18 เมษายน 2024
แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

เราเคยแปลกใจมั้ยว่า “ อนันตนาคราช ” พญานาคต้นตระกูลแห่งนาคทั้งปวง คือใครมาจากไหน ทำไมถึงได้กลายเป็นที่ประทับของพระนารายณ์ ลอยตัวเป็นอมตะอยู่ในเกษียรสมุทร และทำไมถึงมีเพียงแค่องค์พระนารายณ์และพระแม่ลักษมีเท่านั้นที่ประทับอยู่บนนี้ได้

“อนันตนาคราช” หรือ “เศษะนาค” ราชาแห่งเหล่านาค เป็นพญานาคที่ลอยอยู่ในจักรวาล หรือบนเกษียรสมุทร เพื่อเป็นที่ประทับของพระนารายณ์ บางครั้งมีห้าเศียร เจ็ดเศียร หรือพันเศียร แต่ละเศียรสวมมงกุฎเพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ เชื่อกันว่าราชาแห่งนาคนี้เป็น “อธิเศษะ” หรือเศษะแรกของโลก คือเป็นต้นกำเนิดแห่งนาคทั้งปวง เมื่ออธิเศษะแผ่ตัวออก เวลาจะดำเนินไป ส่งผลให้สิ่งมีชีวิตก่อเกิดขึ้นมา และเมื่อกลับมาขดตัว จักรวาลจะหยุดนิ่งทันที ส่วนชาวพุทธรู้จักเศษะนาคในชื่อ “พญาวาสุกรี”

คัมภีร์ปุราณะได้กล่าวถึงตำนานของเศษะนาคาไว้ว่า ชื่อ “เศษะ” (Shesh) เป็นภาษาสันสกฤต แปลว่า “สิ่งที่ยังคงอยู่” อ้างอิงจากความเชื่อว่า เมื่อโลกสิ้นสุดลงหลังจากอยู่มานานชั่วกัปชั่วกัลป์ มีเพียงเศษะเท่านั้นที่เหลืออยู่ ส่วนคำว่า “นาคา” แปลว่า “งู” โดยเป็นสัตว์ที่เปรียบเสมือนพลังงานสำคัญ เมื่อสองคำนี้มารวมกัน จึงหมายถึง พลังงานสุดท้ายที่เหลืออยู่ อันสื่อถึงพลังอันเป็นอมตะหรือเที่ยงแท้ถาวร ตามที่ชาวฮินดูเรียกกันว่า “อาตมัน” และตามชื่อ “อนันตนาคราช” นาคที่มีพลังเป็นอนันต์ ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่จะดำรงอยู่บนอนันตนาคราชได้ จึงต้องมีพลังใกล้เคียงกัน คือ องค์พระนารายณ์ และพระแม่ลักษมี ผู้เป็นชายา กล่าวกันว่า เมื่อยามที่พระองค์สงบนิ่ง จะเรียกว่าพระนารายณ์ แต่ยามตื่นและทำงาน จะเรียกว่าพระวิษณุ ทำให้พลังงานต่างๆ เกิดการเคลื่อนไหวซึ่งดูดมาจากจักรวาลทุกๆ การสิ้นสุดหนึ่งกัลป์ ช่วงรอยต่อระหว่างการสิ้นสุดหนึ่งกัลป์กับการเริ่มต้นกัลป์ต่อไป คือ ช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนของพระนารายณ์และอนันตนาคราช

อย่างไรก็ตาม สถาปัตยกรรมพระวิษณุในช่วงแรกนั้นไม่มีพญานาคปรากฏร่วมอยู่ด้วย เนื่องจากชมพูทวีปยังไม่มีความเชื่อเรื่องนาคเข้ามา จนกระทั่งชาวอารยันจากดินแดนที่เรียกว่าเอเชียในปัจจุบันนี้เข้ามายึดครองดินแดน จึงได้รับมายาคติเรื่องนาคเข้ามาด้วย และถูกนำมารวมเข้ากับความเชื่อเทพเจ้าฮินดูในอดีต จนกลายเป็นพาหนะของพระนารายณ์ในที่สุด

ในศาสนาฮินดู เศษะ หรือที่เราได้ยินในอีกชื่อหนึ่งว่า เศษนาค หรือ อธิเศษะ ท่านเป็นพญานาคที่เป็นราชาแห่งนาคทั้งปวง และเป็นหนึ่งในปฐมชีวิตแห่งการสร้างโลก (หรือ จักรวาล) ในคัมภีร์ปุราณะ ระบุว่า แม่เบี้ยของเศษะเป็นที่อยู่ของดวงดาวทั้งหมดในจักรวาล และเศษะเองนั้นก็ร้องเพลงสรรเสริญพระวิษณุต่อเนื่องยาวนานอย่างไม่รู้จบจากปากของทุกเศียร บางครั้งท่านก็ถูกเรียกในนามว่า อนันตะ-เศษะ ที่แปลว่า เศษะที่ไม่รู้จบ หรือ อธิเศษะ ที่แปลว่า เศษะลำดับแรก คัมภีร์นี้ยังกล่าวอีกว่า เมื่ออธิเศษะคลายตัวเวลาจะดำเนินไปข้างหน้าและการสร้างสรรค์ (จักรวาล) จะเกิดขึ้น แต่เมื่่อท่านหดตัวจักรวาลก็จะสิ้นสุดลง…

พระวิษณุมักจะปรากฏกายในลักษณะที่บรรทมอยู่บนกายของเศษะ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เศษะถูกนับถือในฐานะบริวารของท่านและบางครั้งก็ถือว่าเป็นตัวแทนแห่งพระวิษณุ ในคัมภีร์กล่าวว่าท่านลงมาอวตารเป็นมนุษย์บนโลก 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นพระลักษณ์ น้องชายของพระราม และพระพลราม พี่ชายของพระกฤษณะ

คำว่า เศษะ ในภาษาสันสกฤต โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกับความรู้ทางด้านคณิตศาสตร์นั้นมีความหมายว่า เศษ ซึ่งก็เหมือนกับการที่ท่านเป็นส่วนที่หลงเหลืออยู่เมื่อจักรวาลสิ้นสุดลง แต่ก็ยังมีอีกความหมายหนึ่งที่แปลว่า “เหลือเศษ 6” ซึ่งก็อาจผูกเรื่องได้อีกว่าท่านมักจะปรากฏกายในลักษณะที่มีหลายเศียร (7 เศียร) ชื่อของท่านที่แปลว่า “ส่วนที่เหลืออยู่” (เศษ) นั้นเป็นเพราะว่า เมื่อโลกถูกทำลายหลังจากกัลป์นั้น เศษะก็ยังคงอยู่ (ไม่ถูกทำลายไปด้วย)

ในคัมภีร์ภควคีตา บทที่ 10 บทกวีที่ 29 ขณะที่พระกฤษณะกำลังอธิบายการปรากฏกายของท่าน 75 แบบ ท่านบอกว่า “หากเราปรากฏเป็นนาค เราคืออนันตะ” ซึ่งในมหาภารตะนั้น เศษะเกิดเป็นลูกของนักปราชญ์คาสยัป และภรรยาของเขามีนามว่ากาดรู ซึ่งให้กำเนิดงูหนึ่งพันตัวโดยเศษะนั้นเป็นลูกคนโต ซึ่งเรียงลำดับการเกิดได้ดังนี้ เศษะ, วาสุกรี, ไอราวะตา และทักชะกะ น้องๆ ของเศษะส่วนใหญ่นั้นมีนิสัยโหดร้ายและชอบทำร้ายกันเอง และมักแสดงความไม่เป็นมิตรต่อครุฑ ซึ่งเป็นลูกพ่อตนเองกับภรรยาอีกคนที่ชื่อ วินาธา (Vinatha) ที่เป็นน้องสาวของกาด บุตรสาวของดักชา เศษะนั้นรังเกียจพฤติกรรมที่โหดร้ายของน้องทั้งหลายของตน จึงได้จากแม่และญาติของตนเองไปบำเพ็ญตบะอย่างมุ่งมั่น ท่านลอยอยู่บนอากาศทำสมาธิอยู่ในหลายสถานที่ได้แก่ กันดามดานา, บาดิกาชามา, โกคานา, พุชคารา และหิมาลัย การบำเพ็ญตบะของท่านเข้มข้นมากถึงขนาดทำให้ร่างกายท่านเหี่ยวแห้งจนติดกระดูก พระพรหมเห็นในจิตใจอันมุ่งมั่นในการบำเพ็ญตบะของเศษะ ดังนั้น ท่านจึงให้เศษะขอพรได้ 1 ข้อ เศษะจึงขอให้ท่านนั้นสามารถควบคุมจิตใจของตนเองได้เพื่อจะได้สามารถบำเพ็ญต่อไปได้ พระพรหมพอใจมากและได้ให้พรนั้นแก่เศษะ จากนั้นพระพรหมก็ขอให้เศษะลงไปใต้พิภพ ซึ่งตอนนั้นมีความไม่มั่นคงอยู่ และขอให้เศษะทำให้ใต้พิภพเกิดสมดุลและมั่นคงอีกครั้ง เศษะตกลงและลงไปใต้พิภพ ปรับสมดุลโลกด้วยแม่เบี้ยของตัวเอง ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังเชื่อว่าแม่เบี้ยของท่านก็ยังช่วยพยุงโลกอยู่ ดังนั้นโลกใต้พิภพ (โลกบาดาล) จึงเป็นที่อยู่ของเศษะตลอดกาล

ผู้ที่เคารพนับถือเศษะ มักเรียกเศษะว่า สันคาชานา เปรียบท่านเป็นเหมือนพลังแห่งความสมดุลของพระนารายณ์ และกล่าวกันว่าท่านอาศัยอยู่ในโลกใต้พิภพชั้นลึกสุด ซึ่งมีพญานาคที่มีอัญมณีประดับที่เศียรอาศัยอยู่มากมายโดยที่สันคาชานา นั้นเป็นราชาผู้ปกครอง กล่าวกันว่าท่านมีชีวิตอยู่ก่อนจักรวาลจะถือกำเนิด เมื่อจักรวาลจะถึงจุดจบ ท่านจะสร้างพระรุทธระ 11 องค์ เพื่อทำลายจักรวาลเพื่อสร้างใหม่ นับได้ว่า เป็นพญานาคที่ยิ่งใหญ่ในตำนานฮินดูเทียบเท่ากับเหล่าเทพทั้งหลายเลย

เรื่องโดย. นายตำนาน

ภาพโดย. 8metals.com, www.iskconbangalore.org, astrotalk.com


แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •