16 เมษายน 2024
แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

                        มีเรื่องสนุกๆ และให้ชวนคิดหาความเป็นจริงที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องไสยศาสตร์ไทย เรื่องก็คือสมัยเป็นนักเรียนต้องเรียนวิชาภาษาแม่คือภาษาไทยกัน และต้องเรียนกาพย์ กลอน วรรณคดีไทย อ่านท่องจำกันเป็นที่สนุก โดยเฉพาะเรื่องราวในวรรณคดีที่มีความตื่นเต้น เป็นแฟนตาซีไม่แพ้นิทานกริมส์

                        นิทานกริมส์ คือเล่าที่มาจากเรื่องจริงที่โหดร้าย…ไม่ใช่หรือ?!! แล้วเรื่องในวรรณคดีที่เหมือนจะใสๆ สนุกๆ จะเข้าค่ายพวกกริมส์จอมโหดได้อย่างไร? ติ๊กต่อกๆๆ คิดไม่ออกแน่ เพราะตอนนั้นโลกของเด็กยังขาวผ่องอยู่  แต่เมื่อเราโตขึ้นจึงรู้ว่าเรื่องราวในวรรณคดีไทยกว่าครึ่งเรื่อง จะมีเรื่องราวของความโหดซ่อนตัวอยู่ แน่นอนว่าจะต้องมีเรื่องของไสยศาสตร์ เวทมนตร์เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างมาก จึงทำให้เนื้อเรื่องได้อรรถรสจนลืมความโหดไปเลย

                        ซึ่งจะเป็นอย่างไร เรามาดูพร้อมๆ กัน รับรองอ่านแล้วจะร้องอ๋อ…แทบสะพรึงทีเดียว

                        เวทมนตร์แห่งชีวิต

                        เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าคนไทยผูกพันและมีความเชื่ออย่างแรงในเรื่องของผีและไสยศาสตร์มาก สิ่งนี้อยู่คู่กับวิถีชีวิตของคนในสังคมไทยมาช้านานแล้ว จะไปห้ามไปค้านเป็นไปได้ยาก ดีไม่ดีถูกด่ากลับมาอีก เพราะมันคือสิ่งที่ถูกปลูกฝังหยั่งรากลึกมาแต่ครั้งบรรพบุรุษ ผีและไสยศาสตร์เป็นผลพลอยได้ที่เรารับมาจากศาสนาพราหมณ์ พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ล้วนเกี่ยวข้องกับการปกครองเพื่อใช้ในการควบคุมดูแลให้เกิดความยำเกรงและความเคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์

                        ไสยศาสตร์แบ่งออกเป็นหลายประเภท กลุ่มผี ปีศาจ คาถาอาคม หรือมนตรา เครื่องรางของขลัง ก็ล้วนเป็นไสยศาสตร์ แค่มาถูกแบ่งเพิ่มให้เป็นสายขาวกับสายดำ ทำไมถึงกล่าวว่าเกี่ยวข้องกับชีวิตคน ลองดูในเรื่องของมนต์เสน่ห์ และไสยศาสตร์จากเรื่องลิลิตพระลอเป็นอันแรกเลย

                        ไสยศาสตร์ของปู่เจ้าสมิงพรายในลิลิตพระลอ

                        เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อพระเพื่อนพระแพงตกหลุมรักหนุ่มหล่อหน้าสวยอย่างพระลอ ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับนั่งไม่ติด คราวนี้เลยหน้ามึนทั้งนายและบ่าว (พี่เลี้ยงนางรื่น นางโรย) ไปขอให้ปู่เจ้าสมิงพรายที่ชาวเมืองให้ความเคารพช่วยเหลือ ปู่เจ้าสมิงพรายองค์นี้ท่านเป็นนักพรตชีปะขาวที่บำเพ็ญเพียรจนเก่ง บ้างก็ว่าท่านเป็นฤษีระดับบรมครูมากด้วยฤทธิ์เดช กฤตยามนต์ และเกี่ยวโยงกับพระฤษีในรามเกียรติอีกด้วย คือเก่งและมีฤทธิ์มาก แม้แต่เทพเทวายังให้ความเกรงอกเกรงใจ ฤษีของแขกยิ่งสาปแช่งเก่งกันอยู่ด้วย

                        ดังนั้นท่านจึงเช็กดวงพระลอกับพระธิดาแฝด พบว่าทั้งสามคนมีบุพกรรมร่วมกัน ทุกคนที่เข้ามามีส่วนในงานนี้ล้วนแต่มีอดีตชาติกรรมร่วมกัน ยากที่จะหลีกเลี่ยง อีกทั้งพระลอเองดวงตกถึงฆาต ท่านจึงรับปากเป็นตัวกลางชักนำให้ชะตาลิขิตเกิดขึ้นไวๆ

                        ที่ท่านตรวจดู เพราะถ้าไม่มีกรรมร่วมกันก็ยากจะทำได้สำเร็จ และดวงของคนคนนั้นประกอบกันด้วย ปู่เจ้าจึงเขียนยันต์ลงบนธงสามชาย แล้วติดไว้บนยอดต้นตะเคียน  เมื่อลมพัดผ่านต้นตะเคียนก็นำมนต์ลอยไปถึงพระลอ ทำให้เกิดความรัญจวนใจ จู่ๆ ก็คิดถึงสองนาง แต่พระมารดาของพระลอรู้เรื่องเข้าจึงหาหมอพระเวทย์มาแก้ หักล้างอาคมของปู่เจ้า ท่านก็ทำเป็นครั้งที่สองอีก ครั้งนี้ก็แรงขึ้น แต่ทางพระมารดาก็แก้ได้อีก

                        พอถึงครั้งที่สาม คราวนี้ปู่เจ้าใช้มนต์เรียกภูตผีปีศาจไปรบกับผีของเมืองพระลอ เมื่อได้ชัยชนะก็ใช้ “สลาเหิร” คือนำหมากพลูมาเสกให้เป็นแมลงภู่ แล้วสั่งให้บินไปตกในพานหมากของพระลอ ตกปุ๊บแมลงภู่หายไปแล้วเปลี่ยนกลับเป็นหมากพลูแทน หมากที่ส่งมาเป็นหมากเสกเสน่ห์ พอพระลอหยิบหมากเคี้ยวก็ออกอาการลุ่มหลงทันที คาถาคงแรงมาก ไม่ต้องรอถึง 3 วัน พระลอท่านก็รีบเผ่นไปหาคู่รักฝาแฝดทันที

                        พระมารดาและพระมเหสีจะร้องห้ามอย่างไรก็ไม่ฟัง หูอื้อตามัวไปสิ้น ทรงเสด็จไปกับสองพระพี่เลี้ยงคือนายแก้ว นายขวัญ เรื่องไสยศาสตร์ยังไม่จบเพราะงานยังไม่เสร็จ ปู่เจ้าสมิงพรายท่านก็ต้องทำให้เร็วขึ้น โดยการส่งผู้นำทางไป เป็นไก่แก้ว (ประมาณว่าไก่แก้วถูกผีสิง หรือผีแปลงเป็นไก่) เจ้าไก่ผีตัวนี้จะไปล่อให้พระลอเดินตามไปทางลัด จะได้เร็วขึ้น เพื่อจะได้พบกับสองศรีพี่น้องที่รอที่อุทยาน

                        พอสมปรารถนาก็หมดหน้าที่ของท่านแค่นี้ พระลอก็ดวงถึงฆาต เรียกว่าถ้าไปจากเมืองตน แน่นอนหมดสิทธิ์กลับ จึงลองเสี่ยงทายกับแม่น้ำกาหลง ผลคือน้ำเปลี่ยนเป็นสีคล้ายเลือด รู้ทั้งรู้แต่มนตรานั้นมันบังตาบังใจไปเสียหมด เป็นตายก็ต้องไป งานนี้ทุกคนตายหมด เพราะมันคือชะตาที่ลิขิตมาแล้ว มีการขุดพบซากเมืองโบราณเมืองสรวง เมืองสรอง ที่จังหวัดแพร่ รวมทั้งถ้ำปู่เจ้าสมิงพรายอีกด้วย

                        พระรถ-เมรี

                        เรื่องต่อมาที่ใช้ไสยศาสตร์อีกเรื่องและเสน่ห์เวทมนตร์ทำให้ผัวรักผัวหลง ก็คือนางสิบสอง  เรื่องนี้ทำเป็นละครจักรๆ วงศ์ๆ บ่อย นิทานพื้นบ้านเรื่องนี้เป็นของทางใต้ หลงคิดว่าเป็นของภาคกลางอยู่ตั้งนาน!! นางยักษ์ที่เลี้ยงนางสิบสองเก่งทางพระเวทย์มาก นางมีมนต์วิเศษเรียกภาพขึ้นมาดูได้เหมือนดูผ่านกระจกว่าพวกลูกๆ ที่นางรักหนีไปอยู่ที่ไหน

                        เมื่อรู้แล้วนางก็แปลงกายเป็นสาวสวยรวยเสน่ห์ไปยังเมืองกุตลนคร เป่ามนต์ให้พระราชารถสิทธิ์หลุ่มหลง และสั่งขังนางสิบสองที่กำลังท้อง เอาไปทรมานในถ้ำ นางยักษ์ก็ไม่หายแค้นจึงแกล้งป่วยให้หมอหลวงทูลพระราชาว่าต้องเสวยลูกตาคนโดยเฉพาะนางสิบสอง ด้วยมนต์ที่ทำเสน่ห์ชี้นกเป็นกวางก็คงไม่ผิดหรอก

                        น่าสงสารพวกนางที่ท้องแล้วยังต้องถูกควักตาอีก ทรมานกับคนท้องคนไส้ โหดร้ายจริงๆ สมกับเป็นยักษ์ตัวแม่แท้ๆ ส่วนน้องคนสุดท้องเสียตาข้างเดียว เป็นเพราะนางค่อมขอร้องพระราชาก็เลยยกเลิกไม่ควักตา แต่นางแก่แล้วหลังค่อม กว่าจะเดินมาถึงก็ถูกควักกินไปถึงคิวนางเภาพอดี เลยรอด เสียตาดวงเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงมีหวังดิ้นพล่านเพราะมันเจ็บปวดทรมาน ดีไม่ดีก็ตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ได้

                        ทั้งหมดประสบเหตุนี้เพราะอานิสงส์จากกรรมเก่าที่เคยควักลูกตาปลาจนเป็นกรรมที่ต้องได้รับ ทุกอย่างล้วนมีเหตุและผลทั้งสิ้น ลูกนัยน์ตาของนางสิบสองทั้ง 23 ดวงถูกนำไปเก็บไว้ที่เมืองยักษ์ ด้วยมนตราและพืชสรรพยารักษานัยน์ตาไว้ได้ ภายหลังพระรถเสนได้นำมาใส่คืนให้แม่และป้า น่าจะต้องใช้เวทมนตร์ด้วยเช่นกัน คิดดูตาบอดมาเกือบ 20 ปี เบ้าตาคงปิดสนิทแน่ๆ

                        ไสยศาสตร์อีกอย่างคือการแปลงสาสน์ นางยักษ์เขียนให้พระรถถือไปให้นางเมรี สั่งให้นางกินเสีย แต่พระรถรอดตายเพราะพระฤษีใช้มนต์เปลี่ยนข้อความใหม่ ให้แต่งงานกันแทน  เรื่องนี้มีมนต์เสน่ห์ของยักษ์ เรื่องจึงต้องโหดแบบยักษ์ๆ สุดท้ายนางเมรีกับพระรถก็ตรอมใจตายตามกันไป จบไม่สวย

                        ไสยศาสตร์ที่ปรากฏในงานวรรณคดีอีกเรื่องที่โดดเด่นมาก และอยู่ในช่วงยุครัตนโกสินทร์คือเรื่องพระอภัยมณี ทำให้เห็นว่าผู้แต่งนั้นมีความรู้เกือบในทุกแขนง และสภาพของสังคมสมัยนั้นด้วย

                        เสน่ห์มนตราในพระอภัยมณี

ผลงานของ อาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต

                  ไสยศาสตร์ในเรื่องพระอภัยมณีมีเยอะ เรียกว่าตั้งแต่พระอภัยมณีกับน้องชายศรีสุวรรณที่ไปเรียนวิชาและได้เจอเพื่อนพราหมณ์ที่เชี่ยวชาญในพระเวทย์ หลังจากพระอภัยถูกลักพาตัวไป น้องชายก็ตามหาพี่กับพราหมณ์จนได้ช่วยรบ งัดวิชาที่เรียนมาสู้รบกับแขกต่างเมือง วิชาที่ใช้ล้วนใช้มนตราทั้งสิ้น

                        แต่ที่คนจำได้มากๆ ก็คือมนต์เสน่ห์ของนางยักษ์ที่เป่าให้พระอภัยหลง และจำแลงกายเป็นสาวงามจนพระอภัยเสร็จนางยักษ์และมีสินสมุทรเป็นพยานรัก แต่เสน่ห์ที่แซ่บและจำแบบไม่ลืมของเรื่องนี้ก็คือมนต์แขก เป็นของนางละเวงวัณฬา ธิดาเมืองลังกา

                        ตอนแรกนางไม่ได้คิดทำใส่พระอภัยหรอก นางให้ช่างวาดรูปด้วยสีที่เขียนเป็นสีเสกลงมนตรามหาเสน่ห์ นางส่งให้เจ้าชายเมืองอื่นโดยหวังให้เชื่อฟังคำสั่ง เจ้าชายเมืองใดเห็นภาพนางละเวงก็ต้องมนต์เสน่ห์ นางชี้นิ้วสั่งให้ทำอะไรก็ทำกันงกๆ นางสั่งให้มาตีเมืองพระอภัย  เจ้าชายก็พกรูปนางมาด้วย

                        บังเอิญรูปหล่นตกหาย พระเอกของเราเก็บได้ พอเห็นรูปนางละเวงสวยงามก็หลงทันที เดือดร้อนที่ลูกและน้องชายต้องหาทางถอนเสน่ห์ คนที่ถอนก็คือพระเจ้าตาของสุดสาคร  ท่านวาร์ปมาช่วยหลานเป็นครั้งที่สอง ส่วนครั้งแรกท่านก็เคยมาช่วยไว้ทัน เกือบตายเพราะถูกตาชีปะขาวหลอกหวังฆ่าชิงม้านิลมังกร และต้องผจญเมืองผี  สู้กันเหนื่อยทั้งม้าและคน

                        เรื่องเสน่ห์ยังไม่จบ เมื่อนางละเวงรู้ว่ารูปถูกถอนมนต์ไปแล้ว คราวนี้นางทำใหม่หนักกว่าเดิม คือทำเสน่ห์ใส่ทั้งครอบครัว โดนทั้งพี่และน้องยังไม่พอ ลูกหลานก็ถูกเสน่ห์ด้วย รวม 4 คู่ชู้ชื่น ยุ่งอีนุงตุงนังเลยขอบอก แต่ก็เป็นที่สนุกสนานของคนอ่าน เป็นแฟนตาซียุคโบราณก็ว่าได้นะเนี่ย

                        ไม่น่าเชื่อว่าคนไทยยุคก่อนจะเสพติดไสยศาสตร์เป็นเรื่องปกติกันด้วยนิ!

/

เรื่องโดย. กรุเก่า

ภาพโดย. กรมส่งเสริมวัฒนธรรม www.culture.go.th, เฟซบุ๊ก ขับนิทานนางสิบสอง-ขานทำนองพระรถเมรี, www.silpa-mag.com, th.pngtree.com, www.gotoknow.org


แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •