26 เมษายน 2024
แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

เรื่องราวแปลกๆ เกี่ยวกับเขาพะเนินทุ่ง ที่ผู้เขียนพูดถึงในเรื่อง ตัวเหรา ในคราวก่อนยังไม่จบ…

…ครั้งก่อนผู้เขียนได้เล่าถึงเรื่องราวแปลกๆ เมื่อครั้งไปพูดคุยกับ อ.จันทน์ ซึ่งท่านได้เล่าถึงเรื่องราวของเขาพะเนินทุ่ง และสัตว์หิมพานต์ ที่พรานปุ่นเคยพบมากว่า ๘๐ ปีแล้ว

เรื่องราวของพรานปุ่นที่หายตัวไปนั้น เป็นเรื่องที่คนที่นั่นได้พูดถึง เล่าถึงอยู่ในชั่วระยะเวลาหนึ่ง จากนั้นทุกคนก็คงลืมเลือนเรื่องราวของพรานปุ่นไปจนหมด

ครั้นยี่สิบปีต่อมา ตกในราวปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เรื่องราวแปลกๆ ของพรานปุ่น ที่ครั้งหนึ่งเคยหายตัวไป ก็กลับมาเป็นที่ฮือฮากันอีกครั้ง

เรื่องราวในคราวนี้ได้คุณย่ารัมภา มิกรกุล เป็นผู้เล่าให้ฟัง ท่านอายุในราวแปดสิบเศษๆ ยังพอรื้อฟื้นความหลัง และความจำได้อย่างเด่นชัด ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณคุณย่าไว้ ณ ที่นี้…

เขาพะเนินทุ่ง

“…ท่านเล่าให้ฟังว่า สมัยนั้นท่านเป็นสาวแล้ว ที่ทางแถวป่าพะเนินทุ่ง อำเภอบ้านลาด อำเภอท่ายางและอำเภอหนองหญ้าปล้อง ล้วนติดกับเขาพะเนินทุ่งทั้งนั้น…” ที่ท่านจำได้เพราะสมัยเด็กๆคุณพ่อท่านเคยพาไปเที่ยวเล่นบ่อยๆ...

สมัยนั้นที่ทางมันยังไม่เจริญ ถนนที่ตัดขึ้นมายังไม่ดีแบบนี้ เขื่อนแก่งกระจานก็ยังไม่มี มีเพียงเป็นคันดินธรรมดาๆ ยังไม่เป็นเขื่อนใหญ่อย่างทุกวันนี้

สมัยนั้นเขาพะเนินทุ่งยาวลงมาถึงด้านทิศใต้ เพราะยังไม่มีถนนตัดเลียบสันเขื่อน ยังมีเก้ง กวาง และสัตว์ใหญ่ๆ แม้แต่เสือ เดินลงมากินน้ำในห้วยหนองเสมอๆ

“…วันหนึ่งกลางฤดูร้อน มีชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตีนป่าบอกว่า มีพรานพลัดหลงมาคนหนึ่ง ตอนนี้เป็นไข้ป่า ให้พำนักอยู่ที่บ้านผู้ใหญ่ฮั่ว หรือฮวดนี่แหละ ท่านจำไม่ชัดนัก”

พรานที่หลงทางมานั้นแต่งตัวแปลกๆ มีของแปลกๆ พกติดตัวมาหลายอย่าง แต่ตอนนั้นยังเพ้อเพราะพิษไข้ และยังจำอะไรไม่ได้

ผู้ใหญ่บ้านตามชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นมาดูพรานแปลกๆ คนนี้ และถามว่า..มีใครพอจะรู้จักบ้างมั้ยว่า พรานคนนี้เป็นใคร และหลงทางมาจากไหน ก็ไม่มีใครรู้จัก ทุกคนก็เลยสงสัยว่าเขาเดินมาจากที่ไหน จากราชบุรีรึ? เป็นพรานจากเมืองเพชรฯ รึ? หรือหลงมาไกลกว่านั้น ถามใครก็ไม่มีใครตอบได้

สุดท้ายก็เลยไปตามคนเฒ่าคนแก่ของหมู่บ้านมาดู เผื่อจะจำ หรือมีใครพอจะรู้อะไรบ้าง…? คนเฒ่าคนแก่ที่ตามมามีหลายคน แต่ก็ไม่มีใครรู้อยู่ดี

แต่แล้วหนึ่งในจำนวนนั้น เกิดคลับคล้ายคลับคลา นึกได้เลาๆ เหมือนว่าจะเคยเห็นพรานคนนี้มาก่อนเมื่อราวสักยี่สิบปีมาแล้ว แต่ก็ไม่แน่ใจนัก เพราะอาจจะไม่ใช่ก็ได้

“…เพราะถ้า…กว่ายี่สิบปีมาแล้ว ถ้าใช่…พรานคนนี้ก็น่าจะมีอายุ และรูปร่างหน้าตาที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่นี่ไม่เลย เขาก็ยังมีท่าทางและลักษณะเหมือนเมื่อครั้งที่เขาหายตัวไปเมื่อยี่สิบปีก่อน”

ครั้นผู้ใหญ่ถามและซักไซ้ไล่เลียงดูก็ได้ความว่า อาจจะเป็นพรานปุ่นคนนั้นก็ได้…แต่ตอนนี้…จะรู้ได้ ก็ต้องถามจากเจ้าตัวที่กำลังนอนซมเพราะพิษไข้นี่แหละ

หลายวันต่อมา พรานปริศนาเริ่มฟื้นไข้ จนอีกสองสามวันก็หายเป็นปกติ ครั้นแล้วผู้ใหญ่ก็ตามชาวบ้าน และคนเฒ่าคนแก่มาฟังคำจากปากของพรานปริศนาผู้นี้

“…เขาว่า เขาชื่อ ปุ่น เขาเข้าป่าเพื่อตามหาป่าหิมพานต์ ที่ไม่มีใครเชื่อเขา  นี่เขาหลงทางมาหนึ่งเดือนแล้ว ตั้งแต่ที่เขาออกตามหา เขาถามว่า วันนี้วันที่เท่าไหร่…พอทุกคนบอกเท่านั้นแหละ เขาตกใจมาก…

…มันจะเป็นไปได้ยังไง เขาแค่เข้าป่าไปเดือนเดียวเอง จะเป็นสิบปียี่สิบปีได้อย่างไรกัน…?” เขาไม่เชื่อ แต่ขณะเดียวกัน ผู้ที่ฟังเขาเล่าก็ทำท่าจะไม่เชื่อเรื่องที่เขาเล่าเช่นเดียวกัน”

บางคนหาว่าเขาแอบอ้างเป็นพรานปุ่น เพราะพรานปุ่นหายสาปสูญมายี่สิบปี ป่านนี้น่าจะตายไปแล้ว หรือถ้ามีชีวิตอยู่ ตอนนี้ก็น่าจะมีอายุแล้ว เพราะตอนหายไป แกก็จะห้าสิบแล้ว นี่ยี่สิบปีน่าจะมีอายุในราวเจ็ดสิบกว่าๆ ได้

“…แต่พรานที่พบตอนนี้กลับยังแข็งแรง อายุก็ดูเพิ่งจะต้นๆ ห้าสิบเท่านั้น”

พอพูดไปไม่มีใครเชื่อ พรานปุ่นก็เลยเงียบ ไม่เล่าต่ออะไรอีก…แกขอพักรักษาตัวอีกวันสองวันก็จะไป คืนนั้น ผู้ใหญ่เข้ามาคุยกับเขาอีกครั้ง…พลางบอกว่า

“…ข้าน่ะเชื่อนะ ว่าเอ็งคือ พรานปุ่นจริง ยังไงช่วยเล่าเรื่องที่ไปพบมาให้ฟังหน่อยได้มั้ย?”

แล้วพรานปุ่นก็เล่าเรื่องแปลกๆให้ผู้ใหญ่ฮวดฟัง แกว่า…

“…ครั้งก่อน เล่าไปก็ไม่มีใครเชื่อเรื่องที่ฉันพูดถึงป่าหิมพานต์แบบนี้แหละ จนฉันต้องการพิสูจน์ เลยออกตามหาป่าหิมพานต์คนเดียว แล้วก็ดันหลงทางอยู่ในป่าเสียเดือนกว่า…

จันทน์กะพ้อ

…ในป่านั้น ฉันพบว่ามีต้นไม้แปลกๆ หลายอย่าง อย่างต้นอะไรฉันก็ไม่รู้ รูปร่างมันเหมือนจันทน์กะพ้อ แต่ออกดอกสีฟ้า พอติดลูกก็เป็นสีแดง พอแก่สุก เป็นสีขาว ลูกมันพอแตกออก ข้างในมีนกตัวเล็กๆ สีฟ้าบินออกมาจากทุกๆ ลูก…ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลย

…ยังมีสัตว์ที่อยู่ในน้ำ แต่ไม่ใช่ปลาอีกมากมาย ตัวหนึ่งเหมือนม้า แต่มีหางเป็นปลา อีกตัวหนึ่งเป็นปลาแต่มีหัวเหมือนมังกร ตัวหนึ่งคล้ายมังกร แต่มีตัวเป็นม้าอะไรแบบนี้…

…ในลำธารบางที่ไม่มีปลา มีแต่ต้นไม้ขึ้นอยู่ใต้น้ำ เป็นต้นไม้ใหญ่อย่างโพธิ์ อย่างไทร อะไรแบบนี้ แต่ขึ้นอยู่ใต้น้ำ และพอออกลูกแล้วจะลอยขึ้นเหนือน้ำ

ในน้ำไม่มีปลา แต่ปลากลับไปว่ายอยู่ในทราย ชายหาดเต็มไปด้วยปลา ดำผุดดำว่ายอยู่ในเนินทรายนั้น ส่วนพวกที่อยู่ในน้ำนั้นก็กลับไม่ใช่ปลาเลย

...ฉันพบต้นนารีผล และเคยเก็บมันมาครั้งหนึ่ง แต่บัดนี้แห้งเหี่ยวหมดแล้ว ต้นนารีผลนั้นจะไม่ติดลูกทั้งปี จะมีฤดูที่ออกดอก ถ้าถึงตอนนั้นกลิ่นจะหอมฟุ้งไปทั่วทั้งป่า กลิ่นหอมเป็นกลิ่นหอมแบบแปลกๆ จำแนกได้ไม่แน่ชัดนัก ออกดอกอยู่สามวันก็จะติดผล

ต้นนารีผล

…ผลนารีผลนั้นเป็นเหมือนฟักแฟง แต่เป็นรูปผู้หญิง ผิวเหมือนมะปราง โตเต็มที่ เหมือนเด็กผู้หญิงอายุ12-13 และจะมีฤษีชีไพรมาเก็บกันเยอะแยะ เห็นว่าเอาไปทำเมีย

…เคยเห็นนกตัวใหญ่มากๆ สีแดง นกที่ว่านี้ไม่เหมือนนกซะทีเดียว มันชอบกินงูตัวใหญ่ๆ ที่มีหงอน มันจะสู้กัน แต่งูหงอนก็แพ้แก่นกสีแดงนี้ทุกที…

…เคยเห็นต้นไม้ขึ้นอยู่กลางท้องทราย รายรอบไม่มีต้นไม้เลยสักต้นเดียว ใต้ต้นไม้ดอกไม้ที่ว่านี้ มีกองกระดูกเรียงรายเต็มไปหมด บางทีต้นไม้ที่ดอกสวยแปลกตานั้น อาจจะเป็นต้นไม้กินคนก็ได้

….น่าแปลกที่ป่านั้น มีแต่สัตว์ มีแต่ต้นไม้ ไม่ค่อยมีผู้คนมากนัก เท่าที่พบก็มักจะเป็นฤษีชีไพรกันหมด ก่อนหน้านี้เคยมีพระธุดงค์พาฉันออกมา แต่พอฉันกลับเข้าไปครั้งนี้ กลับไม่พบพระรูปนั้นอีก

…คืนหนึ่ง ฉันไปหาที่พักแรมริมน้ำ กลางดึกฉันเห็นพญานาค เห็นทั้งตัวเล็กตัวใหญ่เลื้อยขึ้นมาจากน้ำ มาอยู่บนหาดทรายเต็มไปหมด กลางดึกมีเสียงสวดมนต์ดังแว่วๆ มา ฤษีชีไพรเคยบอกว่า พญานาคพวกนั้นขึ้นมาฟังเทศน์ฟังธรรม ซึ่งฉันก็เพิ่งเห็นกับตาตัวเองนี่แหละ

ในป่านั้นเป็นป่าที่แปลก ต้นไม้ทุกต้นงามอย่างประหลาด ไม่พบไม้แห้ง หรือต้นไม้ตายเลยแม้สักต้นเดียว ในป่าลึกๆ มีนางไม้ออกมาขับกล่อมกันเยอะแยะ

นางไม้พวกนี้ แกอธิบายว่า เป็นผู้หญิงสาว ไม่มีผู้หญิงแก่เลย หน้าตาสะสวย รูปทรงองค์เอวมีครบหมด แล้วก็ไม่เคยนุ่งผ้านุ่งผ่อน หรือมีอะไรปิดบังร่างกายเลย เดินไปไหนก็เปิดนมแกว่งไกว หรือแก้ผ้าเดินกันขวักไขว่ทีเดียว

สัตว์ที่ฉันพบมีไม่ต่ำกว่าร้อยชนิด บางชนิดอยู่ตัวเดียว บางชนิดอยู่เป็นฝูง และที่น่าแปลก ในป่าแห่งนั้น ฉันไม่เคยพบมูลสัตว์เลยแม้แต่ครั้งเดียว ปกติฉันเป็นพรานจะไปไหนก็ตามรอยมูลสัตว์ไป แต่นี่ฉันไม่พบอะไรอย่างนั้นเลย สัตว์ใหญ่ก็มี แต่ไม่เคยพบกองมูลแม้แต่ครั้งเดียว

…แกว่า บางครั้งแกก็รู้สึกเหมือนมีใครกำลังตามตัวแกอยู่ และตามติดแกทุกฝีก้าวเพื่อไม่ให้แกออกมาจากป่า ที่พระท่านว่าป่าหิมพานต์นี้ได้ นี่แกออกมาได้ ก็กะว่าจะหาทางกลับบ้านสักหน่อย

คืนนั้น ผู้ใหญ่ฮวดฟังพรานปุ่นเล่าเรื่องที่แกพบมาอย่างสนุกสนาน จนดึกดื่นก็ขอตัวไปนอน ผู้ใหญ่ฮวดบอกว่า ท่าทางที่พรานคนนี้เล่าไม่ได้โกหก เขาเห็นอะไรก็เล่าออกมาอย่างนั้น…บางทีพรานคนนี้คือพรานปุ่นจริงๆ ก็ได้

ดึกสงัดคืนนั้น ผู้ใหญ่ฮวดได้ยินเสียงแปลกๆ ดังขึ้น แต่จับความไม่ได้ว่ามาจากไหน และแกรู้สึกง่วงงุนมากๆ ก่อนจะผล็อยหลับอย่างหมดสติ แกว่าตอนสะลึมสะลือ แกได้ยินเสียงคนพูดกัน เป็นเสียงผู้หญิงพูดและเรียกชื่อพรานปุ่นเบาๆ

ครั้นรุ่งเช้าก็ปรากฏว่าพรานปุ่นหายตัวไปจากเรือนแล้ว ผู้ใหญ่ฮวดรีบบอกลูกบ้านให้ช่วยกันออกตามหา เพราะเกรงว่าพรานปุ่นจะเป็นอันตราย เพราะแกเล่าถึงเรื่องที่มีคนติดตาม แต่กระนั้นคณะลูกบ้านของผู้ใหญ่ฮวดก็ไม่มีใครพบเงาของพรานปุ่นอีกเลย

กับเรื่องนี้ผู้ใหญ่ฮวดกลับเชื่อทุกเรื่องที่พรานปุ่นเล่าให้ฟัง และเปรยๆ กับลูกบ้านว่า บางทีคนในป่าหิมพานต์อาจจะเป็นคนมาพาตัวพรานปุ่นกลับไปก็เป็นได้ เพราะไม่ต้องการให้ใครรู้ว่า ป่านั้นอยู่ตรงไหน หรือมีทางเข้าอย่างไร และที่แกดูไม่แก่ ก็เพราะที่ป่าแห่งนั้นเป็นที่ “อิ่มทิพย์” และผู้คนจะไม่มีวันแก่เฒ่าก็เป็นได้ แต่จากครั้งนั้นแล้ว พรานปุ่นก็หายสาบสูญไป และไม่กลับมาปรากฏให้ใครเห็นอีกเลย  

เรื่องโดย. จุติ จันทร์คณา

าพโดย. www.hellowinter.xn, www.amazingthaitour.com, www.sites.google.com


แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •