19 เมษายน 2024
แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

ใครจะไปคิดว่าดินแดนที่สวยงามและเงียบสงบ ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งชายทะเลอาหรับ แถบแคว้นคุชราต ทางตะวันออกของประเทศอินเดียแห่งนี้ ครั้งหนึ่งเมื่อประมาณ 500 ปีก่อนคริสตกาล เมืองนี้เคยต้องคำสาปจากปากของนางคานธารี มารดาผู้ต้องทุกข์ระทม เพราะสูญเสียลูกชายทั้ง 99 คนไปในสงครามล้างเผ่าพันธุ์ที่ทุ่งกุรุเกษตร

นางแค้นใจพระกฤษณะอพยพมาจากเมืองมถุรา มาสร้างเมืองทวารกาขึ้นมา และยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับสงครามเครือญาติระหว่างสกุลเการพและปาณฑพ ซึ่งหลังจบสงครามทุ่งกุรุเกษตร คานธารี มารดาของทุรโยธน์ เชื่อว่าพระกฤษณะเป็นต้นเหตุทำให้ทุรโยธน์กับลูกของนางอีก 99 คนต้องตาย ทำให้ไม่มีใครสืบสกุลเการพ นางจึงโกรธแค้นพระกฤษณะยิ่งนัก

“นับตั้งแต่ต้นไปอีก 36 ปี ข้าขอสาปให้พระกฤษณะและสกุลยาทพต้องมาพบจุดจบเหมือนบุตรชายข้าและญาติของท่านต้องมาฆ่ากันตายเอง และเมืองทวารกาของท่านต้องจมสมุทรไปเป็นเวลาหลายพันปี”

คำสาปแช่งดังกล่าวนี้แม้จะน่ากลัว แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นไปได้เลย เพราะในความเชื่อของชาวฮินดูนั้นพวกเขาเชื่อว่าพระกฤษณะเป็นอีกหนึ่งอวตารของพระวิษณุ หรือพระนารายณ์ที่อวตารลงมายังโลกมนุษย์ เป็นนักรบที่เก่งกล้า และเป็นที่ปรึกษาที่ชาญฉลาด สามารถทำให้กลุ่มปาณฑพรบชนะพวกเการพจนทำให้ตายสิ้นทั้งตระกูล

เมืองทวารกา (จมลงมหาสมุทร)

แต่ความแค้นของแม่ที่สาปแช่งเอาไว้ พระกฤษณะแม้ว่าจะเป็นที่นับถือบูชาของชาวฮินดูที่นับถือพระนารายณ์ แต่ในตำนานในประวัติศาสตร์นั้น อุปนิสัยของท่านก็ใช่ว่าจะเป็นคนดีไปเสียทั้งหมด ถ้าจะว่าไปแล้วอวตารของพระวิษณุ หรือพระนารายณ์ปางพระกฤษณะนี้ก็ออกจะเป็นไปในแนวทางสายมืดเล็กน้อย คือโหดเหี้ยมมิใช่น้อยเช่นกัน

ดังนั้น ผู้เขียนจะขอพาท่านมาทำความรู้จักเมืองทวารกา เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของอินเดียที่ถูกสาปให้จมลงสู่ท้องทะเลเมื่อสองพันกว่าปีที่ล่วงมาแล้ว

หลายคนคิดว่าเรื่องเมืองทวารกาได้จมมหาสมุทรไปเพราะคำสาปของนางคันธารีนั้น เป็นเพียงแค่ตำนานเรื่องเล่ากันตามความเชื่อของฮินดูที่มีเรื่องราวของเทพปกรณัมต่างๆ มากมาย แต่ในความจริงเมืองดังกล่าวนี้ได้จมลงสู่ก้นทะเลจริงๆ ส่วนเมืองที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้เป็นเมืองที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในยุคหลังซึ่งตรงกับรัชสมัยพระเจ้าจันทรคุปต์ที่ 2 แห่งราชวงศ์คุปตะที่ทรงให้สร้างเมืองขึ้นมา ณ ที่แห่งนี้อีกครั้ง

เมื่อ 50 ปีก่อน นักสำรวจชาวอินเดียคนหนึ่งได้สำรวจทะเลอาหรับ ก็พบว่าเมืองทวารกาโบราณที่มีอายุเก่าแก่ยิ่งกว่าเมืองทวารกาที่เห็นอยู่ในทุกวันนี้มีอยู่จริง และเมืองแห่งนี้ก็จมอยู่ใต้ท้องทะเลอย่างน่าพิศวงว่าจมลงไปได้อย่างไรทั้งเมือง

เช่นนั้นเรามาทำความรู้จักพระกฤษณะกันสักเล็กน้อยว่าไปทำอีท่าไหน ทั้งๆ ที่เป็นเทพแต่ถูกสาปแช่งแรงขนาดนี้

พระกฤษณะ

สำหรับพระกฤษณะนั้น พระองค์ทรงเป็นเทวะองค์หนึ่งในศาสนาพราหมณ์ ศาสนาฮินดู โดยถือว่าเป็นร่างอวตารของพระวิษณุเป็นตัวบุคคลสำคัญในการทำสงครามในมหากาพย์เรื่อง ‘มหาภารตะ’ ซึ่งถือเป็นมหากาพย์ที่ยิ่งใหญ่ของประเทศอินเดีย ที่เล่าถึงประวัติศาสตร์ในยุคโบราณ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นต้นกำเนิดของคัมภีร์ภควัทคีตา หนึ่งในคัมภีร์สำคัญของคัมภีร์พระเวทที่ศักดิ์สิทธิ์และยังทรงเป็นพระเจ้าสูงสุดในคัมภีร์พรหมไววรรตปุราณะอีกด้วย

คำว่า กฤษณะ อ่านออกเสียงว่า ‘คริชณะ’ เป็นภาษาสันสกฤตมีความหมายว่า ดำ คล้ำ มืด หรือน้ำเงินเข้ม ผู้เป็นเจ้าของความมั่งคั่งและชื่อเสียงทั้งหมด ซึ่งใช้พรรณนาบุคคลที่มีสีผิวคล้ำ พระกฤษณะทรงได้รับคำพรรณนาบ่อยๆ ว่าผิวดำ แต่ในรูปภาพนั้นพระองค์ได้รับการวาดด้วยสีผิวสีน้ำเงินเข้ม มีสัตว์เลี้ยงคือโคสีขาว

ด้วยเหตุนี้ ท้าวกังสะจึงฆ่าลูกทุกคนของนางเทวกีที่ถือกำเนิดขึ้นมา หลังจากฆ่าหกคนแรกแล้ว คนที่เจ็ดคือ ‘พลราม’ ซึ่งในตำนานว่าเป็นร่างอวตารของพญาอนันตนาคราช พระแม่โยคมายาได้สลับเข้าครรภ์ของนางโรหิณี โดยมีพระกฤษณะเป็นคนที่แปด พระวสุเทพสามารถลักลอบเอาพระกฤษณะไปฝากให้โคบาลชื่อนันทะ และนางยโศธาเลี้ยงในหมู่บ้านโคกุลนอกนครมถุรา ต่อมาเมื่อเติบโตขึ้น ก็ได้สังหารท้าวสังกะ และเหล่าอสูรบริวารปลดปล่อยท้าวอุครเสน พระวสุเทพ และนางเทวกี

ท้าวอุครเสนทรงได้ให้พระกฤษณะไปศึกษาในสำนักฤๅษีสานทีปนี และได้แต่งตั้งให้ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งเมืองมถุรา ต่อมาท้าวชราสันธ์ ผู้เป็นพ่อตาของท้าวกังสะ ยกทัพมาหมายแก้แค้นถึง 17 ครั้งแต่ก็พ่ายแพ้ทุกครั้ง พระกฤษณะเห็นว่าเมืองมถุราไม่เหมาะแกการรับศึกหนักเป็นเวลานาน จึงไปสร้างเมืองใหม่ที่ดินแดนริมฝั่งทะเลใกล้กับแคว้นกัมโพชชื่อว่า ‘ทวารกา’ ซึ่งก็เป็นเมืองที่ต่อมาถูกนางคันธารีสาปแช่งนั่นแหละ

ด้วยเหตุที่พระกฤษณะเป็นญาติฝ่ายมารดาของกลุ่มปาณฑพ เมื่อรบกันที่ทุ่งคุรุเกษตรกับพวกเการพพระกฤษณะ จึงได้ช่วยเหลือพี่น้องปาณฑพหลายครั้ง เช่น ช่วยเป็นประธานในพิธีราชสูยะของยุธิษฐิระช่วยภีมะฆ่าท้าวชราสันธ์ (คู่แค้นเก่า) ช่วยเหลือพระนางเทราปตีจากการถูกทุหศาสันเปลื้องผ้าส่าหรี และเป็นผู้ถ่ายทอดภควัทคีตาแก่อรชุน อีกทั้งยังเป็นสารถีและเป็นผู้ชี้นำของอรชุนในการปราบแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของฝ่ายเการพ เช่น ภีษมะ โทรณาจารย์ และกรรณะซึ่งไม่มีใครสู้ได้ จนทั้งหมดต้องตายอย่างน่าอนาถทุกคน จนกระทั่งทำให้นางคันธารีโกรธแค้นพระกฤษณะ และถือว่าเป็นต้นเหตุให้ลูกๆ ของนางทั้งหมดตายสิ้น นางจึงได้ทำการสาปแช่งพระกฤษณะด้วยการให้เมืองทวารกาล่มจมลงสู่ท้องทะเล และให้ลูกหลานพี่น้องพระกฤษณะแย่งชิงสมบัติฆ่ากันเองเหมือนอย่างที่พระกฤษณะไปช่วยให้สองตระกูลปาณฑพและเการพ ซึ่งเป็นญาติกันทั้งนั้นฆ่ากันจนตายเป็นเบือที่ทุ่งกุรุเกษตร

ครั้นเมื่อมหาสงครามทุ่งกุรุเกษตรสิ้นสุดลง พระกฤษณะครองกรุงทวารกาไปอีก 36 ปี ราชวงศ์ยาทพซึ่งกำลังแย่งชิงอำนาจกันได้ฆ่าล้างราชวงศ์กันเอง พระกฤษณะและพระพลรามไปสิ้นพระชนม์ใต้ต้นไม้ ส่วนพระกฤษณะทรงเสด็จต่อไปในระหว่างที่พระกฤษณะกำลังนั่งสมาธิ นายพรานชราคนหนึ่งเห็นอะไรไหวๆ ก็คิดว่าเป็นกวางจึงได้ยิงธนูไปโดนข้อเท้าของพระองค์ถึงแก่ความตาย เพราะพระกฤษณะนั้นมีจุดอ่อนอยู่ที่ข้อเท้านั่นเอง

เมืองทวารกา (พระกฤษณะมาถึงเมืองนี้)

หลังจากการตายของพระกฤษณะ เหล่ายาทพทั้งหลายก็ได้ฆ่ากันตายจนแทบไม่เหลือเช่นกัน และหลังจากนั้นกรุงทวารกาก็ได้จมลงสู่มหาสมุทร เหมือนดังคำสาปแช่งของนางคันธารี

เมื่อเมืองทวารกาได้จมลงใต้น้ำ สุดท้ายก็ถูกลืมเลือนไป เนื่องจากมีการสร้างเมืองทวารกาแห่งใหม่ในรัชสมัยพระเจ้าจันทรคุปต์ที่ 2 แห่งราชวงศ์คุปตะ ทำให้ความทรงจำเกี่ยวกับเมืองทวารกาใต้น้ำถูกบิดเบือนไปเล็กน้อย แต่ถ้าหากว่าเราดำน้ำลงไปใต้ทะเลลึกราว 40 เมตร จะพบกับหลักฐานทางโบราณคดีที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของเมืองโบราณแห่งนี้ที่จมอยู่ใต้น้ำโดยยังมีซากปรักหักพังให้เห็นอยู่

สำหรับเมืองทวารกาที่สร้างขึ้นมาใหม่ในยุคหลังนี้ ปัจจุบันตั้งอยู่ห่างจากเมืองกอนดัล 247 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม. ในเมืองดังกล่าวมีวัดที่สวยงาม และสำคัญสามแห่ง คือวัดรักมิณี, วัดมหาเทพนาเกศวาร์, วัดทวารกาทิศ หรือมีอีกฃื่อเรียกว่า Jagat Mandir

สำหรับคำว่า ‘ทวารกา’ หรือ ‘ทวารวตี’ เรามักพบในวรรณคดีภาษาสันสกฤตซึ่งแปลว่า ‘ประตู’ และเมืองนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในนครศักดิ์สิทธิ์ 7 แห่งในศาสนาฮินดู

ด้วยความเชื่อที่ว่า…หากได้มาเยือนเมืองเหล่านี้สักครั้งในชีวิต จะหลุดพ้นจากวัฏจักรแห่งการเวียนว่ายตายเกิดและเข้าสู่โมกษะ หรือความหลุดพ้น ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของชาวฮินดูผู้ปฏิบัติธรรม

เรื่องโดย. นายตำนาน

ภาพโดย. www.siamganesh.com, news.khbmedia.asia, theharekrishnamovement.org


แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •