29 มีนาคม 2024
แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

            นรก สวรรค์ เป็นเรื่องที่รู้จักกันทุกคน สวรรค์เป็นสถานที่ที่ทุกคนใฝ่ฝัน อยากจะได้ขึ้นไปใช้ชีวิตอันสะดวกสบาย ปรารถนาสิ่งใดก็ได้สมปรารถนาทุกสิ่ง ส่วนนรกไม่มีใครอยากไป แค่นึกก็ออกอาการขนลุกแล้ว รู้เพียงว่าเป็นดินแดนที่แสนจะทุกข์ทรมาน มีเปลวเพลิงนรกร้อนแรงลุกโหมไหม้ไม่มีวันดับอยู่ตลอดเวลา

            แต่ขณะนี้ เริ่มรู้กันแล้วว่าเพลิงนรกนั้นมีจริง และเผาเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในสหรัฐฯ ไม่มีแววโรยราของเปลวไฟลงเลย เผาผลาญร้อนแรงมา 50 กว่าปีแล้ว นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ายังจะลุกไหม้อยู่อย่างนี้ต่อไปอีกอย่างน้อย 250 ปี ขณะนี้ชาวเมืองนับหมื่นคนอพยพไปอยู่ยังที่ปลอดภัยแล้ว ยังเหลืออยู่ไม่เกินสิบคน ซึ่งเป็นพวกที่จำเป็นต้องทนอยู่ต่อไปด้วยความจำเป็นส่วนตัวบางอย่าง

            แม้ว่าเมืองเล็กๆ ที่มีสภาพเหมือนนรก จะมีสภาพสุดทนจนไม่มีใครทนอยู่ได้ แต่ก็มีผู้คนจากทุกสารทิศหลั่งไหลกันมาเยี่ยมชมไม่ขาดสาย บางคนอยากมาเที่ยวชมว่าเปลวเพลิงที่มันพุ่งขึ้นมาเผาผลาญบ้านเมืองนั้นเป็นอย่างไร บางคนไปไกลถึงขั้นอยากมาดูว่า ที่ว่ากันว่ามันเหมือนเปลวเพลิงในนรก ที่หลวงพ่อและสาธุคุณในโบสถ์ท่านว่านั้นเป็นอย่างไร เมื่อมาเห็นแล้วต่างรู้สึกว่าเมืองเล็กๆ แห่งนี้น่าจะเหมือนนรกจริงอย่างเขาว่า

            เพราะนอกจากทุกแห่งในเมืองจะมีร่องรูในพื้นดินที่มีเปลวเพลิงร้อนพุ่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเดินดูรอบๆ อาจมีเปลวไฟร้อนพุ่งขึ้นมาให้เห็นตรงหน้าก็ได้ หลบทันก็รอดไป หลบไม่ทันมีหวังต้องจากโลกนี้ไปก่อนเวลาอันควร ที่สำคัญคือบางครั้งก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีทางหลบเลี่ยง เพราะพื้นบริเวณที่มองเห็นโล่งๆราบเรียบอาจยุบลงไปเป็นหลุมกว้างลึกที่มีเปลวไฟคุโชนพุ่งออกมา เหมือนดังไฟจากเตาแก๊ส จะหลบไปไหนก็ไม่ได้ ต้องหล่นลงไปเผาไหม้เป็นเถ้ากระดูกในพริบตาอยู่ในหลุมนั้นเท่านั้นเอง

เมืองเซนทราเลีย ปี 1915

            เมืองเล็กๆ ที่ว่านี้มีนามว่าเมืองเซนทราเลีย (Centralia) ตั้งอยู่ที่รัฐเพนซิลวาเนีย (Pennsylvania) ประเทศสหรัฐอเมริกา เดิมทีที่แห่งนี้ก็เหมือนเมืองธรรมดาทั่วไปที่มีผู้คนอาศัยอยู่กันเป็นจำนวนมาก ต่อมาเกิดเหตุการณ์สะเทือนใจจนผู้คนเริ่มอาศัยอยู่ไม่ได้ จนในปี 1981 เหลือผู้คนอยู่อาศัยประมาณ 1,000 ครอบครัว แต่อย่างไรก็ตาม ในปี 2010 ก็เหลือผู้คนอาศัยอยู่เพียง 10 คน

            เซนทราเลีย เดิมมีชื่อเสียงในการทำเหมืองถ่านหิน แต่ทว่าได้เกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ในเดือนพฤษภาคมปี 1962 ซึ่งที่มาของเหตุการณ์ไฟไหม้มีหลายกรณี แต่กรณีที่น่าสนใจคือ ต้นเพลิงมาจากการจุดไฟเผาขยะในบ่อของเหมืองที่อยู่ใต้ดินแล้วไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ ซ้ำร้ายกลับหนักขึ้น เพราะไฟติดถ่านหินและลุกลามจนไหม้พื้นที่ใต้ดินของชาวบ้านไปทั่วทั้งเมือง ซึ่งทางรัฐก็ได้ให้ความช่วยเหลือทั้งในเรื่องดับไฟ และการย้ายถิ่นฐานไปยังเมืองใกล้เคียง แต่ก็หยุดไฟพิโรธนั้นไว้ไม่ได้

            ผลของไฟไหม้หนักในครั้งนั้นทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างในเมือง ตั้งแต่เริ่มเหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งแรก ไฟค่อยๆ ลุกไหม้ลามมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน 50 กว่าปี ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าจนทุกวันนี้ไฟก็ยังลุกไหม้อยู่! ถนนหลายเส้นถูกตัดขาดจากภายนอก เพราะยางมะตอยที่อยู่บนดินถูกความร้อนหลอมละลาย พื้นดิบยุบตัวลง บ้านเรือนต่างๆ ที่เคยมีก็หายไปเกือบหมด ถูกแทนที่ด้วยดงหญ้าจนกลายสภาพไม่ต่างจากป่า ผู้คนแทบจะอยู่ในเมืองนี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เพราะอุณหภูมิร้อนสูงมาก มีหมอกควันและสารพิษปกคลุมเมืองอยู่ตลอดเวลา

            นักธรณีวิทยาคาดกันว่า กว่าถ่านหินจะไหม้หมดก็อีกประมาณ 250 ปีเลยทีเดียว ไม่น่าเชื่อว่าเมือง (เกือบ) ร้างแบบนี้ จะอยู่ในประเทศที่เจริญอย่างสหรัฐอเมริกา แต่ไม่ว่าจะเกิดที่เมืองไหนประเทศไหน ก็บอกได้คำเดียวว่าน่ากลัวมาก เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงกว่านี้ตามมาหรือเปล่า ลำพังแค่ความร้อนระอุและหมอกควันที่ปกคลุมทั้งเมืองก็ไม่น่าจะอยู่ได้แล้ว ไม่รู้ว่าชาวบ้านที่ยังปักหลักอยู่ในเมืองนี้ใช้ชีวิตอยู่กันได้อย่างไร

            ความร้างของสภาพบ้านเมืองในเซนทราเลียกลับกลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวและนักผจญภัยผู้ชอบลองดีสนใจมาท้าอันตรายกัน นอกจากนี้ สถานที่แห่งนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Silent Hill (เมืองห่าผี) ของผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ แกนส์ เมื่อปี 2006 มาแล้วอีกด้วย หลายคนคงจำภาพในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ โดยฉากหนังเป็นบรรยากาศเมืองร้าง มีหมอกควันฟุ้งปกคลุมทั่วเมือง สร้างความหลอนให้กับผู้ชมเสียจริงๆ

            ลองมารู้จักกับเมืองเซนทราเลีย ในรัฐเพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเมืองต้นแบบของ Silent Hill โดยเมืองแห่งนี้เกิดไฟไหม้ที่เหมืองใต้ดินมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1962 จนมาถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลาเกือบ 60 ปี ก็ยังไม่มีวี่แววว่าไฟไหม้นี้จะดับลงได้เลย ซึ่งแน่นอนว่าเมืองเซนทราเลียถูกจัดเป็นเมืองที่อันตรายติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกเลยทีเดียว มีคำเตือนในการเข้ามาเมืองนี้ด้วย อันตรายจากมลพิษอาจทำให้คุณตายได้

            “ที่แห่งนี้เป็นโลกที่ไม่มีมนุษย์ผู้ใดอยู่ได้ มันร้อนเสียยิ่งกว่าดาวพุธ บรรยากาศเป็นพิษเสียยิ่งกว่าดาวเสาร์ ใจกลางของไฟใต้พิภพนี้มีอุณหภูมิสูงกว่า 1,000 องศาฟาเรนไฮน์ คาร์บอนมอนอกไซด์ และก๊าซพิษหลายชนิดต่างพวยพุ่งออกมาจากร่องดินทั่วทุกหัวระแหง”

            นี่เป็นคำกล่าวจากเดวิด เดค็อค นักเขียนผู้บรรยายเกี่ยวกับมหันตภัยเงียบของเมืองนี้ สมัยก่อนเมืองแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุตสาหกรรมเหมืองถ่านหิน มีทั้งสถานีรถไฟ โบสถ์ โรงแรมห้าดาว โรงเรียน โรงละคร ธนาคาร ไปรษณีย์ และร้านค้าทั่วไป แต่แล้วในปี 1962 ได้เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ใหญ่ในเมืองนี้ขึ้น โดยต้นเพลิงมาจากมีคนจุดไฟเผาขยะทิ้งไว้ในบ่อของเหมือง จากนั้นไฟได้ติดถ่านหินและขยายวงกว้างจนคลุมพื้นที่ใต้ดินของบ้านเรือนทั้งหมด ไฟได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว แม้มีการพยายามใช้เงินนับล้านในการดับไฟแต่ก็ไม่เป็นผล และมันก็ยังไหม้อยู่จนทุกวันนี้ หลายคนได้รับพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ทั้งในอากาศและการปนเปื้อน รวมถึงการเกิดเหตุดินยุบลึกลงไปเป็นร้อยฟุตจนทางการต้องหาที่อยู่ใหม่แก่ชาวเมือง

            แต่อย่างไรก็ตาม มีบางครอบครัวเลือกที่จะอยู่ต่อ และพวกเขาก็ยังอยู่ที่นั่น แม้ว่ารัฐเพนซิลวาเนียจะประกาศห้ามใช้ตึกทุกหลังในเมืองนั้น และกรมไปรษณีย์สหรัฐฯ ได้ยกเลิกรหัสพื้นที่ของที่นั่นแล้วก็ตาม ในปี 1981 เซ็นทราเลียมีผู้คนอาศัยอยู่ถึง 1,000 ครัวเรือน แต่ปัจจุบันจำนวนลดจนแทบนับจำนวนคนได้ สภาพของเมืองเซนทราเลียในปัจจุบัน ถนนกับพื้นดินบางส่วนแตกออกและทรุดตัวลง มีเขม่าควันพวยพุ่งออกมาตามรอยแยกหรือตามพื้นดินที่มีร่องหรือรูที่เชื่อมต่อไปยังเหมืองแร่ถ่านหินใต้ดิน มีหมอกปกคลุม แต่ไม่มากถึงขนาดปกคลุมทั้งเมืองจนขาวโพลนแบบ Silent Hill ในเกมหรือภาพยนตร์

            อ่านเรื่องราวของเมืองเซนทราเลียโดยละเอียดแล้ว คงพอจะหลับตามองเห็นภาพนรกของจริงได้บ้าง แต่ที่น่าสังเกตอยู่อย่างหนึ่งก็คือ รู้สึกว่าสภาพเมืองเซนทราเลียขณะนี้ดูจะร้ายแรงกว่าเมืองนรกแน่ๆ เพราะที่นี่นอกจากมีเปลวไฟร้อนพวยพุ่งขึ้นมาตลอดเวลาเหมือนเมืองนรกแล้ว ยังมีแก๊สพิษอันตรายพุ่งขึ้นมาปกคลุมเมืองคละคลุ้ง ซึ่งไม่มีปรากฏในคัมภีร์เล่มไหนของศาสนาใดที่บันทึกไว้ว่าเมืองนรกปกคลุมด้วยควันพิษคละคลุ้งทั้งเมืองเลยสักเล่ม หรือว่ามีเหมือนกัน?

/

เรื่องโดย. ทิวากร สุวพานิช

ภาพโดย. www.witf.org, www.centraliapa.org, paulwandrews.wordpress.com, www.sciencedirect.com, inkslingereditorialservices.com


แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •