23 เมษายน 2024
แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

                        เอ่ยชื่อท้าวเวสสุวรรณ คนไทยจะคุ้นหูมากกว่าท้าวกุเวร ทีนี้เราจะมาล้วงลึกดูว่าจริงๆ แล้วท้าวกุเวรนั้นเป็นยักษ์มาจากไหน เกิดขึ้นมาได้อย่างไร และทำไมจึงเป็นถึงหัวหน้าสี่จตุรเทพ?

                        ประวัติความเป็นมาของท้าวกุเวรนั้นมีหลายตำนานและหลายฉบับ แล้วมีหลายอย่างที่เราไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับท่านมาก่อน เป็นเช่นไรมาลองอ่านกันดู

ล้วงลึกประวัติของท้าวกุเวร

                        กล่าวไว้ว่าพระองค์ได้บำเพ็ญทุกขกิริยาเป็นเวลาหลายพันปีจนพระพรหมทรงเห็นใจ โปรดให้เป็นเทพแห่งความมั่งคั่ง จากมหากาพย์รามายณะกล่าวว่า เทพกุเวรได้รับยานที่ขับเคลื่อนไปในอากาศได้ตามประสงค์ของเจ้าของ คือบุษบก แต่บางตำราก็ว่าท่านมีม้าสีขาวเป็นพาหนะ มีมเหสีนามว่าจารวี หรือฤทธี มีโอรส 2 องค์ ชื่อมณีครีพ หรือวรรณกวี กับนุลกุพล หรือมยุราช มีธิดา 1 องค์ ชื่อมีนากษี

                        ในรามเกียรติ์กล่าวว่าท้าวกุเวรเป็นบิดาคันธมาทน์ ทหารของพระราม และมีสวนชื่อเจตรถอยู่บนยอดเขามันทร แล้วยังมีชื่อเรียกตามเรื่องราวและคุณสมบัติอีกหลายชื่อ เช่น กุตนุ (มีรูปร่างน่าเกลียด) รัตนครรภ (มีเพชรเต็มพุง) ราชราช (เจ้าแห่งราชา) นรราช ธนบดี (เป็นใหญ่ในทรัพย์) ยักษราช (เจ้าแห่งยักษ์) รากชเสนทร์ (เป็นใหญ่ในพวกรากษส) ฯลฯ

บิชามอน

                        ในเรื่องรามเกียรติ์ เรียกชื่อท้าวกุเวรว่าท้าวกุเปรัน กุเรปัน หรือท้าวเวสสุวัณ ในคัมภีร์ไตรเพทกล่าวว่าทรงเป็นอธิบดีของพวกอสูร รากษส และภูตผี ในกลุ่มผู้นับถือศาสนาพุทธลัทธิมหายานในประเทศจีนกล่าวว่าโลกบาลทิศอุดรมีชื่อว่าโตบุ๋น แปลว่าได้ยินทั่วไป มีพวกยักษ์เป็นบริวารกายสีดำ ถือดวงแก้วและงู ส่วนพวกทิเบตกล่าวว่าถือธงและพังพอน สีกายเป็นสีทองคำ ญี่ปุ่นถือว่าโลกบาลทิศนี้เป็นเทพเจ้าประจำโชคลาภ มีนามว่าบิชามอน ตรงกับนามว่าธนบดี หรือธเนศวร อันเป็นนามหนึ่งของท้าวกุเวร แปลว่าผู้เป็นเจ้าแห่งทรัพย์ ส่วนของที่ถือนั้นมีแก้วมณีกับทวนหรือธง

ท้าวกุเวรหรือชัมภละในนิกายวัชรยาน

                        ในคัมภีร์สาธนมาลาศาสนาพุทธนิกายมหายาน ลัทธิวัชรยาน กล่าวถึงท้าวกุเวรว่า มีหน้าที่เป็นทั้งธรรมบาล คือผู้มีตำแหน่งเทียบเท่าพระโพธิสัตว์ มีหน้าที่ทำสงครามปราบปรามปีศาจและยักษ์มารต่างๆ ซึ่งเป็นศัตรูต่อพระพุทธศาสนา ทรงเป็นโลกบาล (ชื่อว่าเวสสุวัณหรือไวศรวัณ) อยู่บนเขาพระสุเมรุซึ่งเป็นศูนย์กลางของจักรวาลและคอยเฝ้าดูแลทางเข้าสวรรค์ (ดินแดนสุขาวดี)

                        พระธนบดีที่เก่าที่สุดที่พบในประเทศไทย สร้างตั้งแต่ครั้งยุคศรีวิชัย เมื่อกว่า 1,000 ปีก่อน พระธนบดียังถือว่าเป็นนิรมาณกายอีกปางหนึ่งของพระโพธิสัตว์ และเป็นส่วนหนึ่งของพระมหากษัตริย์ตามคัมภีร์พระมนู ซึ่งหมายถึงปางหนึ่งของจตุคามรามเทพก็ได้ ที่จะประทานความอุดมสมบูรณ์และความมั่งคั่งให้กับโลกมนุษย์ การสร้างพระธนบดีครั้งนี้จึงสร้างขึ้นจากศาสตร์ความรู้ที่มีมาตั้งแต่ครั้งโบราณ

                        พระธนบดีหินแกะสลักที่มหาเจดีย์บุโรพุทโธ อินโดนีเซีย ศิลปะศรีวิชัยที่งดงาม ประจักษ์พยานถึงความสำคัญของพระธนบดี ผู้ประทานสมบัติพระจักรพรรดิแห่งอาณาจักรทะเลใต้ อานุภาพแห่งพระธนบดีนี้สามารถอธิษฐานขอพรได้ 7 ประการดัวยกัน ตามคุณลักษณะของสมบัติจักรพรรดิ 7 ประการ ซึ่งประทานให้โดยมหาราชผู้เป็นท้าวจตุโลกบาล คุ้มครองดูแลโลกมนุษย์ตลอดกาล

                        อาณาจักรศรีวิชัยเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ มีพระราชาธิราชที่มีพระบรมเดชานุภาพเหนือกว่าพระราชาองค์อื่นปกครองทั่วน่านน้ำอาณาจักรทะเลใต้ มีพระมหากษัตริย์ที่ประกาศตนยิ่งใหญ่ประดุจพระอาทิตย์ พระจันทร์ มีจารึกกรุงศรีวิชัยประกาศความยิ่งใหญ่ปรากฏชัดเจน

                  ตามคัมภีร์เก่าแก่กล่าวไว้ว่าท่านเป็นผู้ประทานความมั่งคั่ง แผ่นดินใดที่อุดมสมบูรณ์ พระมหากษัตริย์ปกครองแผ่นดินโดยธรรม ทรงเปี่ยมไปด้วยพระบรมเดชานุภาพเหนือกว่าพระราชาทั้งปวง ท้าวกุเวรหรือชัมภละนี้จะเป็นผู้ประทานสัตรัตนมณี แก้วเจ็ดประการ หรือสมบัติแห่งจักรพรรดิอันมีช้างแก้ว ม้าแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว มณีแก้ว นางแก้ว จักรแก้ว การประทานสมบัติเจ็ดประการของมหาจักรพรรดิก็เพื่อความรุ่งเรืองแห่งแผ่นดิน

ท้าวกุเวรแบบอินเดีย

                        ในคัมภีร์รามายณะและมหาภารตะบันทึกไว้ว่า ท้าวเวสสุวรรณมีอีกนามหนึ่งคือ ท้าวกุเวร (ท้าวจตุโลกบาล หรือท้าวมหากาพย์ หมายถึงเทพผู้มีภารกิจคุ้มครองปกป้องโลกทั้งสาม) ซึ่งเป็นเทพแห่งยักษ์ เป็นอสูรเทพ ท้าวเวสสุวรรณนี้เป็นเจ้าแห่งอสูรเทพทั้งมวล พระปุลัสตย์นั้นเป็นพระบิดาของท้าวเวสสุวรรณ และท่านได้มีโอรสองค์หนึ่งชื่อว่าพระวิศรวัส

                        พระนามในบางคัมภีร์ของท้าวเวสสุวรรณ อาทิ ยักษราช มยุราช รากษสเสนทร์ และธนบดี ซึ่งหมายถึงผู้เป็นใหญ่ในทรัพย์สินนั่นเอง การที่คนในพุทธศาสนาได้ทำบุญแล้วอธิษฐานอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรนั้น จริงๆ แล้วในความเชื่อของพราหมณ์ ถือว่าหมายถึงท้าวเวสสุวรรณ หรือท้าวจตุโลกบาล

                        บางคัมภีร์กล่าวว่าท่านเป็นอสูรเทพ เป็นยักษ์ 3 ขา มีฟัน 8 ซี่ แต่พระวรกายขาวกระจ่าง สวมอาภรณ์งดงาม มีมงกุฎทรงอยู่บนพระเศียร แต่มีรูปกายพิการ มีพาหนะคือม้าสีขาวนวล มีตำนานอีกฉบับกล่าวว่า เมื่อก่อนพระศากยะมุนีพุทธเจ้าจะปรินิพพาน ได้สั่งความแก่ท้าวจตุโลบาลไว้ว่า…ในอนาคตต่อไป พุทธศาสนาจะประสบกับอุปสรรคมากมาย จากพวกนอกศาสนา พวกไม่หวังดีต่อพุทธศาสนา จะทำร้ายพุทธศาสนา ขอให้ท้าวจตุโลกบาลช่วยกันปกป้องรักษาพุทธศาสนา ตั้งแต่นั้นมาท่านก็ได้ทำหน้าที่ปกป้องพิทักษ์รักษาพุทธศาสนาและผู้ปฏิบัติธรรมเสมอมา

                        คติชาวไทย ท่านเป็นอธิบดีแห่งอสูรหรือยักษ์ ผู้คุ้มครองและดูแลโลกมนุษย์ สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุฯ ทรงอิทธิฤทธิ์อานุภาพมาก ประทับ ณ โลกบาลทิศเหนือ มียักษ์เป็นบริวาร คนไทยโบราณนิยมนำผ้ายันต์รูปยักษ์ผูกไว้ที่หัวเตียงเด็ก เพื่อป้องกันวิญญาณชั่วร้ายไม่ให้มารังควาญแก่เด็ก

ท้าวเวสสุวรรณหน้าพระธาตุดอยสุเทพ

                        ท้าวกุเวรบางทีก็เรียกว่าท้าวไวศรวัน ภาษาทมิฬเรียกกุเวรว่า กุเปรัน ซึ่งมีเรื่องอยู่ในรามเกียรติ์ว่าเป็นพี่ต่างมารดาของทศกัณฐ์ มีเมืองชื่อ อลกา อยู่บนเขาหิมาลัย มีสวนอุทยานอยู่ไหล่เขาแห่งหนึ่งของเขาพระสุเมรุ ชื่อว่าสวนไจตรต หรือ มนทร มีพวกกินนรและคนธรรพ์เป็นผู้รับใช้ ท้าวกุเวรนี้สถิตอยู่ยอดเขายุคนธรอีสานราชธานี มีสระโกธาณีใหญ่ 1 สระ ชื่อ ธรณี กว้าง 50 โยชน์ ในน้ำดารดาษไปด้วยประทุมชาติ และคลาคล่ำไปด้วยหมู่สัตว์น้ำต่างพรรณ

                        ขอบสระมีมณฑปชื่อ ภคลวดี กว้างใหญ่ 12 โยชน์ เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ปกคลุมด้วยเครือเถาภควดีลดาวัลย์ ออกดอกสะพรั่งห้อยย้อยเป็นพวงพู่ ยังมีนครสำหรับเป็นที่แปรเทพยสถานอีก 10 แห่ง มียักษ์เป็นเสนาบดี 32 ตน ยักษ์รักษาพระนคร 12 ตน ยักษ์เฝ้าประตูนิเวศ 12 ตน ยักษ์ที่เป็นทาส 9 ตน

                        นอกจากนี้ยังมีกล่าวว่าท้าวเวสสุวรรณมีกายสีเขียว สัณฐานสูง 2 คาวุต ประมาณ 200 เส้น (ราวๆ 8 กิโลเมตร) มีอาวุธเป็นกระบอง มีพาหนะช้าง ม้า รถ บางทีปราสาท อาภรณ์มงกุฎประดับรูปนาค ดำรงอิสริยศเป็นเจ้าแห่งยักษ์ มีบริวารแสนโกฏิ ถือโล่แก้วประพาส หอกทอง

                        กล่าวว่าเริ่มแรกท่านท้าวเวสสุวรรณปกครองอยู่เมืองลงกา ต่อมาได้ถูกทศกัณฑ์มายึดและขับไล่ให้ท่านไปอยู่ที่อื่น พร้อมทั้งแย่งบุษบก (ของวิเศษที่พระพรหมมอบให้) ไปครอบครองอีก ท่านจึงไปสร้างเมืองใหม่บนสวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา มีหน้าที่ดูแลปกครองเหล่าอสูร ยักษ์ ตลอดจนภูตผีปีศาจทั้งหมด และยังเป็นเจ้าบัญชีพระกาฬใหญ่ ท่านเป็นยักษ์ที่ใจบุญ ทั้งยังให้ความเคารพนับถือพระพุทธเจ้าเป็นอย่างมาก

ภาพวาดจตุโลกบาลหรือจตุมหาราช ศิลปะพม่า (จากซ้าย) ท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักษ์ และท้าวเวสวัณ

                        ในคัมภีร์ไตรภูมิพระร่วงเรียกท้าวเวสสุวรรณว่า“ท้าวไพศรพณ์มหาราช” พรรณนาว่าท้าวเวสสุวรรณนั้นร่ำรวยมหาศาล มีทองคำมากมายไม่รู้กี่ร้อยล้าน มีเครื่องประดับเป็นทองคำ ถือค้อนทอง สากทองเป็นบริวาร ทรงม้าสีทอง ฝ่ายพุทธศาสนามีปรากฏในคัมภีร์พระไตรปิฎกมหานิทานสูตร มหาวรรค ทีฆนิกายกล่าวไว้ว่า ดินแดนที่ประทับชื่ออาลกมันทาราชธานี เป็นนครเทพเจ้าที่งดงามรุ่งเรืองมาก

                        ศิลาจารึกสมัยกรุงศรีอยุธยากล่าวว่า ท้าวเวสสุวรรณมีปราสาทช้างเรืองอร่ามด้วยแสงแก้วอยู่เหนือยอดเขายุคนทร มียักษ์เฝ้าประตูวังและยักษ์เสนาบดีอยู่หลายตน มีร่างทิพย์ ม้าทิพย์ ราชรถทิพย์ และบุษบกทิพย์ มีศักดิ์เป็นใหญ่แก่ฝูงยักษ์ทั้งหลาย 9 ตน มีบริวารที่เรียกว่า ยักขรัฏฐิภะ ซึ่งมีหน้าที่สืบข่าวและตรวจตราเหตุการณ์ต่างๆ รวม 12 ตน

                        เห็นกันแล้วนะว่าท่านมีกำเนิดความเป็นมาที่เป็นปริศนา และผู้คนต่างให้ความเคารพยกย่องท่านมานานนับพันๆ ปีเลยทีเดียว เอาละ ใครอยากรวยก็ไปกราบไหว้บูชาท่านได้เลย หรือถ้าถูกผีหลอก คุณไสยมนต์ดำ ยันต์ท่านก็ช่วยได้ หรือไปฟังสวดภาณยักษ์ก็ศักดิ์สิทธิ์มากเช่นกัน

/

เรื่องโดย. กรุเก่า

ภาพโดย. jasaints : www.bloggang.com, th.wikipedia.org


แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •