เรื่องนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวเพื่อนสนิทผู้เขียนที่เพิ่งสูญเสียบุตรชายวัย 35 ปีด้วยอุบัติเหตุ ถูกรถไฟพุ่งชนถึงแก่ชีวิตเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน 62 สองปีที่ผ่านมา นำความเสียใจมาสู่เพื่อนท่านนี้จนแทบไม่เป็นอันกินอันนอนจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเธอถึงกับต้องเข้า-ออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ซึ่งเรื่องความสูญเสียดังกล่าว เพื่อนได้กระซิบเล่าให้ฟัง…ฤาอาจเป็นการที่บุตรชายมีคำสัญญาที่ให้ไว้กับของที่เขารับมาก็เป็นได้? ซึ่งครอบครัวนี้ขอเรียกตัวคุณแม่เพื่อนผู้เขียนว่าคุณปริม ส่วนบุตรชายต้นเรื่องคนดังกล่าวขอเรียกเขาว่า ชิน
ครอบครัวคุณปริมนี้ เธอเป็นลูกสะใภ้คนจีนย่านเยาวราชมานานเกือบ 30 ปี จนกระทั่งปี พ.ศ.2558 เฮีย สามีนักเล่นการพนันของคุณปริมได้ถูกลอบยิงที่ฝั่งประเทศพม่าจนถึงแก่ชีวิต! ซึ่งขณะนั้นตัวของชินได้ทำธุรกิจเสื้อผ้าส่งออก หากครั้นเมื่อบิดาจากไปทันทีที่จัดพิธีศพแล้วเสร็จ ชินได้ขออนุญาตผู้เป็นแม่ขอไปอยู่ประเทศพม่า เพื่อสานต่อหุ้นส่วนที่คุณพ่อได้ร่วมลงทุนในบ่อนพนันด้านชายแดนฝั่ง อ.แม่สาย
โดยขณะนั้นคุณปริมเล่าว่า “เมื่อขอถอนหุ้นเป็นเงินสดคืน ทางฝั่งโน้นเขาก็ไม่ยอมคืนเงินให้แม้แต่บาทเดียว ส่วนหุ้นของเฮีย เท่าที่รู้ก็เกือบ 10 ล้านบาท ขอบอกตรงๆ ฉันไม่อยากให้เจ้าชินลูกชายเดินทางไปช่วยคุมบ่อนเลย ลูกก็เพิ่งคลอดออกมา…ตัวพ่อจะเดินทางไปอยู่ที่นั่นเสียแล้ว เพราะอย่างน้อยกว่าจะกลับบ้านได้แต่ละคราวก็นานนับเดือน ประการสำคัญฉันไม่รู้ว่าลูกจะทันเกมพวกหุ้นส่วนเสือ สิงห์ กระทิง แรดรุ่นอาป๊าเขารึเปล่า…ทำงานที่โรงงานเย็บผ้าโหลก็ดีอยู่แล้ว…แถมได้ใกล้ลูกใกล้เมีย”
ขณะนั้นผู้เขียนถามแทรกออกไป “มันไม่มีทางเลือกอีกเลยหรือ ที่หุ้นส่วนเขาจะคืนเงินให้เรา จะให้หักกี่เปอร์เซ็นต์ก็ลองคุยมา”
ทั้งนี้คุณปริมเอ่ยด้วยเสียงอ่อยๆ
“คงเป็นด้วยเลือดพ่อเขาแรงด้วยกระมัง เลือดนักพนันมาตั้งแต่รุ่นอาม่า อากง คนที่บ้านเฮียเป็นนักเล่น ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย…ฉันห้ามลูกไปคงเหนื่อยเปล่า…คงต้องลองดูอีกสักตั้งสองตั้งคนเรา?”
หลังจากคุณปริมเอ่ยพูดคุยในคราวนั้นถัดมา 2-3 ปีทราบว่าครอบครัวคุณปริมได้ซื้อบ้านจัดสรรในราคา 4-5 ล้านบาทเก็บไว้เก็งราคาเป็นว่าเล่น และเมื่อมีโอกาสได้พบกับคุณปริมอีกครั้งในช่วงต้นปี พ.ศ.2562 ที่ผ่านมา คุณปริมเล่าว่า
“ได้มาเลี้ยงอาหารเด็กนักเรียนตามแนวตะเข็บชายแดน จ.กาญจนบุรีค่ะ ช่วงนี้น้องชินบูมเอามากๆ ดวงดีเหลือเกินค่ะ”
เมื่อถามว่าน้องชินได้ร่วมเล่นการพนันด้วยหรือ? ให้ได้คำตอบ
“เล่นค่ะ แต่ไปนั่งเล่นที่บ่อนอยู่ติดกัน แต่ละคืนท่วม 2-3 ล้าน ตอนนี้ลูกสะใภ้เลิกเป็นช่างเสริมสวยแล้ว หันมาปล่อยเงินกู้ในหมู่บ้านอย่างเดียว ส่วนตัวดิฉัน เมื่อพอมีสตางค์ เราอายุมากแล้ว ย่อมไม่ประมาทกับชีวิต…เมื่อมีเงินก็ต้องทำบุญทำทาน มื้อนี้ได้สั่งก๋วยเตี๋ยว 500 ชามเลี้ยงพระ ทั้งเด็กนักเรียน เดี๋ยวปีใหม่หน้าปี พ.ศ.2563 จะเดินทางมาอีก เพราะไกลมาก…ทั้งวัดทั้งโรงเรียนต้องขึ้นดอยขึ้นภูเขา”
หลังจากวันนั้น คุณปริมได้ให้เบอร์โทร.แก่ดิฉันใหม่ จึงได้มีโอกาสพูดคุยกันแทบทุกวัน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อยู่ๆ ในช่วงบทสนทนาในโทรศัพท์ มีคืนหนึ่งคุณปริมได้เล่าถึงของที่ลูกชายพกพานำความโชคดีมาให้เขา ขณะเล่นการพนันให้ได้รับทรัพย์ผ่านมาทุกรอบ…เรื่องมีอยู่ว่า ในสถานที่ที่น้องชินเดินทางไปแลคุมบ่อนนั้น เขาต้องนอนพักที่เรือนพักหลังเล็ก ปลูกเรียงรายคล้ายรีสอร์ต เมื่อดูภายนอกนั้นปกติดี ส่วนห้องที่ชินเข้าพักนั้นรอบๆ บริเวณจะไม่มีผู้คนเดินเข้า-ออกพลุกพล่านเหมือนล็อกอื่นๆ แต่เขาก็พอใจในความเงียบสงบ อย่างน้อยลืมตาตื่นตอนไหนอากาศไม่ได้ร้อนอบอ้าวเหมือนในกรุงเทพฯ
น้องชินเล่าให้มารดาฟังว่า…จนหนึ่งอาทิตย์ผ่านไป เขาได้สังเกตระหว่างนั่งดื่มกาแฟที่เทอเรซด้านหน้าห้องพัก มีเสาไม้ต้นหนึ่งอยู่มุมขวาของรีสอร์ต จะมีน้ำออกมาเป็นน้ำสีแดงส่งกลิ่นคาวคล้ายกลิ่นเลือด! แต่กลิ่นไม่รุนแรงนัก?
ตอนนั้นตัวลูกชายนึกอย่างไรไม่ทราบ เขาเอ่ยปากพูดออกมา…
ถ้าเป็นผีสางนางไม้ ขอให้คืนนี้ผมเล่นได้…เท่าที่มาพักทำงาน 6-7 วันนี้ เล่นเสียไปหลายแสนแล้ว ต่อมาครั้นพอลูกชายพูดจบ อยู่ๆ เขาเกิดอาการง่วงขึ้นมาโดยฉับพลัน จึงต้องเข้าไปนอนอีกครั้งทั้งที่เพิ่งตื่น…และได้หลับฝัน ฝันว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมานั่งพิงเสาต้นดังกล่าว
เธอบอกว่าเธอเป็นคนลาว สปป.ลาว แต่มาได้สามีเป็นนายบ่อนที่เดียวกับที่น้องชินทำงานอยู่ แต่เธอโชคร้ายถูกสามีฆ่าตาย และฝังร่างเธอไว้ที่มุมห้องตรงกับเสาต้นที่ลูกชายเห็นว่ามีเลือดจางๆ ซึมออกมา ลูกชายจึงถามเธอว่าจะให้ผมช่วยอะไรได้บ้าง เธอตอบว่า ‘เอาอย่างนี้…แลกเปลี่ยนกัน’ ก่อนจะไปเล่นพนัน ให้เอาผ้าเช็ดหน้าซับเลือดที่ต้นเสาติดตัวไว้ เธอจะดลจิตดลใจให้ชนะพนัน ไม่ว่าจะเล่นไพ่หรืออะไรต่างๆ เมื่อชนะพนัน รุ่งเช้าต้องทำบุญถวายสังฆทานอุทิศให้เธอทุกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ห้ามบอกใครเด็ดขาด
ส่วนบ่อนที่ลูกชายดูแลนั้น หรือบ่อนข้างเคียง เขาจะมีข้อห้ามพกเครื่องรางของขลังอะไรก็ตามติดตัวไปแม้แต่สิ่งเดียว ไม่เช่นนั้นจะถูกริบ ถ้าจับได้และทิ้งลงคอห่านส้วมทันทีเลยค่ะ”
“ถ้าเป็นพระเครื่องคล้องคอล่ะ?”
“ก็ไม่ได้ค่ะ หากที่บ่อนจะมีล็อกเกอร์ไว้เช่า รับฝากนะคะ กล้องวงจรมีทุกจุดปลอดภัยค่ะ”
“ต่อมาเมื่อลูกชายลืมตาตื่นจากความฝัน ลูกยังเห็นผู้หญิงในฝันนั่งกอดเข่าคุดคู้ แสดงท่าเสียชีวิตให้ลูกดูว่าถูกทุบหัวและฝังลงที่ตรงนี้…แต่ไม่ต้องห่วงเธอหรอก คืนนี้เธอจะไปช่วยเล่นพนันให้ อ้อ เธอชื่อว่าดวงค่ะ เวลาจะบอกกล่าวอะไรให้เอ่ยเรียกชื่อเธอด้วย… ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ลูกดิฉันมีเงินสดๆ นอนหนุนหัวทุกคืน ซึ่งตื่นเช้ามาต้องรีบไปทำบุญให้ดวงเขา”
ส่วนวันที่ลูกชายต้องหยุดเล่น…เพราะดวงจะไปด้วยไม่ได้นั่นคือ…คืนวันโกนที่คาบเกี่ยวเช้าวันพระ ทำไมต้องเป็นช่วงเวลานั้นๆ ด้วย…ลูกชายเคยถามดวง ดวงบอกว่าวันนี้ คืนนี้เธอต้องหลบหัวหน้าผี…หลบสัมภเวสีที่เที่ยวแสดงฤทธิ์เดชไปทั่ว…เธอต้องอยู่ที่ห้องนี้ ส่วนลูกก็จะนำอาหารสด อาหารคาวหวานมาเซ่นไหว้ดวงวิญญาณของดวงไม่ต้องผ่านพิธีสงฆ์ก็ในวันนี้นี่ล่ะค่ะ”
ครั้นเมื่อผู้เขียนทราบถึงที่มาที่ไปของการได้ทรัพย์จากผีช่วย…ก็ให้คิดห่วงใยน้องชินอยู่ครามครัน เนื่องจากได้เล่นอยู่กับสิ่งที่ไม่มีตัวตนเหลือแค่ดวงจิตนี่เอง เธอจะคิดดี คิดร้ายยากที่จะคาดเดา
กระทั่งช่วงเทศกาลออกพรรษาที่ผ่านมา ผู้เขียนมีโอกาสร่วมงานกฐินที่วัดหินดาด อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี กับคุณปริมอีกครั้ง แต่ทว่าวันนั้นสีหน้าคุณปริมดูเคร่งเครียดนัก เมื่อมีโอกาสจึงได้พูดคุย โดยคุณปริมเล่าว่า “ก็คุณดวง…นี่สิคะ ตอนนี้เขาบ่นกับลูกชายว่าเขาอยากไปเกิดใหม่ ขอให้ชินช่วยเหลือ… ฝ่ายลูกได้เอาเรื่องที่ผีขอนี้มาปรึกษาว่าจะเสียเวลามากไปไหมแม่? เขาก็จะหาคนบวชแทนให้ เพราะเขารักผมของเขา…วิญญาณของดวงก็ไม่ยอมอีก อ้างว่ามีกรรมร่วมกันมา ต้องช่วยกันชดใช้หนี้ และที่ว่ากรรมนั้น ก็คือกรรมจากที่ร่วมเล่นพนันขันต่อนั่นอย่างไร…นี่ดิฉันดูวัดให้ลูกแล้วค่ะ”
คุณปริมเอ่ยถึงวัดแห่งหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี มีเส้นทางรถไฟขบวนน้ำตก-ธนบุรีวิ่งผ่าน…เป็นวัดพระปฏิบัติ สถานที่การสร้างวัด นับได้อายุ 100 ปีขึ้นไป โดยคุณปริมมีความตั้งใจให้ชิน บุตรชายบวชพระให้วิญญาณคุณดวงเป็นเวลา 7 วัน และบวชเพื่อตนเองอีก 7 วัน รวม 14 วัน เพราะต่อไปนี้เมื่อลาสิกขาบท น้องชินจะไม่มีของ หรือวิญญาณคุณดวงติดตามไปสถานที่อื่นๆ อีกแล้ว ซึ่งฤกษ์ที่หาไว้ คือวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562 ทั้งนี้งานบวชของพระชินเป็นการปลงผมบวช มีแต่บุคคลในครอบครัวคุณปริมเท่านั้นที่ไปร่วมงาน*
กระทั่งล่วงเข้าวันที่ 10 พฤศจิกายน 62 ผู้เขียนได้พบคุณปริมอีกครั้งในงานบุญกฐิน รอบสุดท้ายของเทศกาล โดยคุณปริมเล่าให้ฟังถึงเรื่องบุตรชายที่ยังหาฤกษ์สึกจากการเป็นสมณเพศไม่ได้ เนื่องจาก “หลวงตาที่วัดดูดวงไว้ขอให้บวชลากยาวไปถึงวันเกิดพระคือ 24 มกราคมโน่นจะได้ไหม ตอนนี้พระยังมีกรรมอยู่ ขอให้อยู่ในผ้าเหลืองไปก่อนถึงจะอยู่รอดจากเจ้ากรรม-นายเวร แต่มาวันนี้ดูเหมือนลูกชายจะร้อนในผ้าเหลือง! เพราะเมื่ออาทิตย์ก่อน วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน เขาขอสึก แต่เราไม่รู้จะเล่าให้พระได้เข้าใจอะไร…ดูท่านอารมณ์ไม่ดี และอีกอย่างอยู่ในช่วงคาบเกี่ยวกับเบญจเพสรอบอายุ 35 ปีด้วย ซึ่งเห็นพระหงุดหงิด ฉันเองพลอยหงุดหงิดตามไปด้วย”
ฝ่ายนั้นคุณปริมละ…เรื่องราวดังกล่าวไว้แต่เพียงนี้
กระทั่งวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีข่าวรถยนต์ประสบอุบัติเหตุบนเส้นทางรถไฟบริเวณหน้าวัดดังกล่าว ซึ่งมีผู้อยู่ในเหตุการณ์ยืนยันว่าคนขับคงหลับใน ทั้งที่รถไฟนั้นเปิดหวูดมาแต่ไกล โดยเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นลักษณะที่รถยนต์ถูกเกี่ยวลากไม่ได้ถูกชนอย่างเต็มแรง ซึ่งรถมิได้รับความเสียหายเท่าไรนัก ทั้งนี้ร่างที่อยู่ในรถยนต์เก๋งฝั่งคนขับ ผู้เสียชีวิตไม่มีบาดแผลใดๆ แต่การเสียชีวิตอยู่ในลักษณะที่คอหักพับไปด้านหลัง
มาทราบภายหลัง ผู้วายชนม์คือคุณชิน บุตรชายคนเดียวของคุณปริมที่เพิ่งกล่าวคำลาสิกขาบทนำให้ในชั่วโมงที่ผ่านมา ทั้งที่ดูฤกษ์ดูยามแล้วว่าไม่มีกำหนดสึกพระในช่วงนี้ ต้องให้เลยวันเกิดของพระไปเสียก่อน นั่นคือวันที่ 24 มกราคม 2563 ในปีหน้าโน่น หากพระชินในขณะนั้นท่านดื้อดึงที่จะออกจากวัดในเย็นวันดังกล่าวให้จงได้ ใครห้ามก็ไม่ฟัง…
โดยคุณปริมเล่าให้ฟังภายหลังว่า “ช่วงสายของวันดังกล่าว ท่านแอบถอดสบงเปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้แก่ตนเองแล้วหนึ่งรอบ คณะสงฆ์จึงให้ท่านกลับมาเปลี่ยนชุดครองผ้าเหลืองดั่งเดิม…ก่อนที่จะยื้อ ดึง รั้งกล่อมให้ท่านอยู่ในวัดต่อไป และในที่สุดพระชินได้กล่าวคำพูดที่ว่าหากหลวงพ่อไม่สึกให้ผม ตัวผมจะไปสึกกับโคนต้นโพธิ์” เมื่อพูดราวกับว่า…วัดไม่มีพระสงฆ์องค์เจ้า ทั้งหลวงตาและหลวงพ่อพิจารณาให้ท่องคำลาสิกขาบท และระหว่างที่ทิดชินกำลังก้มๆ เงยๆ ย้ายของจากกุฏิไปยังรถเก๋งนั้น คุณปริมเล่าว่า “หลายคนในวัดทักให้อยู่ต่ออีกสักวันไม่ได้หรือ? ใช้หนี้วัดใช้หนี้สงฆ์ เช่น กวาดลานวัด ขัดส้วม ขัดห้องน้ำก่อนได้ไหม หากดวงคนเราเมื่อถึงเวลาก็ต้องไปเพราะถึงคราว” “ที่หลายคนที่เห็นลูกชาย…ที่แปลกใจอีกประเด็นคือ มีผู้หญิงผมยาวนั่งก้มหน้าอยู่ที่หน้ารถ มองเห็นแต่ผมเส้นยาวๆ คลุมหน้า เขาลงความเห็นว่า…เป็นเมียของลูกชายที่มารอรับแฟนกลับ แต่ทำไมถึงไม่ช่วยแฟนขนของจากกุฏิมาใส่รถ และแฟนของทิดชินมาตอนไหนไม่มีใครรู้”
หากคุณปริมย้อนคิดกลับนึกถึงดวง ผู้หญิงที่ตลอดช่วง 3-4 ปี เธอสามารถทำให่ชีวิตลูกชายเธอนอนกอดเงินหลักแสนทุกคืน โดยการนำของหรือซับเลือดของเธอติดผ้าเช็ดหน้านำโชคเข้าไปในบ่อนด้วย…เป็นไปได้หรือไม่ ที่ดวงจะรับชินไปอยู่ด้วยในอีกโลกหนึ่ง…เนื่องจากวันที่ชินจากไป อยู่ๆ ทำไมรถยนต์ของเขาขับวนไปมาโน่นนี่ก็หลายรอบ หากถึงเวลาตายเขากลับมาจอดรถยนต์คารางรถไฟเสียอย่างนั้น! จอดนานราวสิบนาทีเสียด้วยเสมือนรอเวลาตายเสียอย่างนั้น!
จนวันนี้เอง 28 พ.ย. 62 ผู้เขียนได้มีโอกาสเยี่ยมคุณปริมอีกครั้งที่โรงพยาบาลเอกชนใน จ.กาญจนบุรี โดยคุณปริมเล่าว่า “ไม่รู้จะอุปาทานไปหรือเปล่า ที่เมื่อคืนได้ฝันเห็นลูกและผู้หญิงอีกคน อาจเป็นคนชื่อดวงก็ได้ เพราะตลอดเวลาฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอ…ทั้งสองมาบอกให้ฉันสร้างศาลเพียงตาให้เขาอยู่ตรงที่ข้างรางรถไฟ ตรงที่ชินได้เสียชีวิตเพื่อจะได้มีที่อยู่ มีที่รอรับบุญจากวัด…ส่วนอีกวิญญาณที่เป็นผู้หญิงนั้นยังไม่เกิด เธอเป็นคนที่พาชินจากโลกนี้ไป จะขออยู่ด้วยกันตลอดไป ในความฝันดิฉันถามลูกชายได้เป็นห่วงยุ้ยกับลูกชายเขาบ้างไหม ลูกชินโบกมือบ๊ายบายเหมือนจำอะไรไม่ได้เลย ฉันเชื่อว่า เขาคงอยู่ในโลกปัจจุบันกับดวงและลืมทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมนุษย์เสียสิ้น
นี่ล่ะหนาที่คุณพระคุณเจ้าเทศน์ไว้ คนเราเมื่อตายไปคงเหลือไว้แต่ความดี และความชั่วเท่านั้น สรรพสิ่งที่เหมือนกันย่อมตกอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ดวงกับชินสองคนนี้…เขาอาจเคยมีกรรมร่วมกันมาให้ถึงได้มาเจอกัน และพากันไปอยู่ในอีกภพภูมิ
เรื่องการเกิด การตาย นับว่าสลับซับซ้อน ทางออกที่ดีควรทำดีไว้เถิด เพื่อที่วันหนึ่งเราจากโลกนี้ไป จะได้ไม่เป็นที่โจษจันแก่คนทั้งหลาย จริงหรือไม่คะ?”
**โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เรื่องโดย. ปรัศนียา
ภาพโดย. hilight.kapook.com, car.kapook.com, peepeestory.com