7 ตุลาคม 2024
แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

                ในช่วงที่ผู้เขียนเขียนเรื่องนี้ น้ำกำลังท่วมอย่างหนักในจังหวัดภาคกลาง ซึ่งผิดกับครั้งปี 2554 ที่น้ำเริ่มบ่าลงมาจากจังหวัดทางภาคเหนือ

                วันนี้ ผู้เขียนไม่สามารถเข้าไซต์งานที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ เพราะน้ำท่วมไปทั่วจังหวัด ตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง อำเภอนู้น อำเภอนี้ทั่วไปหมด ก็เลยไม่สามารถจะถ่ายทำในส่วนโบราณสถานหลายๆ ที่ต่อไปได้ ก็เลยจำต้องระเห็จกลับออกมายังกรุงเทพฯ และมาจำศีลอยู่ที่ระเบียงชั้นสองอีกเช่นเคย

                วันนี้ไม่เหมือนทุกวัน เพราะวันนี้ฝนตกกระหน่ำอย่างหนัก เมื่อคืนก็ตก ตอนนี้ก็ตก ทำเอาน้ำท่วมทั่วไปหมด ที่รังสิต ปทุมธานี กลายเป็นทะเลไปแล้ว

                มีข่าวว่าผู้ว่าฯ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่กันอย่างหนัก หมายจะผันน้ำจากคลองรังสิตลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาให้จงได้ แต่น้ำในแม่น้ำก็มากมายมหาศาลแทบจะล้นอยู่เหมือนกัน

                ผู้เขียนตามข่าวมาตลอด และมานั่งทำงานบนระเบียงชั้นสองอีกเช่นเคย เพิ่งเอ่ยไปในเรื่องสองเรื่องก่อนว่า เวลานี้เพิ่งจะกลับเข้าทำงานที่ไซต์งานพระนครศรีอยุธยาได้ไม่นาน ก็เห็นทีจะต้องกลับมาปิดออฟฟิศชั่วคราวที่ระเบียงชั้นสองอีกแล้ว

                แต่ยังไม่ทันจะข้ามเดือน ก็กลับมาเปิดออฟฟิศทำงานบนระเบียงอีกแล้ว…นี่มันอะไรกันเนี่ย

                ขณะกำลังนั่งกลุ้มใจอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกหน้าบ้านซึ่งปกติไม่น่าจะมีใครมา ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันศุกร์ และทุกคนนัดกันจะมา แต่ผู้เขียนเห็นฟ้าฝนมันทำท่าไม่ดีก็เลยบอกงดทุกคน

                อย่าเพิ่งมาเลย ท่าทางฟ้าฝนมันจะเล่นเรากลับ เมื่อวานหลายคนกว่าจะถึงบ้านก็ล่อเข้าไปสี่ห้าทุ่มนี่นา และวันนี้ผมก็เชื่อว่าฝนน่าจะตกช่วงบ่ายๆ ถึงเย็นๆ อีกเช่นเคย

                ผมตะโกนลงไปว่า ใครคร้าบ…เสียงนายเอกก็ตะโกนดังลั่นสวนขึ้นมาทันทีว่า…ผมเอง พี่มด

                ว่าแล้วผมก็ต้องลงไปเปิดประตูให้นายเอก และพาเขาขึ้นมานั่งบนระเบียงชั้นสองเหมือนเช่นเคย

                มีอะไรวะ? ไหนว่าวันนี้จะไม่มากันไง? ผมถาม เพราะรู้สึกว่าแถวบ้านนายเอกละแวกลาดพร้าว น้ำก็ท่วมไม่ใช่ย่อยเลย แต่นายเอกบอกว่า

                “โอ๊ย เบื่อขี้เกียจอยู่บ้านพี่ เมียผมเอาลูกไปไว้บ้านยาย ก็คือแม่เขาน่ะ ผมก็เลยแวบมาหาพี่ได้ วันนี้โรงเรียนลูกผมปิด เพราะน้ำท่วมซะอานเลย กว่าจะเปิดก็นู่นวันจันทร์แน่ะ”

                นายเอกว่าพลางขึ้นมานั่งที่เก้าอี้ตัวริม เอาหลังพิงข้างฝา แล้วมองวิวนอกระเบียงไปซอยนั้น ซอยนี้

                “ที่จริงทำงานแบบพี่มันก็ดีเหมือนกันนะเนี่ย” เขาว่าพลางมองผมที่นั่งทำงานโดยเขียนนู่นนั่นนี่ไปโดยตลอด แล้วจู่ๆ เขาก็เหมือนกับนึกอะไรขึ้นมาได้ เลยหันมาถามผมว่า

                “เออ พี่มด…จำเรื่องที่ไอ้เรนมันเล่าให้ฟังครั้งก่อนได้รึเปล่าพี่…เรื่องผีพรายอะไรที่มันเจอมากับแฟนมันน่ะ” เขาถาม ผมพยักหน้า แต่สายตาไม่ได้ละจากหน้าจอคอมพิวเตอร์

                “เออจำได้ ทำไมวะ?” ผมถาม พลางกดเซฟบทความ แล้วเริ่มปิดเครื่องหันมาคุยกับเขา ลงได้คุยกัน หรือมีคนอื่นมาคุยด้วย ผมจะไม่มีสมาธิทำงานเอาเสียเลย

                “…ก็ไม่มีอะไรหรอกพี่ จะบอกว่า ผมเองกับนายอ่อมก็เคยเจออะไรแบบนี้เหมือนกัน แถมเร็วๆ นี้ด้วย” นายเอกบอกว่าวันนั้นเขาไม่อยากเล่า เพราะกลัวเรนมันจะหาว่าไปล้อเลียนมัน

                “ก็เนี่ยแหละ..พี่ ที่จะมานี่ ก็กะจะมาคุยเรื่องนี้เรื่องนึง กับเรื่องนายอ่อมอีกเรื่องหนึ่ง” นายเอกพูดถึงเพื่อนที่ชื่อนายอ่อมที่เป็นคนบางบาล อยุธยา นายเอกเคยไปติดอยู่บ้านนายอ่อมเพราะน้ำท่วมนานเกือบเดือน

                “ทำไม เอ็งกับนายอ่อมมีอะไรรึ?” ผมถาม นายเอกบอกว่า

                “เรื่องที่ผมกับนายอ่อมเจอมา จะว่าไปก็คล้ายๆ กับที่ไอ้เรนมันเจอมานะพี่…ก็เนี่ย ไม่กี่วันมานี้ ผมก็เพิ่งไปติดแหง็ก อยู่บ้านเขาเพราะน้ำท่วมอีกนั่นแหละ ก็น้ำที่เพิ่งจะท่วมนี่แหละพี่”

                “น้ำมันมาเร็วมาก แป๊บเดียวไปไหนไม่ทันแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ นายอ่อมเขาพาผมเอารถไปจอดไว้ที่สะพานสูง คือเป็นสะพานเข้าโรงงานละแวกนั้นที่สูงมากพอพ้นน้ำ”

                “แต่น้ำคราวนี้ มันไม่แรงมากเหมือนปีกลาย แต่ก็ขับรถออกมาไม่ได้เหมือนเดิม เลยโทรไปบอกเมียขอค้างสองสามวันรอให้น้ำลด วันนั้นนายอ่อมกับผมนั่งคุยกันที่ระเบียง…แล้วก็เจอเรื่องอะไรแปลกๆ เข้าพี่”

                นายเอกบอกว่า เขานั่งคุยกับนายอ่อม นายอ่อมนั้นหันหลังให้ระเบียง ส่วนเขาหันหน้าออกระเบียงก็เลยเห็นวิวในน้ำได้ทั่วไปหมด ลูกกรงระเบียงบ้านนายอ่อมเป็นลูกกรงทรงมะหวด เว้นระยะห่างๆ กัน

                “ขณะที่กำลังคุยกับนายอ่อม ผมก็ไพล่มองออกไปนอกระเบียง ก็มองวิวน้ำท่วมนั่นแหละพี่ มันท่วมไปทั่วจนสุดลูกหูลูกตาเลย แต่คนที่นั่นเขาไม่รู้สึกอะไร เพราะปกติน้ำมันก็ท่วมแบบนี้ตลอด แต่คราวนี้มากหน่อย”

                ทันใดนั้น ผมก็เห็นอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในน้ำ ผมรีบบอกนายอ่อมให้ลุกหันไปมองตามที่ผมเห็น นายอ่อมก็ไวอย่างที่คิด เขาหันขวับไปแล้วลุกขึ้นยืนพลางชะโงกหน้าไปมองทันที

                เราสองคนทันเห็นอะไรบางอย่าง ที่รูปร่างเหมือนคนก็เหมือน จะว่าเหมือนปลาก็ใช่ มีขนาดลำตัวใหญ่พอๆ กับคนกำลังแหวกว่ายในน้ำที่ท่วมนั้น

                “ดูซิ มันว่ายน้ำไปทางหลังวัดนั่นแน่ะ” นายอ่อมว่า พลางวิ่งอ้อมมุมบ้านไปตามความยาวของระเบียง ไปดูอีกมุมบ้านด้านหนึ่ง ระเบียงบ้านนายอ่อมยาวรอบบ้านทีเดียว

                ผมรีบวิ่งตามไปสมทบก็ทันเห็นมันกำลังดำและแหวกว่ายลงลึกไปในน้ำที่ท่วมอยู่ละแวกนั้น จากนั้นมันก็หายไปและไม่ปรากฏขึ้นมาอีก

                “เอก เอ็งเห็นอย่างที่ข้าเห็นใช่รึเปล่า” นายอ่อมหันมาถามผม ผมพยักหน้าว่าเห็น เขาบอกว่า “ข้าเห็นอะไรเหมือนคนกำลังว่ายน้ำอยู่ แต่ข้าเชื่อว่ามันไม่ใช่คน เอ็งเห็นด้วยไหม”

                ผมพยักหน้า และบอกว่า “ข้าก็เห็นว่ามันเหมือนคน แต่ไม่ใช่คนแน่ๆ แล้วก็ไม่ใช่ปลาเทโพ ปลาสวาย หรือปลาบึกอะไรด้วย แม้ตัวมันจะใหญ่แต่ไม่ใช่ปลา และมีรูปร่างเหมือนคน”

                เราสองคนมองหน้ากัน ผมไพล่นึกไปถึงเรื่องเมื่อสัปดาห์ก่อน ที่เรนมาเล่าให้ผมกับพี่มดฟัง และพูดถึงสิ่งที่เขาเห็นกับแฟนเขาที่วัดพรหมนิวาส ซึ่งมันก็ที่จังหวัดอยุธยาเหมือนๆ กัน

                “รึว่ามันจะเป็นตัวเดียวกับที่ไอ้เรนมันเห็นวะ?” ผมพูดพึมพำขึ้นมาเบาๆ แต่เผอิญนายอ่อมได้ยิน เขาเลยถามว่าผมพูดถึงอะไร ผมก็เลยเล่าเรื่องที่เรนมันเจอมาที่วัดพรหมนิวาสให้นายอ่อมเขาฟัง

                “ไม่แน่ว่ะ เอก…ดีไม่ดีที่รุ่นน้องเอ็งเห็น อาจจะตัวเดียวกับไอ้นี่ก็ได้” นายอ่อมว่าพลางครุ่นคิด จากนั้นเราก็ไปหาอะไรทานเพราะบ่ายคล้อยเต็มทีแล้ว

                แล้วเย็นวันนั้นเองก็มีเรื่องแปลกเกิดขึ้น ในราวสักสองทุ่มเศษ ผมกับนายอ่อมได้ยินเสียงคนร้องดังลั่นมาไกลๆ เสียงที่ว่าเหมือนคนกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวดังมาจากคุ้งน้ำหลังวัดนั่นเอง

                “ที่ที่ไอ้ตัวนั้นมันว่ายน้ำไปด้วย” ผมพูดขึ้นเบาๆ นายอ่อมก็ได้ยิน เขาบอกว่า “…ไม่แน่นะเว้ย เอก” แต่แล้วพอสามทุ่ม บ้านนายอ่อมก็ปิดไฟเข้านอน แต่ก็เปิดไฟที่ระเบียงไว้หนึ่งดวง

                นายอ่อมให้ผมนอนในห้องโถง ผมนอนริมหน้าต่าง แต่ก็มองออกไปเห็นวิวท้องน้ำได้ถนัด แสงไฟจากระเบียงที่เปิดทิ้งไว้ส่องสว่างลงไปในน้ำ เห็นเป็นวงแสงสะท้อนน้ำชัดเจน

                ผมนั่งดูอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะล้มตัวลงนอน แต่แล้วผมก็สะดุ้งสุดตัวเพราะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังโครม มีเสียงน้ำแตกซ่า อะไรบางอย่างที่ว่าเหมือนมันกระโจนลงน้ำ

                สักพักก็มีเสียงคนร้องและเสียงคนเอะอะโวยวายดังลั่นไปหมด ปรากฏว่าเป็นเสียงคนที่อยู่บ้านถัดจากบ้านนายอ่อมไปสักสามสี่หลังเป็นคนร้อง ตอนนี้เองที่ทุกบ้านแถบนั้นต่างลุกขึ้นกันหมด

                เสียงคนถามกันเซ็งแซ่ว่าเกิดอะไรขึ้น นายหมั่นหมี เพื่อนบ้านของนายอ่อมตะโกนพูดด้วยเสียงที่ยังตื่นเต้นว่า “ตะกี้ตะกี้นี้บ้านผมมีขโมยขึ้นบ้าน”

                นายหมั่นหมีบอกว่า…เขาตื่นขึ้นมาจะเข้าห้องน้ำ มองไปที่ระเบียงก็เห็นว่ามีคนคนหนึ่งกำลังปีนระเบียงขึ้นมา ดูมีพิรุธเลยตะโกนดังลั่น มันคงตกใจเสียง เลยกระโจนลงน้ำหนีไป

                นายอ่อมเลยถามว่า คนที่ว่านั้นลักษณะเป็นอย่างไร นายหมั่นหมีบอกว่า ท่าทางเหมือนคนหลังค่อมๆ เดินโหย่งๆ ไม่ใส่เสื้อผ้า และดูเหมือน…อ่า…ไม่ใช่…คะ…คน ถึงตรงนี้เขาพูดตะกุกตะกัก นายอ่อมเลยถามว่าตกลงยังไงกัน เล่ามาเลย

                “ผม…ผมว่าเขาไม่ใช่คน แต่จะเป็นอะไรผมไม่รู้ เขาเหมือนคนแต่ตัวเหมือนมีเกล็ดสีออกเขียวหรือน้ำเงิน ดูไม่ชัด ตาสีแดงวาว มือมีพังผืด และตัวเขามีกลิ่นเหม็นคาวเหมือนน้ำในบ่อ หรือกลิ่นเหมือนตะไคร่น้ำน่ะครับ”

                นายอ่อมหันมามองหน้าผม ผมนึกออกทันทีว่าตัวนี้ คือสิ่งเดียวกับที่เรนเจอมาที่วัดพรหมนิวาส เรากับคนอื่นตะโกนข้ามบ้านคุยกันอีกสักพักก็แยกย้ายกันไปนอน…มันคงไม่กล้ามาแล้วล่ะ เพราะรู้ว่าเรารู้ตัวแล้ว หลายคนว่าอย่างนั้น

                ผมกับนายอ่อมกลับมานอน ส่วนผมเองนอนไม่ใคร่หลับ ใจนึกระแวงถึงไอ้ตัวประหลาดที่เรนมันเจอ และตัวที่ผมกับนายอ่อมเห็นมันเมื่อตอนเย็นด้วย

                กำลังคิดเพลินๆ ผมก็เห็นวงน้ำปรากฏขึ้น มีเสียงเหมือนคนว่ายน้ำลอดใต้ถุนบ้านไป

                ผมพยายามมองตามก็ไม่เห็น จะออกไปดูที่ระเบียงรึก็ไม่กล้า เลยสองจิตสองใจว่าจะเอาอย่างไรดี

                สักพักใหญ่ก็มีเสียงปืนดังลั่นขึ้นมาจากที่ใดที่หนึ่งที่ไกลออกไปมาก เสียงปืนที่ว่าปลุกเอาทุกคนลุกขึ้นมาด้วยความตกใจอีกครั้ง

                เราออกมาดูที่ระเบียง ไม่พบว่ามีอะไรก็กลับไปนอน พอรุ่งสางก็พบว่าคนที่ยิงปืนคือลุงบิ่น แกบอกว่ามีขโมยปีนขึ้นมาบนระเบียงบ้านแก แกเลยเอาปืนขู่และยิงขึ้นฟ้า มันตกใจกระโจนน้ำหายไป

                พอถามรายละเอียดก็ได้ความเหมือนที่นายหมั่นหมีว่าแทบจะทุกประการ ตั้งแต่นั้นทุกคนเลยหวาดระแวงว่าไอ้ตัวประหลาดมันจะขึ้นบ้านใครอีก

                แต่ก็ไม่มีข่าวคราวอีกเลย หลายคนว่ามันคงกลัวเสียงปืนที่ลุงบิ่นยิงและคงไปจากที่นี่แล้ว วันสองวันน้ำก็ลง ผมก็กลับออกมา และยังสงสัยถึงไอ้ตัวประหลาดนั้นอยู่…นายเอกบอกว่า มันเป็นอะไรที่ลึกลับและน่ากลัวมากจริงๆ เขาว่าอย่างนั้น

เรื่องและภาพประกอบโดย จุติ จันทร์คณา, Ai

ภาพปกโดย. Ai


แชร์เรื่องนี้:
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •