27 กรกฎาคม 2024
แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

                ย้อนไปยี่สิบกว่าปี สมัยนั้นผีปอบยังมีชุกชุมตามชนบทที่ห่างไกล ว่ากันว่าผีปอบเกิดจากการที่เล่นคุณไสยแล้วเข้าตัว เรียกว่าปอบเชื้อ คงจะเป็นลักษณะสืบเชื้อสาย ซึ่งผู้เขียนเข้าใจอย่างนั้น ผิดถูกยังไงขออภัยล่วงหน้ามาด้วย

                ปอบเป็นผีที่ไม่มีตัวตน เหมือนผีกระสือหรือผีกองกอย แต่ปอบคือจิตวิญญาณที่มีมิจฉาทิฐิ จะเข้าแฝงร่างคนที่เป็นสื่อให้ และใช้ร่างหรือรูปลักษณ์ของคนคนนั้นไปทำสิ่งไม่ดีต่างๆ เชื่อกันว่าหากวิญญาณสิงสู่ผู้ใด ก็จะกินตับไตไส้พุงของผู้ที่ถูกสิงจนกระทั่งตาย

                ผมได้ยินเสียงโหวกเหวกดังลั่นพร้อมกับเสียงแม่ที่บ่นผมอีกกระบุงโกยตามพ่อแต่เช้า…

                “ไอ้อ้น…ไอ้อ้น ตื่นหรือยัง ยัยอวบเมื่อคืนมันกลับดึกใช่ไหม กูบอกแล้วว่าวันนี้มีอะไรต้องทำเยอะแยะ…ไอ้นี่มันจริงๆ เลย ไปเรียกให้มันตื่นมาช่วยกันสิ”

                “โอ๊ย…ตาหนอง แกก็รู้ๆ อยู่ ถ้ามันไปกับเพื่อนมันเป็นอย่างนี้ทุกที เผลอๆ ท่าจะเมากลับมาด้วย ป่านนี้ตะวันโด่งแล้ว”

                เสียงพ่อบ่นผมแล้วเลยไปบ่นแม่ จนผมต้องรีบลุกออกมาโดยส่งเสียงไปก่อน

                “โธ่…พ่อ แม่ โวยวายแต่เช้า ฉันรู้น่าว่าวันนี้จะขุดหลุม เมื่อวานเลยไปชวนไอ้เอี้ยงกับไอ้เฒ่าให้มันมาช่วย พ่อจะรีบไปไหน สายๆ ก็ได้”

                เสียงพ่อยังบ่นอีกนิดหน่อย ผมรีบล้างหน้าล้างตาแล้วไปกินข้าวที่แม่จัดวางเอาไว้ มีน้ำพริกผักลวกกับปลาย่างและไข่ต้ม พอกินข้าวเสร็จไอ้สองคนนั่นก็มาพอดี

                “ไอ้เอี้ยง ไอ้เฒ่า เอ็งสองคนกินข้าวมาหรือยัง ถ้ายังมากินก่อนเลย เพราะเดี๋ยวจะกินไม่ลง ฮ่าๆๆ เพราะพ่อข้าชวนพวกเอ็งมาตักทอง”

                เพื่อนสองคนของผมบอกว่าเรียบร้อยกันมาแล้ว พ่อผมเลยส่งอุปกรณ์ทั้งเสียมทั้งจอบให้คนละอัน พากันเดินไปทางหลังบ้าน

                แล้วพ่อก็ชี้แนวว่าช่วยกันขุดตรงไหน ซึ่งใกล้กับบ่อเกรอะ พ่อบอกว่าจะขุดหลุมใหญ่เลย เพราะต่อไปส้วมจะได้ไม่เต็มเร็วนัก

                สมัยนั้น เวลาที่ส้วมเต็มไม่มีรถดูดส้วมเข้ามาบริการ ต้องช่วยกันขุดหลุมแล้วตักไปทิ้งในหลุมที่ขุดเอาไว้ต่างหาก ซึ่งหากบ้านใครส้วมเต็มก็จะไปช่วยกัน เรียกกันว่าขุดทอง เป็นศัพท์ที่รู้กันดี วันนั้นพ่อให้ขุดหลุมลึกและกว้างพอสมควร

                “ไหนๆ ขุดแล้วก็เอาให้มันเต็มที่ไปเลย จะได้ใส่เยอะๆ”

                เรียกว่าทั้งเหนื่อยทั้งเหม็นครับงานนี้ กว่าจะขุดบ่อเสร็จแล้วต้องตักขี้จากส้วมเอาไปทิ้งที่บ่อก็กินเวลาไปหลายชั่วโมงจนเย็น ทุกคนเหนื่อยไปตามๆ กัน

                “พอแค่นี้ก่อน พวกเอ็งเหนื่อยแล้ว ไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวกัน”

                “อ้าว แล้วยังไม่ปิดปากบ่อที่ทิ้งนั่นหรือพ่อ พ่อจะเปิดเอาไว้อย่างนั้นทำไม”

                “ไม่เป็นไร ปล่อยไว้อย่างนี้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อ เย็นแล้วพวกเอ็งก็เหนื่อยด้วย ไปบอกไอ้เอี้ยงกับไอ้เฒ่า พ่อให้ค่าแรงที่มันมาช่วย…เอ็งสองคนมาพอดี นี่ค่าแรงที่อุตส่าห์มาช่วย ขอบใจมากนะ ถ้าไม่ได้พวกเอ็งข้ากับไอ้อ้นคงไม่ไหว กว่าจะเสร็จ นี่เหลือแค่ปิดปากบ่อ มาต่อพรุ่งนี้ได้ ข้าว่าจะตักย้ายให้หมดเลย”

                “ขอบใจจ้ะลุง…ไปเว้ยพวกเรา…หวานๆ ร้านตาแจ้ง”

                “เออ…ไอ้อ้นไปด้วยใช่ไหม อย่ากลับดึกนักล่ะ”

                “จ้าพ่อ…สองสามทุ่มฉันก็กลับแล้ว ไปเว้ยเพื่อน”

                เราสามคนไปนั่งดวดเหล้าที่ร้านตาแจ้ง ไปเลียบๆ เคียงๆ จีบลูกสาวแก เพราะแกมีลูกสาวถึงสามคนยังไม่มีใครแต่งงานออกเรือนสักคน เรียกว่าหนุ่มในหมู่บ้านจะแวะเวียนไปจีบสามใบเถากันประจำ

                คนโตชื่อหวาน คนที่สองชื่อมะปราง คนสุดท้องชื่อส้ม ที่หน้าร้านจะมีโต๊ะให้นั่ง ผมกับเพื่อนก็จะไปนั่งประจำ แล้วยังมีหนุ่มอื่นๆ ในหมู่บ้านที่ไปนั่งก๊งแบบพวกเราเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่ก็รู้จักกันหมด

                ซึ่งวันนี้โต๊ะหน้าร้านเต็มเสียแล้ว เราเลยต้องซื้อเหล้าไปกินที่บ้านไอ้เฒ่าที่แคร่หน้าบ้าน พูดคุยกันไปเรื่อย

                เหล้าหมดไอ้เอี้ยงไปซื้อมาเติมอีกขวด กินกันไปอย่างเพลิดเพลิน เวลาผ่านไปจนสี่ทุ่มซึ่งเหล้าขวดที่สองหมดพอดี ผมกับไอ้เอี้ยงเตรียมตัวกลับ บ้านผมกับไอ้เอี้ยงอยู่ทางเดียวกัน

                “ไปเว้ย…ไอ้เฒ่า กูสองคนกลับก่อน พรุ่งนี้เจอกันเพื่อน…”

                “ไอ้เอี้ยง มึงไปนอนบ้านกูไหม กูมีที่บ้านเหลืออีกนะ ไปเหอะไปกินต่อ”

                “ดีเหมือนกัน กำลังกรึ่มๆ เดี๋ยวพ่อแม่จะด่ามึงไหม…”

                “ไม่หรอก…ที่เขาบ่น เขากลัวไม่มีคนช่วยเขาขุดทองเว้ย กูว่าเติมอีกสักหน่อยจะได้หลับสบาย”

                แล้วเราสองคนก็พากันเดินตุปัดตุเป๋จนถึงบ้าน ความที่เป็นชนบททุ่มสองทุ่ม ส่วนมากก็เข้านอนกันหมดแล้ว เราสองคนมานั่งกินต่อที่ชานหน้าบ้านจนหมดขวดที่เหลืออยู่

                คราวนี้เรียกว่าเมาเลยครับ แต่ผมรู้สึกปวดท้องเบาก่อนเข้านอนก็จะไปฉี่สักหน่อย แต่ไอ้เอี้ยงมันดันปวดท้องหนักขึ้นมา

                “เฮ้ย…ไอ้อ้น เดี๋ยวกูไปขี้ก่อน ปวดท้อง…แล้วส้วมมึงใช้ได้แล้วนะ”

                “เออใช้ได้ ก็เราตักออกไปหมดแล้ว แค่ยังไม่ได้ปิดบ่อ ที่ตักไป มึงไม่น่าพูดเรื่องขี้เลยกูชักปวดมั่ง งั้นไปด้วยกันเลย”

                เราเดินลัดเลาะออกไปทางใต้ถุน เพราะบ้านนอกมักจะทำส้วมให้ห่างจากตัวบ้าน ด้วยความที่บ้านเราคุ้นเคยอยู่แล้ว ผมกับไอ้เอี้ยงเลยไม่ได้หยิบไฟฉายหรือตะเกียงติดมือมาด้วย…

                จังหวะที่ใกล้จะถึงห้องส้วมได้ยินเสียงคนคุยกันเบาๆ ไอ้เอี้ยงมันพูดกับผมว่า “เสียงคน…มึงได้ยินไหม”

                ผมเงี่ยหูฟังพร้อมกับจ้องมองไปข้างหน้า เห็นเงาคนหลายคนตะคุ่มๆ นั่งล้อมวงกันอยู่ ผมทำท่าจุปากให้เอี้ยงเป็นสัญญาณอย่าพูดดัง แล้วมันก็กระซิบ

                “กูนับได้ สอง สาม สี่ห้าคน…แล้วมันมาทำอะไรกันตรงนั้นวะ หรือพวกโจรจะมาขโมยของเพราะมันมากันหลายคน”

                “ใช่ เงียบๆ ย่องไปดูมันคุยอะไรกัน…หรือว่าจะมาขโมยไก่ขโมยวัวของเรา เดี๋ยวหาไม้ถือติดมือไว้คนละท่อน”

                ผมหันรีหันขวางคว้าดุ้นฟืนติดมือไปด้วย ตอนนั้นอาการปวดท้องมันหายไปเฉยๆ ไอ้เอี้ยงกระซิบเบาๆ

                “แต่กู…ขี้จะแตกแล้ว”

                “มึงอั้นไว้ก่อน เบาๆ ด้วย เดี๋ยวมันเห็นเราก็จบกัน กูอยากรู้ว่าเป็นพวกไหนกัน มิน่าเป็ดไก่ชาวบ้านหายกันเรื่อย ต้องไอ้พวกนี้ขโมยแน่”

                ผมกับไอ้เอี้ยงเดินเข้าไปใกล้พอสมควรแล้วนั่งซุ่มแอบดู สิ่งที่มองเห็นคือมีคนสี่ห้าคนนั่งเรียงรายล้อมอยู่ที่ขอบบ่อพัก…ที่เราตักขี้มาใส่ไว้

                “มานั่งทำอะไรกันวะ…นั่นมันบ่อขี้ที่เราขุดนี่นา เหมือนมันนั่งคุยกันนะ”

                “เออว่ะ…มึงดูมัน มีคนกำลังตักไอ้ที่มันอยู่ในบ่อขึ้นมาด้วยนะ…อะไรวะ”

                หนึ่งในกลุ่มที่นั่งล้อมอยู่ขอบบ่อใช้กระป๋องหรืออะไรสักอย่างล้วงตักของที่อยู่ในบ่อขึ้นมา แล้วพวกที่เหลือก็เข้าไปรุมล้อม…

                ด้วยความที่คืนนี้พระจันทร์กำลังขึ้นเต็มดวงพอดี เพราะเป็นช่วงเที่ยงคืน มีลมพัดเอากลิ่นเหม็นชวนสะอิดสะเอียนมาทางเราด้วย เมาๆ อยู่ผมนี่แทบสร่างเลย…

                จังหวะที่ลมพัดกระพือแรงๆ ทำให้ต้นไม้โยกไปมา…แสงจากดวงจันทร์ส่องไปถึงอย่างวูบวาบ จึงเห็นคนพวกนั้นกำลังล้วงจกแย่งกันกินของที่อยู่ในถัง

                “มันมากินอะไรกันตรงนี้…ตรงบ่อขี้ ไม่เหม็นหรือไงนะ”

                แค่คิดผมแทบจะอาเจียน เพราะว่านั่นเป็นบ่อขี้

                “ไอ้อ้น มึงเห็นเหมือนที่กูเห็นไหม…หรือว่ากูเมา กูว่าคนพวกนั้นกำลังกินขี้ในบ่อ”

                “บ้า พูดเป็นเล่น พวกมันคงไม่รู้ว่าเป็นบ่อขี้มั้ง แหวะ…กูจะอ้วก มึงอย่าเสียงดัง มันพากันหันมาทางเราแล้ว…ถ้ามันกินขี้ได้ มันต้องเป็นพวกผีกระสือแน่ๆ เขาบอกพวกผีปอบผีกระสือกินขี้”

                “ฮะ…จริงเหรอ!”

                ผมแค่พูดไปเรื่อยเปื่อย แต่ไอ้เอี้ยงมันดีดตัวผึงเดียวแทบจะขึ้นมาขี่คอผม พร้อมกับเผลอส่งเสียงดังด้วยความตกใจจนคนกลุ่มนั้นหันมามองทางเราเป็นตาเดียวกัน

                คงไม่ต้องหลบอีก อย่างน้อยเราก็มีอาวุธ ซึ่งผมไม่คิดว่าเป็นผีตามที่พูด เลยตัดสินใจลุกขึ้นยืนเพื่อเผชิญหน้าอยู่ห่างๆ พร้อมกับตะโกนออกไปว่า

                “เฮ้ย…ใครมาทำอะไรกันวะ…”

                คนที่นั่งกันอยู่หยุดชะงัก หันมามองทางผมกับไอ้เอี้ยง จังหวะเดียวกับที่ลมพัดกระโชก แสงจากดวงจันทร์สาดส่องเข้าเต็มๆ มองเห็นใบหน้าของคนทั้งห้าได้อย่างถนัด เพราะความคุ้นเคย…

                “ตาแจ้ง…ยายแต๋น…หวาน…มะปราง…ส้ม…”

                ไอ้เอี้ยงเรียกชื่อเรียงกันอย่างอัตโนมัติ ทั้งห้าคนลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับเราสองคน เพราะยังไงก็หลบไม่ได้แล้ว

                แต่ที่ทำให้ผมตกใจมากก็คือ ทั้งห้าคนปากเปรอะเปื้อนไปด้วยอุจจาระ แถมยังยกสองมือขึ้นปาด…ผมกับไอ้เอี้ยงเซผงะ ถอยหลังแทบจะสะดุดล้ม…ไม่น่าเป็นไปได้ ตาผมไม่ได้ฝาดและไม่ได้เมา

                “ทั้ง…ทั้ง…ครอบครัวเลย ไอ้อ้น เขาเป็น…เป็น…”

                แล้วทั้งห้าคนก็หันไปมองกัน ทำท่าจะตรงมาที่เรา ผมพยายามตั้งสติแล้วพูดออกไป

                “ตาแจ้งแก…แกทำไมมากินขี้ อย่าบอกนะว่าแกเป็นผะ…ผะ…ผีปอบผีกระสือ”

                “เออ…กูมากินขี้ หรือมึงจะให้พวกกูกินไส้พวกมึงล่ะ งั้นมาให้กูกินมึงสองคนแล้วกัน ที่มารู้ความลับของกูแล้ว”

                “อย่ากินฉันเลย…ฉันไม่บอกใครหรอก กินขี้ต่อไปเถอะ ฉัน…ฉันไม่อร่อยหรอกจ้ะ”

                ไอ้เอี้ยงต่อรอง แต่ผมคิด เรามีไม้ก็เอาไม่อยู่ กลัวก็กลัวเพราะหน้าตาแต่ละคนตอนนี้น่ากลัวมากๆ ตาเป็นประกายสีเขียวๆ น่ากลัว ผมกระตุกแขนไอ้เอี้ยงแล้วพูดขึ้นมาว่า

                “วิ่ง…วิ่ง…ไอ้เอี้ยง”

                ผมออกหน้าได้ก็วิ่งแน่บ ลัดเลาะไปนิดหนึ่งก็ถึงบ้าน รีบตะกุยตะกายขึ้นบันได ไอ้เอี้ยงตามมาติดๆ ปากก็ร้องตะโกนไปด้วย ผีหลอก ผีหลอก

                แต่ในเมื่อขึ้นบ้านได้แล้วเรารีบปิดประตู ไม่วายได้ยินเสียงคนวิ่งตามมาติดๆ เสียงฝีเท้าหลายเสียงเดินย่ำกรอบแกรบอยู่รอบๆ บ้าน เสียงเห่าโหยหวน แปลกที่พ่อกับแม่ผมไม่ยักตื่น…ผมเลยยกมือขึ้นไหว้หิ้งพระที่อยู่บนบ้านให้คุ้มครอง อย่าให้พวกนั้นตามขึ้นมา ส่วนไอ้เอี้ยงตัวสั่นระริกอยู่ข้างๆ

                คนเราถึงจะกลัวขนาดไหนก็อดไม่ได้ที่จะแอบดูว่าผีพวกนั้นตามมาหรืออยู่ตรงไหน หลายอึดใจ เสียงหมาเห่าไล่ออกไปไกลๆ …มันคงไปกันแล้ว

                “หัวใจกูจะวาย เหลือเชื่อ ครอบครัวนั้นเป็นปอบ ไอ้ห่า มิน่าพวกเป็ดไก่ชาวบ้านหายบ่อยๆ ครอบครัวนี้เอง ลูกสาวถึงไม่มีผัวสักคน บรื๋อ ไอ้อ้น กูกะมึงไปจีบประจำ ถ้าได้เป็นเมียละงามไส้เลย แต่กูว่ามันคงไปกันแล้ว ได้ยินเสียงหมาเห่าไล่ไปไกลๆ”

                “ไอ้เอี้ยงแน่ใจนะว่าไปแล้ว ไม่ใช่มันแอบอยู่ใต้ถุนบ้านนะ…กูว่ามันหลอกมากกว่า มันยังไม่ไป เพราะกูยังได้กลิ่นขี้…แล้วกลิ่นมันชัดมาก อยู่แถวๆ นี้ มันอยู่ใต้ถุนที่เราอยู่นี่แน่เลย โคตรเหม็น กลิ่นเหมือนไส้เน่า ตายห่าละ…ทำไงดี…”

                เอี้ยงทำหน้าทำตาปะหลับปะเหลือกแต่ไม่พูด

                “มึงเป็นอะไรของมึง…ใช่ไหม มึงก็ได้กลิ่นเหม็นขี้เหมือนกันใช่ไหม แสดงว่ามันยังไม่ไป มันแอบอยู่แถวๆ นี้แน่ เจ้าประคู้น คุณพระคุณเจ้า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยลูกช้างด้วย ไล่มันไป”

                ไอ้เอี้ยงไม่พูดอะไร เราสองคนนั่งแอบซุกตัวเงียบๆ จนกระทั่งเผลอหลับไป จนได้ยินเสียงแม่เรียกดังลั่น

                “อ้าวเฮ้ย ไอ้สองตัว ไปทำอะไรกันมา ทำไมเหม็นขี้แบบนี้ ไอ้อ้น…ไอ้เอี้ยง นี่มึงเมากันจนขี้แตกขี้แตนเลยเหรอ…ไอ้ฉิบ…ตื่นๆ กินเผื่อหมากิน มึงสองคนนี่ไปเลย ไปอาบน้ำล้างตัว เหม็นจนกูเวียนหัว”

                “อะไรแม่…บ่นอะไร ใครขี้อะไร เมื่อคืนฉันสองคนเพิ่งโดนผีหลอกกันมา”

                “ก็บ่นเอ็งสองคน เมากันขี้แตก เหม็นคลุ้งไปหมด โห ตักขี้เมื่อวานยังไม่เหม็นเท่านี้เลย ไอ้ห่าเอ๊ย นั่นน่ะใช่ไหมที่ตูดไอ้เอี้ยง เลอะขี้ อย่าบอกนะว่ามึงเมาไปนั่งทับขี้ นี่มันขี้แตกชัดๆ”

                แม่ยิ่งขยี้หนัก เห็นหน้าไอ้เอี้ยงยิ้มเขินๆ ผมหันไปมองมัน มันพยักหน้าแล้วพูดว่า “เมื่อคืนกูบอกมึงแล้วว่ากูปวดท้อง…ตอนวิ่งหนีพวกนั้นก็เลยปรู๊ดออกมาเบรกไม่ทัน…เดี๋ยวขอกูไปล้างก่อนนะ แหะๆ”

                แล้วมันก็วิ่งจู๊ดลงบ้านไป แสดงว่าที่ผมได้กลิ่นเมื่อคืนก็ไอ้เอี้ยงนี่เอง เวรจริงๆ

                แล้วหลังจากนั้นผมก็เล่าเรื่องต่างๆ ให้พ่อกับแม่ฟัง พร้อมกับไปดูที่เกิดเหตุบ่อเกรอะหลังบ้าน ซึ่งมีร่องรอยอยู่จริงๆ พ่อพาผมกับเอี้ยงไปพบผู้ใหญ่บ้าน เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง

                ทีแรกเขาก็ไม่เชื่อ เลยพากันไปหาตาแจ้งที่ร้าน ปรากฏว่าทั้งบ้านทั้งร้านปิด และนับตั้งแต่วันนั้น ครอบครัวนี้ได้หายไปจากหมู่บ้านไม่ได้กลับมาอีกเลย

                ซึ่งผมสองคนก็ได้ความดีความชอบจากคนในหมู่บ้าน ที่เหมือนช่วยทำให้สัตว์เลี้ยงไม่หายหรือตายไปอย่างลึกลับอีก และไล่ผีปอบออกไปจากหมู่บ้านได้ ซึ่งเป็นความโชคดีของคนทั้งหมู่บ้าน และนี่คือเรื่องราวทั้งหมดครับ

                ท้ายนี้หวังว่าจะสนุกสนานกันบ้างนะ และเราต้องกล่าวลากันเหมือนเช่นเคย พบกับเราได้ใหม่ในนิตยสารสุสานผีฉบับต่อไป ขอให้ทุกท่านโชคดี มีความสุข ด้วยรักจากใจจากเราชาวสุสานผี สวัสดีค่ะ

เรื่องโดย. กฤตยา อยู่ประเสริฐ

ภาพโดย. Ai


แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

เรื่องที่เกี่ยวข้อง