ผู้เขียนมีโอกาสรู้จักเพื่อนใหม่คนหนึ่งเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ขอเรียกเธอว่าพี่ศรี ปัจจุบันพี่ศรีมีอายุ 55 ปี ประกอบอาชีพค้าขาย โดยของที่เธอขายนั้นเป็นอาหารที่รับประทานเล่นๆ เช่น ทอดมัน เต้าหู้ทอด ประมาณนี้
ทว่าสองเดือนที่ผ่านมา จากที่โควิด-19 ได้แพร่ระบาด พี่ศรีจึงออกเร่ขายของตามบ้าน เนื่องจากตลาดนัดที่เธอค้าขายได้ปิดทุกจุด
ระหว่างนี้ฉันจึงมีโอกาสได้พูดคุยกับพี่ศรี ที่มักมานั่งพักเหนื่อยที่ใต้ร่มไม้ข้างบ้านฉัน ซึ่งเมื่อนั่งพิจารณาดูมือดูเท้าของพี่ศรีที่มีนิ้วสวยยาวรี จึงอดที่จะถามออกไปไม่ได้
“ก่อนหน้าที่พี่ศรีจะมาขายของ พี่ศรีทำงานอะไรหรือคะ?”
เธอได้อึ้งอยู่พักใหญ่
“ที่บ้านฉันสมัยก่อนโน้นได้ค้าขายข้าวสาร มีโรงสีขนาดกลางเป็นของตัวเองที่มหาชัย” เธอพูดไปเรื่อยๆ เล่นเอาฉันสะดุ้ง
“จริงนะคุณ ฉันไม่ได้พูดเล่น”
จากนั้นพี่ศรีได้หยิบบัตรประชาชนของเธอออกจากกระเป๋าให้ฉันดู เมื่อดูนามสกุลแล้ว เป็นนามสกุลดังทีเดียว ส่วนภาพในบัตรประชาชนกับตัวจริงในปัจจุบันก็มีความละม้ายคล้ายคลึงกันทีเดียว เธอไม่ได้หลอกลวงฉันหรอก และในวันดังกล่าว วันที่พี่ศรีมานั่งหลบความร้อนที่ร้อนระอุในเดือนเมษายน เธอจึงเล่าย้อนอดีตถึงความหลัง ก่อนจะผันตัวเองมาเป็นแม่ค้าตามตลาดนัดเนื่องจาก
“ฉันถูกพี่ชายและน้องชายโกงด้วยกฎหมายจนหมดตัวค่ะ”
เธอปาดเหงื่อที่ไหลอาบหน้าก่อนระบายเล่าถึงความหลัง
ครอบครัวฉันมีเตี่ย มีแม่ ส่วนลูกๆ นั้นมี 3 คน คือมีพี่ชาย มีฉันที่เป็นลูกคนกลาง และมีน้องชายอีกคนที่เป็นคนเล็ก ที่บ้านเราเตี่ยกับแม่ส่งเสียลูกให้เรียนทุกคนค่ะ ตัวฉันนั้นเรียนจบอาชีววิทยาลัยที่สมุทรสาคร เมื่อเรียนจบก็มาช่วยครอบครัวค้าขายข้าวสาร ต่างคนต่างมีร้านของตนดูแล แต่ต้องส่งเงินทุนให้กงสีเดือนละเท่าไรก็ว่าไป
หากชีวิตรักของฉันในช่วงที่ฉันมีอายุ 20-21 ปี ได้มีชาวจีนคนหนึ่งมาชอบฉัน เตี่ยแม่เค้าค้าขาย มีแผงขายของอยู่แถวเยาวราช เมื่อเราแต่งงานกันไม่เท่าไร โดยตัวสามีมาช่วยฉันค้าขายที่ร้าน…ทุกคืนเขาเป็นต้องออกจากบ้าน มารู้ภายหลังเขาไปหมกมุ่นอยู่ที่ท่าเรือ ที่นั่นมีโรงฝิ่นเก่าอยู่หนึ่งโรง ลูกหลานคนจีนรวยๆ จะไปฝังตัวกันที่นั่นอย่างเพลิดเพลิน ตี 3 ตี 4 เขาถึงกลับเข้าบ้าน ซึ่งตลาดมหาชัยใน 50 กว่าปีก่อนมันก็ไม่กว้างและก็ไม่แคบจนเกินไป
วันหนึ่ง เตี่ยและแม่เรียกฉันมาคุยถาม “อาเฉลิมอยู่บ้านทุกคืนไหม มีคนเห็นมันไปค้างที่โรงฝิ่นเป็นประจำ ใช่มันหรือไม่ ถ้าเป็นความจริง ขอให้เลิกกัน” เตี่ยบอกประมาณนี้ค่ะ
เมื่อฉันเก็บเรื่องทุกเรื่องมาเตือนสามี คำตอบที่ได้นั้นคือ
“เลิกก็เลิกสิ เตี่ยกับแม่เขาก็รู้เรื่องนี้” ฉันเสียใจ เพราะเพิ่งรู้ว่าตนเองนั้นถูกหลอก มาขอให้แต่งงานกับคนติดฝิ่น
ในส่วนเตี่ย แม่ของสามี ภายหลังเขาได้มาขอโทษ เพราะคิดว่าคุณเฉลิมเมื่อแต่งงานมีเมีย มีลูกคงเลิกเสเพลได้
วันที่ฉันตัดสินใจเลิกกับสามีก็มาถึง เขาเก็บแต่เสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัวแล้วจากไป ส่วนสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาทและแหวนเพชรหนึ่งวง เขาให้ฉัน แต่ไม่รู้ว่าสวรรค์เบื้องบนท่านแกล้งฉันรึเปล่า เพราะเมื่อเขาจากไปได้ไม่กี่วัน ฉันก็มีอาการแพ้ท้องค่ะ!
ยอมรับว่าในยุคสมัยโน้น การที่ลูกสาวบ้านไหนมีเรื่องราวภายในครอบครัวที่แย่ๆ ชาวบ้านก็จ้องจะนินทา ใช่ไหมคะ?”
ฉันพยักหน้าตอบรับ เข้าใจเธอ
“ในส่วนครอบครัว ตอนแรกทุกคนได้ให้อภัยต่อการผิดพลาด ใช้ความรักแทนการตัดสินใจโดยไม่ใช้สมองตัดสิน แต่ครั้นเมื่อฉันตั้งท้องนี่สิ แล้วผัวก็เพิ่งเลิกกัน ฉันต้องอยู่ช่วยงานหลังบ้านจนคลอดลูกนั่นล่ะ และก็ได้ลูกสาวให้พี่น้องประจานอีกว่า อีกหน่อยคงเหมือนแม่มัน!”
ซึ่งชีวิตฉันมาย่ำแย่เอาจริงๆ ก็ตอนที่แม่ตายค่ะ ครั้งที่เตี่ยตายนั้นไม่เท่าไร ฉันกับลูกยังได้อาศัยอยู่ตึก ได้กินดีอยู่ดี หากตอนปี พ.ศ. 50 ที่แม่ฉันเสีย ฉันกับลูกถูกไล่ออกจากบ้านอย่างหมูอย่างหมา…หากเคราะห์ยังดีที่ก่อนแม่ตาย แม่ให้แหวนเพชรฉันไว้ 2 วง และมีเงินสดอยู่ 2 แสน ซึ่งตอนนั้นยังเอ่ยกันแม่ว่า แม่นั้นให้ฉันมากไปไหม เพราะแหวนเพชรนั้นเป็นแหวนแต่งงานของเตี่ยกับแม่
ทว่าหลังจากพิธีศพผ่านไป ฉันกับลูกก็กินข้าวร่วมวงกับใครไม่ได้ ห้องนั่งเล่น ห้องดูทีวีก็เข้าไม่ได้ ส่วนลูกสาวนั้นก็เป็นโรคจิตอ่อนๆ มีอาการคุ้มดีคุ้มร้าย ในเมื่อบ้านเคยอยู่มา 40 ปี แล้วอยู่ๆ อากู๋ไม่ให้เข้าๆ ออกๆ ให้อยู่แต่หลังบ้าน ท้ายที่สุดเมื่อฉันตามเฝ้าลูกที่โรงพยาบาลปากคลองสานทางโน้นจัดการฮุบหมดเลย เรียกว่าฮุบจนฉันไม่มีทางดิ้น ถ้าอยากได้เงินต้องไปหาทนายฟ้องร้องเอาเอง ทั้งนี้เนื่องจากเตี่ยได้ให้พี่ชายคนโตเป็นผู้จัดการมรดก ทุกอย่างอยู่ที่เขาค่ะ
ที่โรงพยาบาลปากคลองสาน ฉันได้เจอคุณพยาบาลที่ใจดีมีเมตตา เขาเล่าว่า เขามีบ้านอยู่หลังหนึ่งที่ต่างจังหวัด โดยซื้อทิ้งไว้ ไม่ได้ไปอยู่ และไม่ได้ให้เช่า ซึ่งเขาอยากให้ฉันไปอยู่ดูแลบ้าน หรือฉันจะค้าขาย เอาของทะเลทางมหาชัยไปขายก็ได้ เพราะละแวกนี้มีตลาดนัด 3-4 ตลาด ซึ่งมาทุกวันนี้ ฉันได้อาศัยอยู่บ้านคุณพยาบาลใจบุญมาจนทุกวันนี้ แต่จะว่าไปถึงฉันลำบาก แต่ฉันก็พอใช้ชีวิตอยู่รอดนะคะ” พี่ศรีพูดเล่าไปเรื่อยๆ
“เพราะทุกๆ เดือน ฉันจะทำพิธีเปิดแม่พระธรณีที่บ้าน เป็นการไหว้กลางแจ้งค่ะ โชคลาภมักเวียนมาไม่ขาดสาย” พี่ศรีเอ่ยถึงตอนนี้จนฉันเริ่มสนใจ
“อย่างช่วงโควิดกำลังแพร่ระบาด แต่ที่ตลาดสดมีเบอร์ทองขายจับกันทุก 10 วัน เชื่อหรือไม่คะว่าฉันเข้าทุกรอบ ได้รอบละ 1 สลึงบ้าง 2 สลึงบ้าง ส่วนคาถานี้พระที่มหาชัยท่านจดให้มาสวด ให้มาปฏิบัติตาม เมื่อตั้งไหว้ทุกเดือน ให้หมั่นสังเกตว่าโชคลาภจะเวียนมาเองค่ะ อะไรที่ไม่ได้ก็จะได้ค่ะ”
จากนั้นพี่ศรีได้หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าสตางค์ยื่นให้ดู ซึ่งจะขออธิบายให้ทราบดังนี้
ของที่เตรียมไหว้มีผลไม้ 5 อย่าง
ธูป 7 สี (ถ้าไม่มีใช้ธูปธรรมดา 21 ดอก)
น้ำชา 5 ถ้วย
น้ำเปล่า 5 ถ้วย
ดอกไม้ 7 สี ดอกอะไรก็ได้
จุดธูปแล้วหันหน้าไปทางทิศเหนือ
ตั้งนะโม 3 จบ
(บทสวด)
โอม ปฐวีคงคา อัคคี พาหู สักการะวันทนานัง
จะบุปผัง อาคะยัง มามิ สิระสา ขะมา มิหัง
สัพพะเทวานัง รุกขเทวดานัง ปัฐวี เทวา นะมามิ
(ข้าแต่พระแม่ธรณี เจ้าที่เจ้าทาง เทพยดาฟ้าดิน รุกขเทวดา อากาสะ เทวดา เทวดา คงคาสะ เทวดาพระภูมิเทวา เทวดาที่สถิตรักษาอยู่ ณ ยังบ้านเลขที่….. บัดนี้ข้าพเจ้าชื่อ…..นามสกุล…..ขอสักการะวันทาด้วยเครื่องสักการะ พิธีสังเวยทั้งหลายเหล่านี้ เพื่อบอกกล่าวต่อพระนางธรณี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระภูมิเทวา เจ้าที่เจ้าทางสถิตรักษาบ้านเรือนของข้าพเจ้า ขอให้พระองค์ช่วยเปิดทางแก่ข้าพเจ้า จงผ่านอุปสรรคต่างๆ และขอให้ที่ดินผืนนี้ จงอยู่คู่ข้าพเจ้าและครอบครัว จงช่วยเปิดทางทำมาหากิน โชคลาภ เงินทองให้แก่ข้าพเจ้า หากแม้ข้าพเจ้าทำผิดพลาดพลั้งไป ด้ายกาย วาจา ใจ ขอพระองค์จงโปรดงดโทษ งดภัย และอโหสิกรรมให้ข้าพเจ้า ณ บัดนี้เป็นต้นไป ขอให้ข้าพเจ้าและครอบครัวจงพ้นจากอุปสรรคโพยภัย ทุกข์เข็ญทั้งหลาย…จากร้ายให้กลายเป็นดี นับจากวินาทีนี้เป็นไปด้วยเทอญ) สาธุ สาธุ สาธุ
แล้วเอามือซ้ายแตะลงที่พระแม่ธรณี เอามาเจิมที่หน้าผากตนเอง เป็นอันเสร็จพิธี
วันนั้นฉันขอพี่ศรีคัดลอกใบโองการเอาไว้ คนเราไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ไม่ว่าเรื่องใดๆ ทั้งนี้พี่ศรีบอกให้ทำทุกครั้งที่เรามีโชค ทำบ่อยๆ รู้ไว้ไม่เสียหลาย
กระทั่งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา วันนั้นพี่ศรีไปขายของที่ตลาดนัด ต.บางหลวง อ.บางเลน จ.นครปฐม การเดินทางของเธอคือขับรถกระบะไปคนเดียว เมื่อถึงตลาดนัดก็จัดแจงกางร่ม เตรียมตัวตั้งเตา หากแต่อยู่ๆ ก้อนเมฆได้บดบังปกคลุมพระอาทิตย์จนมืดมิด ซึ่งพี่ศรีเล่าว่าอีกไม่นานฝนต้องตก
เธอจัดแจงเก็บร่ม เก็บกระทะ เก็บเตา พ่อค้าคนอื่นต่างทยอยกลับบ้าน ส่วนพี่ศรีนั้น ความที่เป็นคนบ้านไกล จึงได้แต่เดินลัดเลาะหาที่หลบฝน ซึ่งเธอเล่าว่า…ด้านหลังพระประธานของโบสถ์หลังเก่าพอมีที่ว่างเหลือเฟือ จึงถอยรถเข้าไปจอดและไม่ถึง 10 นาที ฝนได้เทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา
จากนั้นเธอได้ผล็อยหลับไปตอนไหนไม่รู้ได้ แต่มารู้สึกตัวอีกทีคือ 6 โมงเย็น (จากที่นอนไปในช่วงบ่าย 3 โมงเย็น) และเธอได้หลับฝันไปว่า ได้เห็นชายชราหน้าตาท่าทางใจดี เดินวนเวียนอยู่รอบรถเธอ
ครั้นเมื่อพี่ศรีลืมตาจะดู จะถามไถ่ คุณตาก็บอกเอ็งนอนไปเถอะ…ฉันจะดูแลรถให้ พูดคำเดียวอยู่แต่ประโยคนี้
กระทั่งก่อนคุณตากลับ ท่านได้ทุบท้ายรถดังโป๊กๆ จนพี่ศรีสะดุ้งตื่น ถึงรู้ว่าตนนั้นได้หลับฝันไป แต่เย็นวันนั้นก็ขับรถถึงบ้านในระยะทาง 60 กม. โดยสวัสดิภาพ ทั้งที่ฝนตกถนนลื่นตลอดทาง
กระทั่งถึงวันนี้ วันที่หวยออก 16 พฤษภาคม 64
ต้นเรื่องต้นทางที่ทำให้พี่ศรีถูกเลขท้ายสามตัวบนตรงๆ เนื่องจากทะเบียนรถของพี่ศรีคือ x579 โดยพี่ศรีถูกเลขนี้ 579 = 120×120 เพราะเนื่องจาก
“ในความฝันก่อนคุณตาท่านจะกลับ ท่านเดินวนรอบรถพี่ ทุบป้ายทะเบียนที่หน้ารถทุบที่หลังรถที แต่พี่ไม่ได้เล่าให้ใครฟังละเอียดนักค่ะ ก็ไม่คิดว่าจะโชคดีได้ขนาดนี้ นี่ตั้งใจว่าจะกลับไปแจกของฟรีที่ตลาดนัดในเขตวัดดังกล่าว พี่เชื่อว่าคุณตาคงเป็นเทวดามาโปรด เพราะตื่นขึ้นมา เราจดจำทุกอย่างได้สาธุเจ้าค่ะ…ลูกรอดตายไปอีกเดือน”
พี่ศรียกมือท่วมศีรษะ พร้อมกันนี้เธอบอกฉันว่า
“อย่างน้อยสักครั้งหนึ่งขอให้คุณลองปฏิบัติ ตั้งไหว้ขอขมาแม่พระธรณี เราเกิดมาเหยียบย่ำท่านทุกวัน เมื่อทำแล้วจะรู้สึกได้ว่าชีวิตจะดีขึ้น ทำอะไรก็ราบรื่นค่ะ”
ฉันได้แต่กล่าว…สาธุ สาธุ สาธุ
การได้เกิดเป็นมนุษย์ถือเป็นบุญอันประเสริฐในขั้นหนึ่ง ซึ่งมีทางเลือกที่จะทำดีหลายอย่าง ทั้งทางธรรม และทางเทพ
ก็ขอฝากบทคาถานี้ไว้อีกหนึ่งทางในยามที่ข้าวยากหมากแพง โรคภัยไข้เจ็บแพร่ระบาด ขออนุโมทนาบุญแด่ท่านทั้งหลาย
*โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เรื่องโดย. ปรัศนียา
ภาพโดย. สารานุกรมวัฒนธรรมไทย (ภาคกลาง), wallhere.com, 9hora.com, wallpapercave.com