคที่จะเข้าโบสถ์ในวันที่ชบาถูกยิงจนเสียชีวิตนั่นเอง โดยระหว่างที่พระบวชและคุณน้อยได้บวชชีหนีวิญญาณ ท้ายที่สุดเมื่อต่างฝ่ายต่างสึก ลาสิกขาบท ทำให้ติดต่อกันเรื่อยมาจนกลายเป็นความรักและสมรสกันในที่สุด สำหรับงานบุญในครั้งนี้ ฉันได้เห็นคุณน้อยเธอฟ้อนรำป้อไปมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทำให้มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา หรืออาจเป็นดวงวิญญาณแม่ชบามาแอบแฝงด้วยก็เป็นได้ เพราะคนในวัย 60 กว่าแล้ว อะไรจะกระฉับกระเฉงได้ขนาดนี้

อย่างไรก็ดี ขออนุโมทนาบุญกุศลขอให้น้อมสู่ต้นเรื่องต้นทาง คือแม่ชบา เพื่อที่ทำให้หลายคน ผู้อ่านได้รับรู้ว่า…วิญญาณมีอยู่จริง อีกเรื่องบุพเพสันนิวาสนั้นก็มีอยู่จริงเช่นกัน…สาธุ

**โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

เรื่องโดย. ลุงเฒ่า

ภาพโดย. horoscope.thaiza.com, ภาพยนตร์เรื่อง the haunting in connecticut 2 และ gost house


แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •