29 มีนาคม 2024
แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

                ซาตานกับพระเจ้าเปรียบดังขาวกับดำที่ไม่อาจเลี่ยงจะปะทะกันได้ แต่ปัจจุบันลัทธิซาตานมีบทบาททางสังคมแทรกความศรัทธาและความเชื่อต่อพระเจ้าเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้คนหวาดระแวงและหวาดกลัว คิดเห็นทุกสิ่งว่าเกิดจากอำนาจมืดของซาตาน ก่อนจะไปดูว่ามีเรื่องใดบ้างนั้น ขอกล่าวถึงความเป็นมาของลัทธินี้สักนิด ที่ว่าไม่ธรรมดาเพราะมีคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้า แต่หันไปเชื่อซาตานเป็นจำนวนมาก

                มันถูกฝังให้อยู่ในปรัชญา อุดมการณ์ มันคือภาพลักษณ์แห่งการปลดปล่อย จึงมีองค์กรลับเกิดขึ้นและเริ่มเป็นทางการในปีพ.ศ.2509 ในชื่อศาสนจักรซาตาน ในปี พ.ศ. 2533 คาดว่ามีผู้บูชาซาตานจำนวน 50,000 คน และอาจมีมากถึง 100,000 คนทั่วโลก ( 30 ปีมานี้จำนวนคนอาจถึงล้านคน) แบ่งได้เป็นสองประเภท คือแบบเชื่อในพระเจ้า กับแบบไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริง

                ล่าสุดได้รับการประกาศรับรองให้ The Satanic Temple โบสถ์ซาตาน เป็นองค์กรทางศาสนาอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย รวมถึงต้องมีภาระทางภาษีกับภาครัฐด้วย พวกเขาจึงได้รับสิทธิคุ้มครองเหมือนองค์กรสำคัญต่างๆ ดังนั้น จึงมีการฟ้องร้องโดยผู้นำกลุ่มลัทธิซาตานที่ฟ้อง Netflix และ Warner. Bros เป็นเงินกว่า 150 ล้านดอลลาร์ กรณีที่ใช้รูปปั้น ‘บาโฟเมต’ ในซีรีส์เรื่อง Chilling Adventures of Sabrina ซึ่งเขาบอกว่ามันมีลักษณะคล้ายกับของจริงที่โบสถ์ซาตานในดีทรอยต์ และพยายามฝังความคิดใหม่เกี่ยวกับอเทวนิยมอีกด้วย ทำให้ความกลัวของคนทวีมากขึ้น จนหวาดระแวงและคิดกันไปต่างๆ นานา แล้วอะไรที่ทำให้เห็นว่าเรื่องใดบ้างที่ซาตานมีส่วนและอยู่เบื้องหลัง ดังเรื่องต่อไปนี้…

                เสียงเพลงและดนตรี

                เหล่าซาตานต้องการวิญญาณ ต้องการทำลายศรัทธาของคนที่มีต่อพระเจ้า พวกมันจึงต้องเอาความหวัง ความฝันของคนมาเป็นข้อแลกเปลี่ยน แน่นอนว่าในยุคหนึ่งเกี่ยวกับดนตรีแล้ว ซาตานเหมือนจะมีบทบาทมาก โดยถูกกล่าวว่าเครื่องดนตรี ท่วงทำนองของดนตรี เหล่าซาตานก็เป็นนักสรรสร้างทั้งสิ้น มีตำนานโบราณได้กล่าวถึงลูซิเฟอร์ เทพตกสวรรค์ว่า ได้รู้สึกอิจฉาดาวิดที่มีเสียงร้องเพลงที่ไพเราะ เขาจึงพยายามสร้างเครื่องดนตรีขึ้นมาเพื่อเอาชนะดาวิด และเครื่องดนตรีจากซาตานก็ผุดขึ้นมาอีกหลายชนิด

                ราวปี ค.ศ.1980 มีข่าวลือเกี่ยวกับนักดนตรีขายวิญญาณเยอะมาก ถ้าศิลปินคนไหนโด่งดังมาแรงแซงโค้งแบบไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ก็จะถูกกล่าวหาว่าเขาผู้นั้นต้องขายวิญญาณกับซาตานมาแน่ๆ เพื่อแลกกับชื่อเสียงพรสวรรค์ทางการเล่นดนตรี อันนี้มีให้เห็นหลายคน และที่สุดทุกคนก็ต้องจบชีวิตสังเวยวิญญาณให้กับสัญญาลวง โดยเฉพาะดนตรีเฮฟวี่เมทัล เขาว่าเกี่ยวกับลัทธิซาตานสุดๆ เพราะมันมีนัยจากเครื่องดนตรีที่ผู้เล่นนำมาเล่น เกิดความรุนแรง อารมณ์ต่างๆ สิ่งนี้เองที่สามารถทำลายศรัทธาของพระเจ้าได้ อาจเพราะสไตล์การแต่งตัว แนวเพลงที่รุนแรง คนในยุคนั้นส่วนใหญ่อาจรับไม่ได้ และมีการแสดงทางกายเป็นสัญลักษณ์ ท่วงท่าแสดงออกถึงความรุนแรงทางเพศมากๆ

                เกม การ์ตูน ความสนุกสนาน

                ในต่างประเทศโดยเฉพาะคริสเตียนที่เคร่งศาสนา จะถูกปลูกฝังให้หวาดกลัว หวาดระแวงเกี่ยวกับซาตานเป็นอย่างมาก เรียกว่าพอเห็นพอได้ยิน จิตก็อาจสร้างภาพหลอน หรืออาจพาให้คิดมากไปได้อีก อย่างเช่นในช่วงปี 1980 มีตัวการ์ตูนที่ใครๆ ก็รู้จักถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับลัทธิซาตาน มันคือตัวสเมิร์ฟ

                ช่วงปี ค.ศ. 2008 มีข่าวลือบนอินเทอร์เน็ตว่า ตุ๊กตาสเมิร์ฟมีวิญญาณร้ายเข้าสิงและกัดเด็กคนหนึ่ง กระทั่งอีก 3 ปีต่อมา มีนักจัดรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับศาสนาชื่อโดโรธี สปัลดิง นัยว่าเธอคลั่งศาสนามาก เธอได้จุดกระแสว่าสเมิร์ฟคือปีศาจที่นับถือและบูชาซาตาน เธอเล่าเรื่องเกี่ยวกับเด็กคนหนึ่งที่นอนไม่หลับ จนกระทั่งเธอได้กำจัดของทุกสิ่งที่เกี่ยวกับสเมิร์ฟออกไปหมดสิ้น เด็กคนนั้นจึงหลับได้

                นอกจากตัวการ์ตูนนี้แล้วก็ยังมีเกมดันเจียน แอนด์ ดรากอน อีกด้วย เกมนี้หลายคนคงเคยเล่น ในแนวให้ผู้เล่นสามารถสร้างตัวละครขึ้นมาเองได้ตามความต้องการ เพื่อใช้ต่อสู้กับมอนสเตอร์และปีศาจในดินแดนแห่งเวทมนตร์ แกรี่ กีแกกซ์ เป็นคนคิดค้นขึ้นในรูปแบบของหนังสือและลูกเต๋า นอกนั้นคือจิตนาการ แต่ผู้อยู่เบื้องหลังเกมนี้ก็คือซาตาน ดังนั้น ชาวคริสเตียนจะต้องไม่เข้าไปเล่นเกมนี้ มีกระแสข่าวออกมาว่า บางบ้านได้ยินเสียงกรีดร้องของคนที่ถูกแผดเผาในกองไฟออกมาจากเกมนี้ด้วย ทำให้พ่อแม่ต้องยึดเกมแสนสนุกไม่ให้เด็กๆ ได้เล่น เพื่อไม่ให้ซาตานเข้าถึงพวกเขาได้

                ความสนุกสนานถูกแทรกแซงโดยซาตาน จนมีคนที่เคร่งในศาสนาออกมาวิเคราะห์และกล่าวหาดิสนีย์ ทั้งๆ ที่บริษัทวอลต์ดิสนีย์คือแหล่งสร้างความสุข ความหรรษาให้กับเด็กๆ และผู้ใหญ่ ทำไมน่ะหรือ? เรื่องแรกคือ เกี่ยวกับศพของวอลต์ ดิสนีย์ ที่ถูกแช่แข็งเก็บเอาไว้ แม้ว่าทางครอบครัวจะนำอัฐิมายืนยันแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครเชื่อว่าเป็นอัฐิจริงของเขา? และคำกล่าวที่สองที่รุนแรงมากก็คือ ตัวเลข 666 ที่แฝงไว้ในโลโก้ของวอลต์ ดิสนีย์

                มันคือสัญลักษณ์แห่งซาตาน คือพลังชั่วร้ายที่ถูกแทรกซึมสู่จิตวิญญาณของเด็กๆ รวมทั้งถูกกล่าวหาเกี่ยวกับเนื้อหาไม่ดีที่ซ่อนไว้ หรือเกี่ยวกับเพศในตัวการ์ตูน สรุปคือดิสนีย์ไม่ดี ผิดไปเสียหมด ทั้งนี้เป็นผลจากซาตานทั้งสิ้น เล่นเอาหลอนกันไปสำหรับคนที่กลัวมากๆ จนลืมมองว่ามันเป็นการดิสเครดิตให้เกิดความเสียหายแก่ภาพลักษณ์ขององค์กรไปหรือเปล่า

            ตราสัญลักษณ์ที่คิดไม่ถึง

                สัญลักษณ์ของซาตานก็คือดาวห้าแฉกและไม้กางเขนกลับหัวที่แสดงถึงการหลบหลู่และไม่เชื่อในพระเจ้า จริงๆ แล้วคนส่วนใหญ่ก็รู้จักกับสัญลักษณ์ดังกล่าว แต่ก็มีอยู่อันหนึ่งที่มันถูกอำพรางแฝงตัวให้คนเกิดความเชื่อมาเนิ่นนานแล้ว นั่นก็คือสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ พีท

                ทำไมพีทจึงถูกกล่าวหา เมื่อความกลัวและขี้ระแวงเกิดขึ้น เขาได้มองเห็นความหมายที่แฝงไว้ในเครื่องหมายแห่งสันติภาพได้ว่า มันคือรูปไม้กางเขนกลับหัว แต่ชาวคริสต์บางคนคิดยิ่งกว่านั้นคือ เชื่อว่าเมื่อพระเยซูตายบนไม้กางเขนแล้ว ไม่สมควรนำมาสวมห้อยคอ อันนั้นคือความหมายแห่งความตายและซาตานอีก

                ข้าวของเครื่องใช้

                ต่อมา สิ่งที่เชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกับซาตานมากๆ ได้แก่ส้อม เรื่องนี้ต้องย้อนไปในสมัยกรีกโบราณ ส้อมแบบฟัน 2 ซีก เหมือนคราด ใช้สำหรับการช่วยแล่เนื้อในตะวันออกกลาง มันไม่ได้ถูกนำมาใช้ในการรับประทานอาหารมาก่อน จนกระทั่งยุคศตวรรษที่ 7 ส้อมที่ดูเหมือนคราดที่ปีศาจตัวน้อยถือนั้นทำให้ผู้เห็นเกิดความหวาดกลัว ถ้านำส้อมเข้าปากตัวเอง เพราะมันคือเครื่องมือของปีศาจ ส่วนอาหารคือของขวัญจากพระเจ้า เราจึงไม่อาจทำให้แปดเปื้อนได้ แล้วจะทำอย่างไรดี? ไม่ยาก ก็เปลี่ยนจากส้อมที่มีฟันสองซีก เป็นสี่ซีกแทน!!

                มีเรื่องเล่าไว้ในศตวรรษที่11 ถึงเจ้าหญิงจากอาณาจักรไบแซนไทน์องค์หนึ่งในอิตาลี พระนางเคยทำส้อมทองคำเสียหายในระหว่างที่รับประทานอาหาร (ฟันส้อมน่าจะหัก) ผู้คนต่างหวาดกลัวและสงสัย ต่อมาเจ้าหญิงได้สิ้นพระชนม์ลงจากโรคระบาด ผู้คนจึงเชื่อว่านี่คือการลงโทษจากพระเจ้าที่เธอใช้ส้อมรับประทานอาหาร

                ชิ้นต่อมาคือโทรศัพท์ ในยุคที่แรกเริ่มมีนั้น เป็นเรื่องยากที่ผู้คนจะเชื่อ สิ่งเดียวที่เชื่อคือโทรศัพท์เป็นเครื่องมือของซาตาน มันจะฆ่าทุกคน ยิ่งเอามาไว้ในบ้านด้วยแล้ว ระวังเหอะ ฟ้าจะผ่า ทำให้ตายกันได้?

                ความเชื่อนี้มีมากที่สวีเดนในชนบทอันห่างไกล เหล่าชาวนามองว่ามันคือ สายซาตาน พวกเขาพยายามรื้อสายโทรศัพท์ทุกแห่งที่จะทำได้ทิ้ง เพื่อให้ผู้คนรอดพ้นสิ่งชั่วร้ายนั้นๆ ผลก็คือผู้นำศาสนาต่างก็เห็นด้วยว่าโทรศัพท์คือปีศาจ และการตัดขาดจากโลกภายนอกที่เต็มไปด้วยคนบาปคือหนทางที่จะไม่ให้ซาตานสามารถเข้ามายุ่งกับพวกเขาได้ ปลอดภัยกันแล้ว?

                อันต่อมาแม้จะไม่ใช้เครื่องใช้ แต่ก็คือของเล่นทางกีฬา ลูกฟุตบอล เมื่อผู้เผยแพร่ศาสนา เอเวียง ฟันมิลาโย อเดบาโย ได้กล่าวว่า ฟุตบอลคือสิ่งประดิษฐ์ของปีศาจ พิพิธภัณฑ์ฟุตบอลในเซาเปาโล ประเทศบราซิล คือวิหารเพื่อทำพิธีกรรมบูชาซาตาน เธอยังได้กล่าวต่ออีกว่า มนุษย์ต่างมุ่งมั่นที่จะไปสู่สวรรค์ด้วยหอคอยบาเบล และพระเจ้าได้ปฏิเสธภาษาของพวกเขา และแบ่งพวกเขาออกจากกัน วัฒนธรรมฟุตบอลควรจะถูกขับไล่ออกไป เธอยังเชื่อว่ารัฐบาลวางแผนที่จะสร้างโลกใหม่ด้วยการนำมารลำดับที่ 4 ออกมา นั่นเป็นเพราะกีฬาฟุตบอลเป็นการส่งเสริมให้คนทำบาป เช่น การพนัน เหล้า คำหยาบคาย รวมถึงรักร่วมเพศ และการบูชายัญสัตว์

                เรื่องราวที่เกิดจากความหวาดกลัวและหวาดระแวงใดๆ ถ้ามากเกินไป ชีวิตก็คงอยู่ยากแน่ๆ

/

เรื่องโดย. กรุเก่า

ภาพโดย. กรุเก่า, wallpaperaccess.com


แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •