หลายสัปดาห์ก่อน เพื่อนผมไม่สบายอย่างมาก
…ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นอะไร รู้แต่ว่าก่อนหน้าเขาก็ยังไม่มีอาการอะไร จำได้ว่าวันนั้นเขามาทำงานปกติ
ตกบ่าย เขาก็ออกไปพบลูกค้า แล้วเขาก็หายไปไม่ได้กลับเข้ามาที่ทำงานอีก
รุ่งขึ้น หมอนี่ไม่ได้มาทำงาน หลายคนบอกว่าเขาไม่สบาย ผมนั้นไม่รู้หรอกเขาไม่สบายหรือว่าเป็นอะไร เพราะผมเองก็ไม่ได้เข้าบริษัท
มาเข้าที่ทำงานอีกทีก็วันมะรืน เพราะผมออกต่างจังหวัด กลับมากรุงเทพฯ ถึงได้รู้ข่าวว่าเพื่อนผมไม่สบายมาก
เป็นอะไรเรอะ…ผมจำได้ว่าถามเพื่อนที่ทำงานไปแบบนั้น เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าหมอนี่เป็นอะไร
“ก็วันก่อน ยังเห็นดีๆ อยู่เลยนี่นา”
ทุกคนบอกว่าไม่รู้เหมือนกัน เพราะที่บ้านเพื่อนโทรมาลางาน บอกว่าเวลานี้ต้องหามเพื่อนส่งโรงพยาบาลแล้ว…และอาการไม่ค่อยดีนัก
เย็นวันนั้น หลังจากเลิกงาน พวกผมก็พร้อมใจไปเยี่ยมเพื่อน
และก็จริงเสียด้วย อาการเพื่อนผมไม่สู้จะดีเลย ผมนั้นเลี่ยงๆ มาถามหมอที่รู้จักกัน หมอคนนี้เป็นเพื่อนของเพื่อนผมอีกที
“…มันเป็นอะไรไป วันก่อนยังเห็นดีๆ อยู่เลย”
ที่น่าแปลกกว่านั้นก็คือ เพื่อนของเพื่อนที่เป็นหมอบอกว่าตอนนี้ยังไม่สามารถวินิจฉัยได้ ซึ่งหลังจากตรวจร่างกาย ตรวจอาการทางกายภาพทุกอย่างแล้ว ไม่ปรากฏว่าเพื่อนผมจะเป็นอะไร หรือมีโรคภัยไข้เจ็บอะไรเลย เขาอาจจะป่วยทางใจ หรือมีอาการทางจิตก็ได้…
“บางที มันอาจจะคิดไปเองว่าไม่สบายก็ได้”
เพื่อนที่เป็นหมอว่า แต่ผมนั้นมองดูอาการและสภาพร่างกายของเพื่อนที่นอนแบ็บอยู่แล้ว ไม่ได้รู้สึกเลยว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร
ในความคิดผมลึกๆ นั้นรู้สึกว่าเขาเป็นอะไรสักอย่าง เพราะร่างกายเขาทั้งซูบ ทั้งเซียว และดูไม่ดีเลย แต่ทางหมอก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นอะไร
เพื่อนผมอยู่โรงพยาบาลเกือบอาทิตย์ อาการมีแต่ทรงกับทรุด แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นอะไร จนวันหนึ่งเพื่อนอีกคนอดรนทนไม่ได้…
แอบพาผู้ชายคนหนึ่งมาที่โรงพยาบาล
“…นี่ อาเพื่อนข้าเอง เป็นซินแส…”
อาของเพื่อนเข้ามาดูอาการเพื่อน เคราะห์ดีที่วันนั้นไม่มีญาติๆ ทางบ้านเพื่อนมาเฝ้าไข้ พวกเราเลยทำการได้สะดวก
“ตกลงเขาเป็นอะไรครับ อา…” เพื่อนผมถาม
คุณอานิ่งดูเพื่อนผมอยู่พักหนึ่ง แกจับหน้าเพื่อนผมที่นอนหลับไม่รู้เรื่อง พลิกดูแขน ดูหน้าอก ดูจนทั่ว แล้วก็จับชีพจร…
พอจับชีพจรเท่านั้น แกก็สะดุ้งเฮือกบอกว่า
“…ท่าจะไม่ไหว แย่แล้วแน่ๆ”
แกทำหน้าเลิ่กลั่ก บอกว่าเพื่อนผมหมดอายุแล้ว ต้องรีบต่ออายุโดยด่วน แกสั่งให้เพื่อนผมไปหาธูปเทียน หาอะไรมาให้พร้อม
…แกบอกว่าจะทำพิธีที่โรงพยาบาลนี่แหละ ถ้ารีบทำก็ใช้เวลาไม่นานนักหรอก ไม่อย่างนั้นเพื่อนผมเสร็จ…ไม่พ้นวันนี้แน่
เราตกใจ รีบหาทางหาของกันทันที
“…ราวๆ ครึ่งชั่วโมงทุกคนก็กลับมา เพื่อนผมนอนห้องพิเศษเลยล็อกห้องได้ คุณอาแกลงมือทำพิธีอย่างเร่งด่วนทีเดียว แกจุดธูปแล้วก็ท่องมนต์สวดแบบจีน พึมพำๆ…
เอาน้ำตาเทียนหยดลงแก้วน้ำในห้อง ทำน้ำมนต์ก่อนจะให้เพื่อนผมดื่ม แล้วท่องมนต์ต่อ พลางเป่าพรวดๆ ไปที่เพื่อนผม…
ผมเห็นเพื่อนสะดุ้งนิดนึงก่อนจะลงนอนต่ออีก
คุณอาแกเอาน้ำมนต์ใส่แก้วก่อนจะเอาตะกรุดหรือหลอดอะไรไม่รู้ มีภาษาจีนตัวใหญ่ๆ ที่แกท่องมนต์ แล้วเอาลงจุ่มพร้อมกับแกว่งไปแกว่งมา พอท่องและสวดมนต์เสร็จแกก็เอาตะกรุดเคาะข้างแก้วพลางเอาน้ำมนต์พรมทั่วตัวเพื่อนผม
แกมองหน้าพวกเรา บอกว่า
อีกไม่นานเพื่อนผมจะอาการดีขึ้น ให้เอาน้ำมนต์นี้ให้เขาดื่ม เวลาจะหมดให้เหลือก้นแก้วไว้ แล้วเอาน้ำธรรมดาสะอาดๆ เติม ก็จะได้น้ำมนต์แก้วใหม่
…ให้น้ำเพื่อนผมดื่ม สามวันก็จะหาย
ก่อนจะกลับไปแกบอกว่า ถ้าเพื่อนผมหายดีแล้วให้พาเพื่อนผมมาหาแกด้วย ยังมีพิธีที่ค้างอยู่อีกนิดหน่อย
พวกเรารับปาก แต่ผมบอกตรงๆ ว่ามันดูไม่น่าเลื่อมใสอย่างไรก็ไม่รู้ เหมือนทำอะไรมั่วซั่วชอบกล แล้วอย่างนี้เพื่อนผมจะหายเหรอ…? ผมไม่เข้าใจเหมือนกัน
ทันทีที่แกกลับไป เพื่อนผมบ่นหิวน้ำตลอด เพื่อนผมที่อยู่โยงเฝ้าไข้ก็ทำตามที่คุณอาบอก น่าแปลกที่อาการของเพื่อนผมดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
ญาติๆ เพื่อนมาเห็นพวกเรา และอาการเพื่อนที่ดีขึ้นก็สงสัย เราเลยเล่าให้ฟังแล้วบอกวิธีที่คุณอาท่านว่า พวกญาติๆ เห็นดีด้วย เพราะรู้ว่านี่อาจเป็นวิธีช่วยชีวิตเพื่อนผมก็ได้
หลายวันต่อมาเพื่อนผมก็หาย เขาหายอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว หมอที่รักษาเขาเองยังงงๆ ว่าเขารอดมาได้อย่างไรทั้งที่ไม่น่าจะรอดแล้ว
…เพราะร่างกายเขาอ่อนแอลงและป่วยโดยหาสาเหตุไม่ได้
เราบอกเพื่อนถึงเรื่องที่สัญญาไว้กับคุณอา เราบอกว่าจะนำเพื่อนไปหา พอทุกอย่างเรียบร้อยเราจัดแจงรีบไปทันที
คุณอาดีใจที่เพื่อนหาย แล้วให้เพื่อนเตรียมตัว แกบอกว่าแบบนี้ต้องปล่อยกระทงยืดอายุแล้ว เราสงสัยว่าคืออะไร แกบอกว่าเพื่อนผมหมดอายุจริงๆ
แต่แกทำพิธีเรียกอายุให้ จากนี้ไปเพื่อนผมจะมีชีวิตอยู่ได้ต่อไปอีก แกบอกว่าเราจะต้องตัดวิบากกรรมของเพื่อนก่อน โดยทำบุญเก้าวัดบูชาพระเก้าองค์ทุกวัด
…เสร็จแล้วต้องไปลอยกระทงที่แม่น้ำ ในกระทงนั้นต้องมีหุ่นเพื่อนจำนวนเท่าอายุด้วย
เราไปทำบุญเก้าวัดและเลี้ยงพระด้วยกันจนเสร็จพิธีในหนึ่งวัน คุณอาแกบอกว่าพรุ่งนี้ให้เพื่อนมาแต่เช้า ต้องไปลอยกระทง เรื่องพิธีเรื่องคนแกจะจัดเตรียมให้เอง
วันรุ่งขึ้นเพื่อนมาตามนัด พวกร่วมพิธีก็พร้อมแล้ว พวกเขามาจากวัดซึ่งเพื่อนผมไปเก็บตัวอยู่ทั้งคืน ผมดูมันคล้ายๆ กับพิธีทางจีน มีตีฆ้อง รำสิงห์โตกันด้วย คุณอาไปตามซินแสทางพิธีจีนอีกคนหนึ่งมาให้ แกบอกว่าวิธีนี้ต้องใช้คู่กัน…
งานแห่นี้เอิกเกริกยิ่งนัก แกบอกว่าเราจะต้องตีฆ้องให้ยมโลกรู้ว่าเพื่อนผมกลับมาแล้ว ยมโลกรู้ก็จะไม่มาเอาตัวเพื่อนผม…
เสียงฆ้อง เสียงกลอง ล่อโก้ว ดังสนั่นแถวปากคลองตลาด เราแห่จนครบพิธีก็นำกระทงอายุมาลอยออกไป ระหว่างที่ลอยแกก็สวดมนต์แบบจีนไปด้วย
…ประทัดไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันนัดถูกจุดเป็นตับ เสียงประทัดดังลั่นไปทั่วบริเวณ เรือด่วนที่ผ่านไปผ่านมาอดมองเราไม่ได้ เสร็จพิธีเพื่อนผมต้องถอดผ้าคาดเอวโยนลงน้ำ
แกบอกว่าให้สายน้ำพาผ้าหมดอายุที่เป็นตัวแทนเพื่อนผมไปกับสายน้ำ…
“ผมเห็นพิธีนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ มันเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมาก ใครจะรู้ว่าตัวเองจะหมดอายุเมื่อไหร่ และความสามารถที่ทำอะไรแบบนี้…จะสามารถนำอะไรบางอย่างที่ออกจากร่างไปแล้วกลับมาได้ ผมแทบจะไม่เชื่อทีเดียวถ้าไม่เห็นด้วยตาตัวเอง
แต่อย่างว่าแหละครับ โลกนี้ยังมีเรื่องราวและมีอะไรๆ อีกเยอะแยะที่เรายังไม่มีโอกาสได้รู้ และไม่มีโอกาสได้เห็น…
…จะว่าไปแล้ว เรื่องทำนองนี้ก็เป็นอีกศาสตร์หนึ่งที่ดูจะเป็นเรื่องลึกลับอยู่…ซึ่งเรื่องแบบนี้ เชื่อหรือไม่เชื่ออย่างไรก็อยู่ที่ตัวบุคคลล่ะครับ แต่ผมว่าสำหรับเพื่อนผมรายนี้นั้นเขาต้องเชื่อเรื่องนี้แน่ๆ…
ทำไมน่ะหรือครับ…?
…ก็เพราะเรื่องนี้ทำให้เขารอดตายกลับมาได้นี่แหละครับ
เรื่องและภาพประกอบโดย. จุติ จันทร์คณา
ภาพปกโดย. Ai