29 มีนาคม 2024
แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

                เชื่อไหม…จิตมนุษย์ก่อนตายมักจะผูกจิตกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า โดยเฉพาะการเสียชีวิตแบบกะทันหันจากอุบัติเหตุ บางครั้งดวงจิตก็ติดตามไปด้วย…

                เสียงนาฬิกาปลุกเป็นเวลาตีสี่ ผมรีบดีดตัวลุกขึ้นอาบน้ำ แต่งตัวไปทำงานเพราะผมมีหน้าที่ต้องเปิดประตูโรงงานเป็นคนแรก..คว้ามอเตอร์ไซค์คู่ใจโดยมีแฟนนั่งซ้อนท้ายไปทำงานด้วยกัน ถนนบ้านผมเป็นถนนเล็กๆ เลียบคลองซึ่งต้องตัดออกถนนใหญ่ซึ่งมีสะพานข้ามคลองก่อนเข้าสู่ถนนเมนหลัก เมื่อรถวิ่งมาถึงคอสะพาน ผมก็ต้องหยุดรถเพื่อจะมองซ้ายขวาหาจังหวะถึงจะขับข้ามต่อไปได้

                อยู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันตรงหน้า มีรถกระบะคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วทางตรง แต่มีสุนัขตัวหนึ่งวิ่งตัดหน้าอย่างกะทันหัน รถกระบะซึ่งขับมาด้วยความเร็ว เสียงเบรกดังสนั่นพร้อมหักหลบจนรถเสียการทรงตัว และเกิดอาการหมุนคว้างอยู่หลายรอบก่อนที่จะมีร่างผู้หญิงคนหนึ่งกระเด็นออกมานอกตัวรถ กระแทกพื้นถนนเสียงดัง….พลั่ก…ทุกอย่างอยู่ในสายตาผม ผมมองด้วยความตื่นตกใจและระทึกใจมาก แฟนผมบีบแขนผมแน่นพร้อมกับร้องตะโกนด้วยเสียงดัง

                “…รถ…รถ..ว้าย ตายแล้วๆ…โอ๊ยๆ….พี่ๆ มีคนกระเด็นออกมา….”

                แฟนผมส่งเสียงหวีดร้องละล่ำละลักด้วยความตกใจไม่แพ้ผมที่อ้าปากและตาค้างกับภาพที่เห็น…หลังจากที่รถหมุนคว้างอยู่หลายตลบ มันก็พุ่งทะยานลงน้ำเสียงตูมดังสนั่น

                วินาทีนั้นเอง รถค่อยๆ จมลง ผมรีบจอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้ข้างทางทันที

                “ต้องไปช่วย….ไม่งั้นตายแน่ๆ รออยู่ตรงนี้นะ โทรแจ้งตำรวจด้วย”

                ทั้งๆ ที่ตื่นเต้นจนใจเต้นตูมตาม แต่ผมก็รีบกระโดดลงไปช่วยทันที พอไปถึงรถผมเห็นหญิงสาวพยายามดิ้นรนอยู่ในรถ ผมก็พยายามที่จะเปิดประตูรถ แต่เปิดเท่าไหร่ก็ไม่ออก อาจเกิดจากแรงดันทั้งภายนอกและภายใน ผมพยายามช่วยเธอเต็มที่ ทั้งน้ำก็ลึกแถมยังเป็นโคลนอีก และด้วยเวลาที่รถจมลงอย่างรวดเร็ว

                ชาวบ้านที่ได้ยินเสียงต่างรีบออกมาดูและโดดลงมาช่วยกัน แต่สุดท้ายรถก็จมลงไปมิดทั้งคัน โดยที่เราไม่สามารถช่วยเธอไว้ได้…ซึ่งตอนนั้นผมก็รู้สึกเสียใจนะครับ และเป็นอะไรที่วุ่นวายกันมาก มีคนช่วยกันโทรแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัย แต่กว่ารถกู้ภัยจะมา กว่าจะกู้ได้เธอก็เสียชีวิตแล้ว

                ส่วนหญิงที่กระเด็นออกมาจากรถนั้นเป็นคุณแม่ของเธอเอง ซึ่งสองคนแม่ลูกนั่งมาด้วยกัน โดยลูกสาวเป็นคนขับ ซึ่งอาการของคุณแม่บาดเจ็บสาหัสทีเดียวเพราะกระเด็นออกมาจากในรถ

                หลังจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยมา ใช้เวลาไม่นานก็สามารถเอาศพหญิงสาวออกมาจากรถได้ ผมเลยขอเข้าไปดูศพเธอใกล้ๆ สภาพเธอนุ่งกางเกงขาสั้น ใส่เสื้อยืด รูปร่างหน้าตาสะสวยทีเดียว จนผมเผลอคิดในใจออกไปว่า…เสียดายจัง ยังสาวยังสวยอยู่เลย น่าจะเป็นแฟนพี่…น่าสงสารจังที่ช่วยน้องไม่ได้…เสียดายมากๆ

                ผมยังจำภาพเมื่อตอนที่พยายามจะช่วยเธอเมื่อสักพักได้อยู่เลย เห็นสภาพที่เธอดิ้นรน เนื้อตัวผมเปียกปอนจากการที่ลงไปช่วยเธอ ซึ่งตอนนี้ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งเจ้าหน้าที่กู้ภัย พร้อมๆ กับชาวบ้านที่ต่างมามุงดูกันดูวุ่นวายสับสนไปหมด ผมเลยชวนภรรยาไปทำงานต่อเพราะคงหมดหน้าที่ของเราแล้ว นอกจากเป็นผู้เห็นเหตุการณ์นั่นค่อยว่ากัน ผมเดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่แล้วก็กวักมือเรียกแฟนขึ้นรถเพราะกลัวว่าจะไปทำงานสาย พนักงานจะเข้าที่ทำงานกันไม่ได้

                “ไป….ไปทำงานกัน ตรงนี้มีคนช่วยเยอะแล้ว” แล้วผมก็สตาร์ตเครื่องรถโดยที่ไม่ได้หันกลับไปดู ซึ่งแฟนผมขึ้นมานั่งซ้อนท้ายเรียบร้อยแล้วผมก็ชวนแฟนคุย

                “น่ากลัวมากๆ อุบัติเหตุเราไม่รู้ว่าจะเกิดตอนไหน ต้องระวังตัวมองซ้ายขวาให้ดี เวลาเธอขี่รถก็เหมือนกัน อย่าขับเร็ว เห็นไหมตายง่ายๆ” ผมก็พูดนั่นนี่ชวนคุย แต่ไม่มีเสียงตอบจากแฟนผมเลย กลับรู้สึกว่าแฟนผมกอดที่เอวผมแน่นขึ้น แล้วเอาหน้ามาซบที่ไหล่

                “เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย กอดแน่นจัง กลัวเหรอ” แต่ก็ไม่มีเสียงตอบ แต่เธอกลับกอดผมแน่นขึ้น “ไม่ต้องกลัวหรอก ถ้าเราไม่ประมาทแค่นั้น..น่าสงสารน้องเขานะ ยังสาวอยู่เลย แม่เขาก็อาการหนักอยู่ กระเด็นออกมาขนาดนั้น”

                ผมยังพูดชวนคุยไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบออกมาจากแฟน ตอนนั้นผมเริ่มสัมผัสได้ถึงความเย็นเมื่อเธอเอาหน้ามาซบที่ไหล่ ดูเหมือนว่าตัวแฟนผมนั้นเปียกน้ำ ซึ่งตัวผมก็เปียกแต่ไม่ได้ชุ่มน้ำ แต่ที่ผมรู้สึกคือ ตอนที่เขาเอาหน้ามาซบที่ไหล่นั้นมีน้ำไหลโกรกออกมาจนน้ำนั้นซึมเข้ามาตามลำตัวและแผ่นหลังของผมอย่างมากจนรู้สึกแปลกใจ เลยต้องหันไปมอง…

                แล้วผมก็แทบช็อก…หน้าผู้หญิงที่ผมหันกลับไปมอง กลับไม่ใช่หน้าแฟนผม แต่..แต่กลับเป็นน้องผู้หญิงคนนั้นที่ผมพยายามไปช่วยและเพิ่งตายกำลังนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ผมอยู่ ซึ่งไม่ใช่แฟนผม…เธอทำท่าสำลักน้ำ…ส่งเสียงครอกๆออกมาจากลำคอ…โดยที่เสียงน้ำนั้นกลั้วทะลักออกทั้งปากและจมูก ซึ่งเธอส่งเสียงออกมาว่า…

                คร่อกๆ คร่อกๆ พี่…..พี่….ชอบหนูเหรอ…ชอบหนูไหม…พี่อยากเป็นแฟนกับหนูเหรอ..คร่อกๆๆ พี่อยากอยู่กับหนูไหม…คร่อกๆ

                ขณะที่พูดก็มีน้ำไหลพรั่งพรูออกมาจากปากตลอดเวลา เป็นอะไรที่น่าสยดสยองมาก ผมร้องเสียงหลงพร้อมกับมอเตอร์ไซค์ที่ผมขี่ล้มคว่ำครูดไปกับถนนและพุ่งลงข้างทาง หลังจากนั้นผมก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย

                มารู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ที่โรงพยาบาลด้วยอาการนิ้วหักและบาดเจ็บสาหัส ซึ่งชาวบ้านแถวนั้นมาช่วยนำผมส่งโรงพยาบาล พอรู้สึกตัวแฟนผมก็มาหาที่โรงพยาบาล ผมเลยถามเธอว่าทำไมไม่ซ้อนรถมาด้วย ซึ่งเธอก็ตอบว่า

                 “พอดีตรงนั้นมันกำลังยุ่งๆ คิดว่าพี่จะรีบไปทำงานเห็นโบกไม้โบกมือ ก็เลยคิดว่าพี่จะไปคนเดียว แล้วทำท่าไหนรถถึงได้ล้ม”

                ด้วยความสัตย์จริง ผมเรียกแฟนผมที่กำลังยืนอยู่ แล้วเห็นกับตาตัวเองว่าเธอเดินขึ้นมาซ้อนท้ายผม แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นน้องผู้หญิงคนนั้นแทน และแฟนผมก็ยืนยันว่าเขาไม่ได้ยินที่ผมเรียก เห็นแต่โบกมือเหมือนว่าจะไปทำงานก่อน

                ผมต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลถึงสองสัปดาห์ แต่ระหว่างนั้น…ในแต่ละคืน น้องผู้หญิงคนนั้นจะมาหาผมทุกคืน มาทวงถาม มาชวนผมไปอยู่ด้วย กลางคืนผมแทบไม่อยากหลับอยากนอน บอกใครก็ไม่มีใครเชื่อ…บางคืนที่นอนของผมจะเลอะน้ำสีดำๆ เหมือนน้ำที่อยู่ในคลอง…จนหมอพยาบาลมองผมแปลกๆ ในที่สุดทนไม่ไหว ผมเลยต้องกลับบ้านไปรักษาตัวที่บ้านต่อ แต่น้องเขาก็ไม่หยุดเพียงแค่นั้น

                คืนที่เจอหนักที่สุด ผมนอนหลับได้ยินเสียงหมาทั้งเห่าทั้งหอนอยู่ที่หน้าบ้าน จนแฟนผมเขาลุกขึ้นไปดูที่หน้าต่าง…เห็นมีผู้หญิงยืนอยู่ที่หน้าบ้าน แฟนผมคิดว่าเป็นเพื่อนหรือใครมายืนจึงกะว่าจะออกไปดู….สักพักผมได้ยินเสียงแฟนผมเธอร้องกรี๊ดดังลั่นแล้ววิ่งลนลานเข้ามา ปากก็ร้องแต่ว่า “ผี….ผีหลอก….ผีหลอก….” แล้ววิ่งกระโดดเข้ามาคลุมโปง ผมรู้ทันทีว่าเจอกับอะไร เพราะเสียงหมาที่รุมกันเห่าหอนอยู่ที่หน้าบ้านยังไม่จางหายไป….

                วันรุ่งขึ้น เราต้องพากันไปวัด เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้พระท่านฟัง ซึ่งเราได้คำตอบว่า

                 “ก็โยมเอาจิตไปผูกกับเขาไว้ ตอนที่เขาใกล้ตายเขายึดเหนี่ยวโยมเอาไว้ มีทางเดียว โยมต้องบวชอุทิศบุญให้เขา แล้วเขาจะได้ตัดจากโยมได้ ไม่งั้นอาจจะถึงชีวิตก็เป็นได้ เพราะดวงจิตที่เขาผูกไว้มันแรงมาก”

                หลังจากอาการดีขึ้น ผมรีบบวชและอุทิศบุญกุศลเพื่อตัดกรรมต่อกัน หลังจากนั้นไม่นาน ในคืนหนึ่งเขาก็มาหาผมตอนที่ยังบวชอยู่ มาก้มลงกราบขออโหสิกรรม…และขอบคุณที่ผมอุทิศบุญให้เขาทุกวัน…ทุกอย่างก็ค่อยๆ จางหายไปพร้อมกับวันเวลา…ผมบวชอยู่ถึงสามเดือนถึงได้สึกออกมา….

                หลังจากนั้นชีวิตผมก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหน้าที่การงานและโชคลาภ มักจะได้ยินเสียงกระซิบบอกเลขเหมือนว่าเราหูแว่วอยู่บ่อยๆ แต่ผมก็ไม่ลืมที่จะทำบุญให้เธอคนนั้น สิ่งที่ผมอยากบอกก็คือ ผมขอโทษที่คิดอะไรแบบนั้นจนเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด…

                สุดท้าย ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นเอง อาจเป็นสิ่งที่เคยผูกพันหรือกำหนดมาแล้ว เพราะไม่รู้หรอกว่าเราเคยเกิดแล้วตายมาแล้วกี่ร้อยกี่พันชาติ ตราบที่ยังเวียนว่ายตายเกิด…

*โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

*ภาพที่ปรากฏใช้เป็นเพียงภาพประกอบเรื่องเท่านั้น

เรื่องโดย. กฤตยา อยู่ประเสริฐ

ภาพโดย. tenor.com, blog.ambient-mixer.com, www.pxfuel.com, coxinabox.wordpress.com, www.travelwanderlust.co


แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

เรื่องที่เกี่ยวข้อง