สัปดาห์ก่อนหน้านี้ และอีกหลายสัปดาห์หลังจากนี้…ท่าทางผมก็จะยังคงแกร่วๆ รอเรื่องงานสารคดี และเรื่องเข้าพื้นที่กองถ่าย ทั้งจัดหาช่างไฟ ช่างกล้องอยู่ในจังหวัดเพชรบุรี เพราะงานช่วงนี้เร่งเหลือเกิน
“…ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา น่าจะเป็นในช่วงวันพฤหัส เผอิญผมค่อนข้างว่าง เพราะนอกจากจะจัดการเรื่องในกองถ่ายทำสารคดีทุกอย่างเสร็จแล้ว…ประกอบกับตารางการถ่ายใหม่ก็ยังไม่มีมา หรือจะให้เราเข้าไปจัดการได้เสียด้วย ดังนั้นระยะนี้ผมก็เลยพอจะมีเวลาว่างบ้างไม่มากก็น้อยล่ะ”
พอผมว่าง ก็เอาแล้ว…คนงานที่คุ้นๆ กันก็มาชวนผมไปดูพิธีปลุกเสกตะกรุด
“เค้าบอกกับผมว่า คราวนี้ วัดสุดท้าย ทำพิธีที่วัดเพรียงเลยนะคุณ”
ผมถามว่า พิธีปลุกเสกตะกรุดนี่คืออะไร? เค้าก็อธิบายให้ผมฟังว่า
“มันก็เหมือนพิธีปลุกเสกพระเครื่องนั่นแหละคุณ เพียงแต่ว่าคราวนี้ไม่ใช่พระเครื่อง ไม่ได้ทำอยู่ที่วัดใดวัดเดียว”
…การทำพิธีเดิมทีทำสามวัด หมายความว่า พิธีจะไม่ได้แล้วเสร็จภายในหนึ่งวัน แต่มีการทำที่ต่อเนื่องกันมา จากวัดนั้นไปวัดนี้ จากวัดนี้ไปวัดโน้นจนกว่าจะเสร็จพิธี” บ้างก็ใช้เวลาเป็นสัปดาห์ บ้างก็ใช้เวลาเป็นเดือนๆ…
“แต่ที่ที่เค้าจะพาผมไปในครั้งนี้ เป็นพิธีเสกวัดสุดท้าย คือไปเสกที่วัดเพรียง…”
วัดที่ผมเคยกล่าวถึงเรื่องกรุเก่า เรื่องผีเฝ้ากรุนั่นแหละ…
“คนงานรายนี้บอกรายละเอียดกับผมว่า…เมื่อสักสองสามสัปดาห์ก่อนเค้าก็ไปดูพิธีนี้มา ครั้งแรกเค้าไม่ได้ไป เพราะพิธีนี้มีขึ้นที่วัดมหาธาตุ ทำพิธีอยู่ค่อนวันก็แล้วเสร็จ…”
ถัดจากนั้นมาก็ไปทำพิธีเสกตะกรุดต่อที่วัดอุทัยโพธาราม
“…ปกติพิธีนี้ ต้องทำในพระอุโบสถ แต่เค้าว่าคราวที่เค้าไปดูที่วัดอุทัยฯ นี้ นับว่าเป็นเรื่องที่โชคดีจริงๆ เพราะร้อยวันพันปี โบสถ์เก่าวัดอุทัยฯ ไม่เคยเปิดให้เข้าชม แต่ทว่ามาวันนี้ กลับเปิดโบสถ์ และมีการทำพิธี”
คนงานบอกว่า โบสถ์ที่วัดอุทัยนี้…
“…ทั้งเก่า ทั้งน่ากลัว และอับชื้นชอบกล…”
เค้าว่าบางส่วนของเพดานโบสถ์ก็แทบจะหักพังลงมาแล้ว ควรจะต้องได้รับการซ่อมแซมกันยกใหญ่ ยิ่งรีบๆ หน่อยก็จะดีไม่น้อย เค้าบอกว่า ถ้ามีโอกาสน่าจะไปทำบุญกันสักที
วันนั้นคนงานบอกว่า
“…คนแน่นวัดอุทัยฯ มองไปทางไหนก็เห็นคนเต็มไปหมด พิธีเริ่มและเลิกเอาก็บ่ายแก่ๆ แล้ว เค้าดูพิธีเรียบร้อยก็แยกย้ายออกมา พลางหมายใจไว้ว่า ถ้าไปทำพิธีต่อที่วัดเพรียง เค้าจะตามไปดูด้วย”
พอดีสองสามวันมานี้ เค้ารู้ข่าว ก็เลยถือโอกาสเชิญชวนผม ที่ชอบดูเรื่องอะไรแบบนี้ไปด้วยกัน ผมนั้นจะว่าไปชอบเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว…
“…แต่คราวก่อนเพิ่งมาช่วยเพื่อนเก็บข้อมูลเรื่องกรุวัดเพรียง ยังโดนผีหลอกไปแหม็บๆ มาคราวนี้คนงานมาชวนไปวัดนี้อีกแล้ว…ครั้นจะไม่ไปก็ใช่ที่ เพราะใจหนึ่งก็อยากไป แต่ครั้นจะตอบไปเลยว่า ไปซิก็กระไรอยู่ เพราะยังหวาดๆ จากคราวก่อนไม่หาย”
แต่แล้วผมก็ต้องรับปากตกลงว่าจะไปดูกับเค้าจนได้ สุดท้ายก็เลยนัดวันเป็นมั่นเป็นเหมาะ
“…งานที่ว่าจะมีขึ้นในปลายสัปดาห์หน้านี้ ซึ่งก็น่าจะเป็นวันศุกร์ เผอิญผมเห็นว่าเราน่าจะไปรอก่อน ก็เลยนัดกันตั้งแต่สายๆ กะว่าจะหาอะไรทานแล้วเดินโต๋เต๋แถวๆ นั้นสักหน่อย”
คราวก่อนที่มากับเพื่อนเรื่องกรุเก่า เพื่อนผมพาไปกินร้านสเต๊ก ชื่อ “สเต๊กแมวเหมียว” อยู่เลยๆ สถาบันราชภัฏไปสักหน่อยคราวก่อนเกิดติดใจ…คราวนี้ก็กะว่าจะพาคนงานไปชิมสักหน่อย ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเหมือนเคย
วันนั้นเราออกจากไซต์งานก็ยังเช้าอยู่ ผมเซ็นชื่อเสร็จก็ขอตัวออกมา อาศัยว่าวันนี้ที่ไซต์งานไม่มีงานก็เลยสบายใจหน่อย
“…เราวิ่งมาเส้นถนนตัดใหม่ที่มุ่งหน้าไปหาดเจ้าสำราญ วัดเพรียงที่เราจะไปนี้อยู่ทางซ้ายมือ”
ผมจำได้ว่าตัววัดอยู่ก่อนจะถึงสถาบันราชภัฏเพชรบุรี แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงพิธี ก็เลยยังไม่ค่อยจะมีคนสักเท่าไหร่ ผมเลยแวะไปหาอะไรทานที่ร้านสเต๊กแมวเหมียวที่ว่า รอจนข้าวเรียงเม็ดแล้วก็ตีรถกลับมา
“เรามาถึงที่วัดก็ตกในราวๆ บ่ายโมงกว่าๆ เวลานี้ผู้คนเริ่มมาที่วัดมากขึ้นแล้ว”
ผมเกร่ๆ เข้าไปเมียงมองในพระอุโบสถ แล้วก็ขอถ่ายรูปการโยงสายสิญจน์ก่อนจะเริ่มพิธี ซึ่งสายสิญจน์นี้โยงมาจากองค์พระประธานออกมา และตะกรุดเหล่านั้นจะถูกผูกห้อยเอาไว้ที่สายสิญจน์เหล่านี้
หลวงพ่อท่านบอกว่า
“…พิธีที่ทำมาสองวัด จะเสร็จที่วัดเพรียงนี่แหละ ตะกรุดส่วนหนึ่งจะถูกนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ที่มาร่วมพิธี รวมทั้งศิษยานุศิษย์ต่างๆ อีกส่วนหนึ่งจะเก็บเอาไว้ทำน้ำพระพุทธมนต์”
หลวงพ่อท่านว่า ตะกรุดที่ทำพิธีคราวนี้ จุดประสงค์ก็คือเพื่อช่วยแก้เคล็ดและปัดเป่าเรื่องร้ายๆ ออกไปให้พ้นตัว เพราะระยะนี้ดวงเมืองไม่สู้จะดีนัก แถมดวงเมืองยังไปคาบเกี่ยวและชงกับปีเกิดอื่นๆ วุ่นวายไปหมด
“…ดังนั้น ทางวัดก็เลยทำพิธีปลุกเสกตะกรุด เป็นเครื่องรางของขลังเพื่อหวังจะปัดเป่าเรื่องร้ายๆ ให้พ้นไปจากปีนี้ และช่วยเหลือผู้ประพฤติธรรม ไม่ให้ถลำไปกับดวงเมืองหรือปีเกิดที่ว่านี้ด้วย”
พิธีเสกตะกรุดที่ว่านี้ ก็ทำขึ้นมาเพื่อการนี้…
วันนั้นพอเริ่มพิธี ผมเห็นตะกรุดมากมายถูกแขวนห้อยเอาไว้ตามสายสิญจน์ แล้วก็เริ่มพิธีสวด เสียงสวดเริ่มจากเบาๆ แล้วก็ดังขึ้น…ดังขึ้น สักพักก็สลับกันเบาๆ ดังๆ ค่อยๆ อยู่แบบนี้
เท่าที่ผมได้ฟังและอยู่จนเสร็จ มีการสวดทำนองนี้ถึงสามครั้งสามครา
“เสร็จพิธี หลวงพ่อท่านก็ให้ศิษยานุศิษย์ไปเก็บตะกรุดที่แขวนเอาไว้มาลอยน้ำในอ่างน้ำมนต์ใหญ่หน้าพระอุโบสถ ตอนนี้หลวงพ่อท่านเริ่มสวดมนต์อีก แล้วโปรยตะกรุดลงไป”
ผมเห็นตะกรุดสีเงินๆ ลอยอยู่เต็มอ่างน้ำมนต์
“…พอลอยตะกรุดจนครบหมดทุกดอกแล้ว ท่านก็พนมมือขึ้นบริกรรมคาถา พระสงฆ์รูปอื่นๆ ในพระอุโบสถก็จะเริ่มสวดทำนองสรภัญญะ ไม่น่าเชื่อว่าพักเดียวตะกรุดที่ลอยน้ำนับร้อยๆ พันๆ ดอกๆ ต่างก็พากันจมลงก้นอ่างน้ำมนต์จนหมด”
ตอนนี้เค้าเรียกว่าตะกรุดอิ่มตัว…
ไม่น่าเชื่อว่า ทีแรกมันลอยน้ำอยู่ แต่พอสวดปั๊บมันพากันจมลงไปเอง โดยไม่มีใครไปคนหรือไปแตะต้องอะไรเลย…มันจมลงไปขณะที่หลวงพ่อและพระสงฆ์ต่างพากันสวดมนต์อยู่อย่างนั้น
“…แล้วที่ไม่น่าเชื่อไปกว่านั้น ตะกรุดที่เมื่อสักครู่ยังเป็นสีเงินวาวๆ บัดนี้มันกลายเป็นตะกรุดสีออกดำๆ ปนน้ำตาลแก่ๆจมอยู่ก้นอ่างน้ำมนต์นั้นทุกดอก”
เสร็จพิธีสวด หลวงพ่อท่านก็ให้เอาตะกรุดขึ้นมาแล้วแจกจ่ายไปทั่วให้กับผู้มาเข้าร่วมพิธี ผมและคนงานก็ได้ด้วย แล้วท่านก็เอาน้ำมนต์ในอ่างที่ทำพิธีมาประพรมให้ชาวบ้านที่มาร่วมพิธีทุกคน…
“…ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า เพราะผมรู้สึกว่าน้ำมนต์ที่ท่านประพรมมานั้น มันเย็นจนรู้สึกผิดปกติทีเดียว” ผมกับคนงานอยู่ทำบุญและร่วมพิธีจนเสร็จ น่าเสียดายที่ว่าเราถ่ายรูปก่อนเริ่มพิธีได้ แต่ห้ามถ่ายอย่างเด็ดขาดขณะกำลังทำพิธี…แต่เรื่องนี้ผมเองก็เห็นด้วย และไม่อยากจะไปทำอะไรลบหลู่อยู่แล้วล่ะครับ”
…วันนั้นก่อนจะนมัสการลาหลวงพ่อท่านออกมา ท่านก็กล่าวทิ้งท้ายไว้กับผมว่า
“แต่จะว่าไปนะโยม เครื่องรางของขลังทุกอย่างจะขลังได้ เจ้าของก็ต้องเป็นผู้ประพฤติธรรมด้วยนะ”
…ไม่ใช่รักษาธรรมแต่ปากเท่านั้น…วันนั้นหลวงพ่อท่านกล่าวทิ้งท้ายไว้แค่นั้นเอง
เรื่องโดย. จุติ จันทร์คณา
ภาพโดย. จุติ จันทร์คณา, www.suouthaiparkarng.lnwshop.com, www.youtube.com