ถ้าจะพูดว่าความหวังของผู้คนทุกวันนี้ล้วนอยากจะร่ำรวย เพราะเงินสามารถทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น โดยเฉพาะคนที่ใช้ชีวิตธรรมดาหาเช้ากินค่ำ เพราะลำพังเงินเดือนคงไม่สามารถทำให้ร่ำรวยได้ นอกจากเป็นเจ้าของกิจการ หรือทำการค้าใดๆ …เพราะฉะนั้นในทุกวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือนจึงเป็นความหวังแก่นักเสี่ยงโชค แม้แต่ตัวผู้เขียนเองที่เสาะแสวงหาตัวเลขจากที่ต่างๆ ที่ร่ำลือว่าให้แม่นทั่วทุกสารทิศ…
พ่อกับแม่ของผม เขามักจะมีโชคจากการถูกหวยบ่อยๆ และเขาสองคนก็จะตระเวนไปสถานที่ต่างๆ ที่ร่ำลือว่าให้แม่น
อีกสิ่งหนึ่งคือพ่อผมเขาเป็นคนมีเซนส์ จนเพื่อนของพ่อมักจะขอติดตามไปด้วย บางครั้งก็เป็นญาติพี่น้อง เรียกว่าเป็นกลุ่มนิยมหวยของพวกเขา ผมก็ได้แต่มองขำๆ เพราะเป็นความสุขของท่านทั้งสอง แต่ที่สุดแล้ว ผมคิดว่าแล้วแต่โชคของแต่ละคน ซึ่งพ่อผมเขาก็ค้านว่ามันต้องแสวงหาด้วย
เช้าวันหนึ่งผมเห็นญาติๆ มากันหลายคนเต็มบ้าน เพราะเสียงคุยกัน
“ตกลงให้ลุงใหญ่เป็นคนทำ เป็นคนขอเหมือนเดิม เพราะลุงใหญ่จะเห็นเลขแม่น ดูอย่างงวดก่อนเข้าปังๆ”
“ก็ต้องลองดู เพราะที่นี่ใครไปเจอนะ…ปุ๊ก…เจ้าหนึ่งมานั่นแล้ว ไปกับพ่อไหม ไปหลายคนสนุกดี แวะเที่ยวด้วย” พ่อร้องทักผม
“ก็ได้ ผมไม่อยากได้หวย แต่อยากไปเที่ยว”
ที่มองเห็นไม่ต่ำกว่าเจ็ดแปดคน มีครอบครัวอาปุ๊กน้องพ่อ อาต้อยแฟนเขาแล้วก็ตี๋ลูกชายเขา รุ่นเดียวกับผม เรายิ้มทักทายกันและแก๊งเพื่อนพ่อกับแม่อีกสองสามคน แล้วขบวนแก๊งหาหวยก็เริ่มออกเดินทางด้วยรถยนต์สามคัน
ขับรถกันไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงจุดหมายปลายทาง ลักษณะเป็นเหมือนวัดร้าง มีต้นตะเคียนคู่สูงใหญ่ตระหง่านดูน่าเกรงขาม ผมรู้สึกขนลุกชอบกล พอจอดรถได้ ดูทุกคนกระดี๊กระด๊า โดยเฉพาะน้าปุ๊ก เพราะแกเป็นคนพามา แกก็บรรยายถึงสถานที่
“ที่นี่ยังไม่เคยมีใครมาขอเลย เราเป็นกลุ่มแรก คงต้องให้เซนส์ของพี่ใหญ่ทำงาน ใครถือธูปกับดอกไม้เอามาเลย อ้อ…แป้งฝุ่นด้วยนะ”
พ่อเริ่มพิธี จุดธูปแล้วให้คนอื่นๆ จุดตาม จากนั้นก็ไหว้ขอโชคลาภกัน พอปักธูปลงดินแต่ละคนเอาแป้งที่นำมาด้วยไปลูบไปโรยไปทาที่โคนต้นตะเคียน ต่างคนต่างก็ลุ้นว่าจะเห็นเลขอะไร
“ฉันเห็นแล้ว…ได้แล้ว…ขอบคุณแม่ตะเคียน”
“ไหนๆ ยัยปุ๊ก แกเห็นอะไร…แล้วคุณใหญ่เห็นเลขอะไร จะตรงกันไหม”
“ผมเห็นเลข 8 แล้วอีกตัว เดี๋ยวนะ…ศูนย์หรือเปล่า ไม่ชัด ใช่ 1 กับ 0 แล้วมีอีก เดี๋ยวนะ…หา!!..”
“ไหนๆ พวกเรามาดู 8 1 0 จริงด้วย เห็นไหม นี่ไงๆ”
“เออ…ใช่ๆ นี่ไงชัดเลย
ในขณะที่ทุกคนกำลังดีอกดีใจ แต่ผมเห็นพ่อยืนนิ่ง หน้าเสียๆ แล้วสิ่งที่พ่อพูดต่อจากนี้ ทำเอาทุกคนนิ่งอึ้ง
“แต่…ผมคิดว่าเลขที่เห็นวันนี้ ขอทุกคนอย่าเอาไปเล่นเลย…มัน…มันเป็นลาภมิควรได้…เชื่อผม…เรากลับกันเถอะ”
“ทำไมล่ะ ก็เห็นชัดๆ ว่าเขาให้แล้ว อีกอย่างเราก็อุตส่าห์มากันตั้งไกล จัดไปคุณหนึ่ง มีอะไรหรือเปล่า…มันชัดสามตัวเลยนะ ถ้าเขาไม่ให้เลขคงไม่ขึ้น”
ทุกคนมองพ่อแบบแปลกๆ เหมือนว่าเราหวงหรือเปล่า
แล้วอยู่ๆ ก็มีลมพัดแรงมากจนเสียงกระพือของกิ่งไม้ใบไม้ดัง พ่อรีบบอกให้ทุกคนขึ้นรถ หลายคนยังทำท่าลังเลและไม่เชื่อในสิ่งที่พ่อพูด
“วันนี้คุณใหญ่มาแปลก…ได้มาแล้วก็ต้องลองสิ จริงไหม”
พ่อรีบดันผมกับแม่ให้รีบเดินไปขึ้นรถ แล้วก็รออีกสองคันที่ยังเดินกันมา
“พ่อ…มีอะไรบอกได้ไหม” แม่ถามเมื่ออยู่กันลำพัง
“มี…แต่บอกไม่ได้ ขอสั่งห้ามเลยนะแม่ เลขนั้นห้ามซื้อห้ามเล่น ห้ามไปบอกใครอีกด้วย พ่อก็จะไม่ซื้อเหมือนกัน”
“พ่อเห็นอะไรเหรอครับ”
พ่อส่ายหน้า พอดีญาติกับเพื่อนๆ พากันขึ้นรถ แล้วเราก็ชวนกันกลับทั้งสามคัน
ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ผมแปลกใจ เพราะปกติพ่อจะชอบเล่นหวยทุกตัวที่เขาขอได้ แต่วันนี้พ่อกลับห้ามแบบจริงจัง
หลังจากวันนั้นจนถึงวันที่หวยออก น้าปุ๊กกับเพื่อนๆ พ่อพากันดีใจโทรมากริ๊งกร๊างว่าถูกหวยหลายแสน บางคนถูกเป็นล้าน เพราะเขาเล่นกันหนัก ซึ่งหวยออกเลขท้าย 810 ตรงๆ เขาทุ่มซื้อกันทั้งบนดินใต้ดินรวยกันเละ
แต่พ่อกลับรู้สึกไม่สบายใจเอามากๆ ที่พวกนั้นไม่ยอมฟังที่พ่อขอร้อง และพ่อก็เค้นถามแม่ว่าซื้อหรือเปล่าอย่าโกหก ซึ่งแม่ก็บอกว่าไม่ได้ซื้อ เพราะพ่อสั่งไว้ คราวนี้แม่บังคับถามพ่อบ้างว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งผมเองก็อยากรู้ พ่อตัดสินใจเล่าให้ฟังว่า
“วันนั้นพอได้เลข 8 แล้วสักพักก็ขึ้นเลข 1 แล้วก็ 0 อีกตัว แต่ไม่แค่นั้น เพราะมันมีตัวต่อท้ายว่า…ตาย…เป็นสีแดงตัวใหญ่เบ้อเร่อ เห็นแล้วตกใจไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน เลยไม่อยากให้ทุกคนซื้อ ไม่แน่ใจว่าถ้าถูก เราต้องแลกด้วยอะไรที่มันกำลังจะตามมาหรือเปล่า”
“แต่ไม่มีใครเห็น…เขาไม่เชื่อกัน เขาอาจจะหาว่าเราหวงหรือกันท่า เพราะเขาซื้อแล้วพากันถูกนะพ่อ” แต่วันนั้นพ่อพูดแบบดูจริงจัง
“แล้วอย่างนี้พวกเขาจะเป็นยังไง ผมว่าบางทีอาจไม่มีอะไรก็ได้นะ”
“พ่อก็ขอให้เป็นอย่างนั้นแล้วกัน”
หลังจากวันนั้น พอใครมาชวนให้พ่อกับแม่ไปหาหวย ท่านทั้งสองคนไม่ยอมไปอีกเลย แต่เขาก็ยังไม่ได้เลิกเล่นนะ แต่ไม่ได้ตระเวนไปตามที่ต่างๆ เหมือนที่เคยไป
แล้ววันหนึ่งพวกเราก็ได้รับข่าวร้าย น้าปุ๊กโทรมาร้องห่มร้องไห้ว่า ตี๋ลูกชายของแกประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตจากการไปกินไปเที่ยวกับเพื่อนๆ อุบัติเหตุไม่ใช่เรื่องแปลกเมื่อสุ่มเสี่ยงจากการดื่มแล้วขับ
แต่ดูเหมือนพ่อเริ่มไม่สบายใจ เพราะหลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน เพื่อนคนหนึ่งในวันที่ไปด้วย และถูกหวยหลายแสนเล่าว่าโดนโกงไปหลายล้าน จนสามีเขาเครียดล้มเส้นเลือดสมองแตก เป็นอัมพาตไปครึ่งซีก เขาไม่รู้จะทำอย่างไร กลุ้มใจมาก เจ้าหนี้ต่างมารุม
ไม่เพียงแค่นั้น หลายคนที่ได้ถูกหวยงวดนั้นต่างมีอันเป็นไปต่างๆ นานา หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันก็ได้ข่าวว่าแกกินยาตาย…
คนที่ถูกเลขในวันนั้นไม่มีใครรอด ไม่ตายก็พิการ บางคนอยู่ดีๆ ก็สิ้นเนื้อประดาตัว ทั้งเจ็ดคนมีอันเป็นไปต่างๆ นานา ต่างกรรมต่างวาระ
“แม่…พ่อคิดว่าพวกนั้นกำลังโดนบางสิ่งทำ ซึ่งเราไม่รู้ แต่ไม่เข้าใจทำไมต้องถึงขนาดนี้”
“พ่อ หรือเราจะกลับไปขอขมา…”
แม่ออกความเห็น พ่อส่ายหน้า
“มันเลยเถิดเกินกว่าที่เราจะเข้าไปยุ่ง เพราะเขาเตือนก่อนแล้ว เหมือนว่าให้ไปก่อนแล้วเขาจะเอาอะไรตอบแทนก็ได้…เราผิดหรือเปล่าที่ไม่ได้บอก แต่ถึงบอกวันนั้นก็คงไม่มีใครเชื่อ เพราะคำสุดท้ายที่น่ากลัวนั้น พ่อเห็นคนเดียวจริงๆ”
จากนั้น ก็จะมีข่าวมาเรื่อยว่าใครเป็นอะไรยังไง โดยไม่มีใครรอด ทั้งตายบ้าง กิจการล้มบ้าง ป่วยหนักบ้าง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ครอบครัวผมไม่ได้ซื้อเลขเพราะคำเตือนที่ต่อท้าย…คงเป็นลาภมิควรได้อย่างที่พ่อบอก เพราะคงต้องแลกด้วยสิ่งที่เขาต้องการ
สิ่งลี้ลับเราไม่อาจคาดเดา และนี่คือเรื่องที่ผมได้รับรู้ทุกอย่าง จึงอยากนำมาถ่ายทอดให้ได้รับรู้….เหรียญมีสองด้านเสมอ และไม่ใช่ทุกคนที่จะเจอกับมัน หรืออาจมีกรรมต่อกันในชาติภพที่เราไม่อาจรู้
ท้ายนี้ คงต้องกล่าวลากันเหมือนเช่นเคย อาจไม่ใช่เรื่องผีหรือวิญญาณที่หลอกหลอนจนน่ากลัว แต่ด้วยอาถรรพณ์หรืออะไรสักอย่างที่ผู้เขียนมิอาจก้าวล่วง
แล้วพบกันใหม่ในนิตยสารสุสานผีฉบับต่อไปนะคะ ขอให้ทุกท่านโชคดีมีความสุข ไม่เจ็บไม่จน พบแต่ความดีไม่มีความทุกข์ ด้วยรักจากใจจากเราชาวสุสานผี สวัสดีค่ะ
*โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เรื่องโดย. กฤตยา อยู่ประเสริฐ
ภาพโดย. Ai